รีโนเวตบ้านเก่าอายุกว่า 50 ปีให้ทันสมัยและตอบโจทย์การอยู่อาศัยของครอบครัว ด้วยแนวคิดหลักของการออกแบบที่ใช้แสงและลมธรรมชาติให้เกิดประโยชน์มากที่สุดบนบริบทต่าง ๆ ที่เป็นข้อจำกัด เพื่อให้เกิดสภาวะน่าสบายอย่างยั่งยืน
.
ใครจะนึกว่าบ้านเก่าที่ถูกปิดไว้มานานจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และรูปโฉมก็เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง จากบ้านชั้นเดียวกลายเป็นบ้าน 2 ชั้นที่ปลูกเต็มพื้นที่ แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะมีสวนเล็กๆ หน้าบ้านเพื่อใช้หย่อนใจและคอยต้อนรับผู้มาเยือน บ้านสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอลกลิ่นอายญี่ปุ่นหลังนี้ มีชื่อว่า “บ้านแสงสบาย (Warmbright House)” เป็นบ้านหลังเล็กที่มีสมาชิกในบ้านเพียง 3 คน คือ คุณพ่อ คุณแม่ และลูกสาว โดยมีคุณพ่อซึ่งเป็นสถาปนิกรุ่นเก๋าทำหน้าที่หลักในการออกแบบปรับปรุงบ้าน พร้อมด้วยลูกสาวสถาปนิกป้ายแดงที่ช่วยกันเติมเต็มจนได้บ้านของครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
ภาพ: สวนเล็กๆ หน้าบ้านเพื่อหย่อนใจและคอยต้อนรับผู้มาเยือน
.
แนวคิดหลักในการออกแบบปรับปรุง
บ้านหลังเดิมเป็นบ้านชั้นเดียวที่คุณแม่อยู่มาตั้งแต่เด็กกับคุณตา คุณยาย และพี่น้อง รวมกัน 5 คน พอโตขึ้นก็ขยับขยายแยกย้ายกันออกไปอยู่ที่อื่น ด้วยเพราะพื้นที่ใช้สอยที่ไม่เพียงพอ บ้านหลังนี้จึงถูกปิดไว้ไม่มีใครใช้งานราว 30 ปี จนกระทั่งคุณตาและคุณยายตัดสินใจยกให้หลานสาว ครอบครัวจึงคิดอยากรีโนเวตบ้านเพื่อให้กลับมาอยู่อาศัยได้เช่นเคย โดยมีแนวคิดหลักจากการแก้ปัญหาที่พบจากบ้านหลังเดิม ได้แก่ พื้นที่ใช้งานที่ไม่เพียงพอ แสงธรรมชาติที่เข้าถึงได้น้อย และพื้นที่ต่ำทำให้น้ำท่วมเข้าบ้านได้เวลาฝนตก
ภาพ: บ้านเดิมเป็นบ้านชั้นเดียว
ภาพ: ภายในบ้านเดิมที่มีแสงสว่างเข้ามาได้น้อย
.
ก่อนเริ่มต้นออกแบบ สถาปนิกให้ทีมงานเข้ามาสำรวจบ้านโดยละเอียดเพื่อตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง และตัดสินใจใช้ระบบโครงสร้างฐานรากเดิมแทนการรื้อทั้งหมดเพื่อสร้างใหม่ เนื่องจากบ้านที่มีอายุกว่า 50 ปีหลังนี้ทรุดตัวเต็มที่หนาแน่นเพียงพอแล้วและยังช่วยลดขยะก่อสร้างด้วย โดยเพิ่มระดับความสูงของพื้นชั้นล่างเพื่อป้องกันน้ำท่วมถึง และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยชั้นบนเป็นห้องนอน ห้องน้ำ และห้องทำงาน โครงสร้างใหม่ที่เพิ่มขึ้นทั้งโครงสร้างเหล็กและพื้นไม้ ถูกคำนวณวัสดุที่เลือกใช้ทั้งหมดให้มีน้ำหนักรวมไม่เกินน้ำหนักของบ้านเดิม ซึ่งสุดท้ายแล้ว ถึงแม้จะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ชั้น แต่น้ำหนักรวมของบ้านหลังใหม่นี้กลับน้อยกว่าเดิมถึง 1 ตัน
ภาพ: เตรียมพื้นที่เพิ่มระดับความสูงของพื้นชั้นล่างพร้อมวางงานระบบใหม่
ภาพ: โครงสร้างพื้นชั้นบนที่เพิ่มขึ้นใช้เป็นโครงสร้างเหล็ก
.
บ้านถูกออกแบบมาให้ทุกห้องมีแสงธรรมชาติเข้าถึงทั้งหมด ซึ่งถือเป็นแนวคิดหลักเพื่อแก้ปัญหาจากบ้านเดิมที่มีแสงเข้าได้น้อยเนื่องจากพื้นที่จำกัดและมีผนังใกล้กับเพื่อนบ้าน แสงจากทางทิศเหนือซึ่งเป็นทิศที่แสงแดดไม่ส่องเข้ามาโดยตรง จึงถูกนำมาใช้เป็นแสงสว่างหลักในบ้านทั้งหลังผ่าน “แผ่นหลังคาโปร่งแสง” ความน่าสนใจอยู่ที่รายละเอียดในการออกแบบเพื่อลดความร้อนที่ยังคงผ่านเข้ามาได้จากด้านบน ซึ่งสถาปนิกเลือกใช้แผ่นหลังคาโปร่งแสงซ้อนกัน 2 ชั้นคั่นด้วยโครงหลังคา เพื่อให้เกิดช่องว่างอากาศ (Air Gap) ตรงกลางเป็นฉนวนกันร้อนด่านแรก ระแนงไม้ใต้หลังคาเป็นฉนวนกันร้อนด่านต่อมาที่ช่วยกรองแสงให้ดูอบอุ่นรำไรคล้ายแสงที่ลอดผ่านพุ่มไม้ลงมาสร้างบรรยากาศที่สบายตา “ห้องทำงาน” ซึ่งเป็นห้องที่ใช้งานเป็นประจำและต้องการแสงที่ดีที่สุดถูกจัดวางไว้ทางทิศนี้ด้วย ส่วนแสงจากทางทิศใต้ที่ได้รับแสงแดดโดยตรงตลอดทั้งวัน ถูกนำมาใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าทดแทนสำหรับใช้ในบ้านผ่าน “ระบบหลังคาโซลาร์” …ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของชื่อ “บ้านแสงสบาย (Warmbright House)” นั่นเอง
ภาพ: แสงธรรมชาติเข้าได้ทั่วถึงภายในบ้านจากทางทิศเหนือผ่าน “แผ่นหลังคาโปร่งแสง”
ภาพ: เปลี่ยนแสงแดดทางทิศใต้เป็นพลังงานไฟฟ้าทดแทนผ่าน “ระบบหลังคาโซลาร์”
.
.
ลมธรรมชาติส่วนใหญ่ที่มาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ถูกดักเข้ามาใช้ถ่ายเทอากาศในบ้านผ่านระบบหน้าต่างบานเกล็ดปรับมุม ที่สามารถเปิดได้เต็มกรอบเพื่อให้ลมเข้าได้อย่างเต็มที่ และพัดออกทางด้านหน้าบ้านซึ่งเป็นหน้าต่างบานเปิดกว้างตลอดช่วงเสา ผนังภายในบ้านเกือบทั้งหมดถูกออกแบบให้เปิดในลักษณะ Wall to Wall เพื่อเปิดพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างห้องได้อย่างอิสระ ไม่กีดขวางทางผ่านลม อากาศจึงสามารถผ่านและระบายออกไปได้อย่างต่อเนื่องตลอดวัน
ภาพ: หน้าต่างบานเกล็ดปรับมุม ที่เปิดได้เต็มกรอบเพื่อให้ลมเข้าได้อย่างเต็มที่
.
การจัดการพื้นที่
ถึงแม้พื้นที่ค่อนข้างจำกัด แต่ภายในบ้านถูกออกแบบอย่างมีสัดส่วนระหว่างพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ส่วนรวม โดยพื้นที่ชั้นบนที่เพิ่มขึ้นมาเป็นพื้นที่ของห้องนอนสไตล์ญี่ปุ่นจำนวน 2 ห้องที่ใช้วิธีการปูฟูกนอนบนพื้นเสื่อทาทามิ ไม่มีการติดตั้งเตียงถาวร เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานพื้นที่ได้อย่างยืดหยุ่น โดยมีห้องทำงานด้านหน้าเชื่อมต่อกับห้องนอนฝั่งทิศเหนือ ในขณะที่ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่น รับประทานอาหาร และครัวขนาดย่อม ที่ออกแบบในลักษณะ Open Plan เชื่อมโยงถึงกัน
โถงสูงแบบ Double Space 3 จุดถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่เชื่อมต่อแนวความคิดของบ้านหลังนี้ “โถงกลาง” ซึ่งเป็นโถงหลักที่สูงที่สุดเชื่อมโยงพื้นที่ชั้นบนกับชั้นล่าง ผู้ที่อยู่ชั้น 2 สามารถมองเห็นกิจกรรมด้านล่างได้ ทั้งยังเป็นโถงที่นำแสงสว่างและลมผ่านเข้ามามากที่สุดด้วย ส่วน “โถงทางทิศใต้” และ “โถงทางทิศเหนือ” ช่วยให้แสงส่องลงมาชั้นล่างได้อย่างทั่วถึง ช่องเปิดที่ผนังก็ทำให้ลมพัดพาเอาความร้อนที่ลอยตัวสูงขึ้นด้านบนจากทิศใต้ออกทางทิศเหนือได้อย่างสม่ำเสมอ ภายในบ้านหลังนี้จึงดูโปร่งกว้าง สบายกาย สบายตากว่าที่จินตนาการได้เมื่อมองจากภายนอก
ภาพ: ห้องนอนสไตล์ญี่ปุ่นเชื่อมต่อกับห้องทำงานด้านหน้าบ้านในทิศเหนือ
ภาพ: แสงที่ส่องลงมาจากโถงกลางและโถงทิศใต้ ช่วยให้บ้านสว่างสบายตา
.
การเลือกใช้วัสดุ
หลังคาบ้านเลือกใช้ “แผ่นหลังคาโปร่งแสง” เพราะต้องการให้แสงภายนอกเข้าถึงภายในบ้าน โดยทำหลังคาซ้อนกัน 2 ชั้นเพื่อสร้างช่องว่างตรงกลางเป็น Air Gap ลดการสะสมความร้อนที่จะถ่ายเทสู่ภายในบ้าน
ฝ้าเพดานทางด้านทิศเหนือที่ต้องการให้แสงเข้าถึง เลือกใช้ระแนงไม้ช่วยกรองแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านหลังคาโปร่งแสงลงมาในบ้าน และยังลดความร้อนจากการปะทะแสงแดดโดยตรงได้ด้วย ส่วนด้านทิศใต้เลือกใช้ฝ้าเพดานทึบแบบมีฉนวนกันความร้อนในตัวเพื่อป้องกันความร้อนสะสมใต้หลังคา
ผนังใช้ “แผ่นสมาร์ทบอร์ด” เป็นหลัก เพราะน้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน ส่วนผนังกั้นระหว่างห้องเลือกใช้ฉากกั้น-มุ้งจีบที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดทั้งแบบทึบ-โปร่งได้ นอกจากช่วยทำให้พื้นที่เป็นสัดส่วนแล้ว ยังช่วยควบคุมระบบปรับอากาศได้ด้วย ผนังบางส่วนตกแต่งด้วยไม้ ซึ่งมีหลักการเลือกใช้ไม้จริงสำหรับพื้นที่ที่ต้องสัมผัส และไม้เทียม (Wood Plastic Composite) สำหรับส่วนที่อยู่สูงและต้องเจอกับแดดฝน เพราะไม่ต้องดูแลรักษา ไม่มีปัญหาความชื้นและปลวก
โครงสร้างหลัก (เสา คาน) ที่ต่อจากโครงสร้างเดิมเป็น “โครงสร้างเหล็ก” ส่วนโครงสร้างพื้นชั้นบนเลือกใช้ไม้จริง เพราะมีน้ำหนักเบาและให้ความรู้สึกเหมือนบ้านสมัยก่อน มีการนำไม้จากบ้านหลังเดิมมาใช้ทำพื้นชั้นบนบางส่วน รวมถึงลูกตั้งลูกนอนบันได และท็อปเคาน์เตอร์ครัว พื้นห้องนอนปูเสื่อทาทามิให้สไตล์บ้านญี่ปุ่นซึ่งช่วยปรับอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสมด้วย
ภาพ: แผ่นหลังคาโปร่งแสงปูซ้อนกัน 2 ชั้น
ภาพ: ฝ้าระแนงไม้ช่วยกรองแสงที่ส่องลงมาในบ้าน
ภาพ: ผนังกั้นห้องสามารถเลื่อนเปิด-ปิดแบบทึบ-โปร่งได้
ภาพ: พื้นชั้นบนเป็นโครงสร้างไม้และพื้นไม้จริง
ภาพ: บันได รวมถึงท็อปเคาน์เตอร์ และชั้นลอยในครัว ใช้ไม้จากบ้านเดิม
.
การรีโนเวตบ้านถือเป็นความท้าทาย เพราะมีเงื่อนไขของบ้านเดิมที่ต้องศึกษาและออกแบบให้ลงตัวกับระบบโครงสร้างเดิม เปรียบเสมือนการเล่นจิ๊กซอว์ที่ต้องต่อให้ลงตำแหน่ง ต้องมีการแก้ปัญหาที่หน้างานตลอดเวลา เพราะอาจเจอสิ่งที่ไม่รู้มาก่อนเมื่อทำการรื้อบ้าน
การออกแบบ “บ้านแสงสบาย” ได้แสดงให้เห็นถึงการนำพลังงานธรรมชาติมาใช้เป็นแกนหลักในการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่อยู่แล้วสบาย อบอุ่น และเชื่อมโยงกับธรรมชาติได้อย่างแท้จริง ผ่านการออกแบบจัดการแสงและลมอย่างละเอียดในทุกจุดของบ้าน
.
.
.
.
.
ขอขอบคุณ
เจ้าของบ้าน/สถาปนิก: คุณอนุชิต สุคนธทรัพย์
ภรรยา: ดนัยยา สุคนธทรัพย์
ลูกสาว: พิรัลพัชร สุคนธทรัพย์
.
.
อ่านเพิ่มเติม: บ้านพร้อมบ่อปลาคาร์ปในฝัน | EASY KOI CENTER
อ่านเพิ่มเติม: รีโนเวตทาวน์เฮ้าส์ 2 ยูนิต เพื่อครอบครัวขนาดเล็กอยู่สบาย