เหล็กหนวดกุ้ง คือ เหล็กเส้นที่ยื่นออกมาจากโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กในส่วนต่างๆ เพื่อเพิ่มแรงยึดและรับแรงดึงระหว่างชิ้นส่วนสองส่วน เช่น รอยต่อของผนังกับเสาไม่ให้แยกตัวออกจากกัน ช่วยทำให้โครงสร้างแข็งแรงและยึดเกาะได้ดีขึ้น >มีให้เลือก 2 ชนิด ได้แก่ เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar) และเหล็กกลม (Round Bar) การใช้เหล็กขึ้นอยู่กับหน้าที่และการรับแรง ยกตัวอย่างเช่น >งานก่อผนัง ตรงรอยต่อที่ชนกันกับเสาจะต้องมีการติดตั้งเหล็กหนวดกุ้งทุกช่วง หากเป็นผนังอิฐมอญระยะ 20 ซม. หากเป็นผนังอิฐมวลเบาระยะ 40 ซม. ส่วนใหญ่จะใช้เหล็กกลมขนาด 6 มม. เพราะใช้งานง่าย ตัดเป็นท่อนๆ แล้วเจาะเสียบเข้าไปที่เสา ทำหน้าที่ยึดผนังไม่ให้หดตัวหนีเสา ไม่ให้ร้าวเป็นแนวตั้งตรงรอยต่อระหว่างเสากับผนัง >เหล็กหนวดกุ้งที่เสา >ภาพ: ติดตั้งเหล็กหนวดกุ้งที่เสาทุกระยะ 20 ซม. เพื่อให้ยึดเกาะผนังได้ดี >. >งานฐานราก เมื่อลงเสาเข็มจะทิ้งเหล็กหนวดกุ้งไว้ 30 ซม. เพื่อให้ยื่นเข้าไปในฐานราก ทำหน้าที่ยึดเกาะระหว่างเหล็กเสริมเสาเข็มกับฐานรากไม่ให้เสาเข็มหลุดจากฐานราก >เหล็กหนวดกุ้งจากเสาเข็มเจาะ >ภาพ: เหล็กหนวดกุ้งจากเสาเข็มเจาะที่ยื่นทิ้งไว้เพื่อให้ยึดเกาะกับฐานราก >. >งานพื้น เมื่อโครงสร้างคานแล้วเสร็จ จะมีการเจาะเสียบเหล็กหนวดกุ้งทุกช่วง 35 ซม. เพื่อรอผูกกับตะแกรงเหล็กในคอนกรีตที่เททับแผ่นพื้นสำเร็จ เพื่อให้แผ่นพื้นและคานยึดกันแข็งแรง สามารถรับแรงได้ตามที่วิศวกรออกแบบ >เหล็กหนวดกุ้งที่คาน >ภาพ: เหล็กหนวดกุ้งที่คานเพื่อรอผูกกับแผ่นพื้นสำเร็จ
ยัดหัวปลาสร้อย คือ รูปแบบการก่อผนังอิฐมอญบริเวณใต้ท้องคานหรือท้องพื้นชั้นบน ในลักษณะเฉียง 45 องศา > เพื่อช่วยลดปัญหารอยร้าวแนวนอนที่ผนังใต้แนวท้องคานหรือท้องพื้น อันเนื่องมาจากการยุบตัวของปูนก่อ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นได้ง่ายหากก่อผนังอิฐมอญจากพื้นถึงใต้ท้องคานหรือท้องพื้นต่อเนื่องในครั้งเดียวกัน ทั้งนี้การก่อผนังอิฐมอญที่ถูกวิธีตามมาตรฐานงานก่อสร้าง ควรก่อโดยเว้นระยะก่อนถึงท้องคานหรือท้องพื้นประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อรอให้ปูนก่อยุบตัว ประมาณ 1-2 วัน ก่อน จากนั้นจึงค่อยก่อปิดช่องว่างดังกล่าวในรูปแบบ “ยัดหัวปลาสร้อย” > ยัดหัวปลาสร้อย ก่ออิฐแถวชนท้องคาน ก่ออิฐใต้ท้องคาน ภาพ: ขั้นตอนการก่อผนังอิฐมอญที่มีการยัดหัวปลาสร้อย > ยัดหัวปลาสร้อย ก่ออิฐแถวชนท้องคาน ก่ออิฐใต้ท้องคาน ภาพ: ตัวอย่างการยัดหัวปลาสร้อย
รวมวิธีเลือกซื้อเก้าอี้นวดไฟฟ้าให้คุ้มค่า คุ้มราคา และที่สำคัญต้องมาพร้อมความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน >เมื่อเกิดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายไม่ว่าจะมาจากความเครียด ออฟฟิศซินโดรมหรือการนั่งนอนท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานาน แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เรามักจะนึกถึง คือ “การไปนวด” เพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย กระตุ้นให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้นและยังช่วยให้หลับสบาย แต่หากจะให้เข้าร้านนวดบ่อย ๆ ก็คงต้องเสียเงินชั่วโมงละหลายร้อยบาทกันไปยาว ๆ บ้างก็ไม่สะดวกจะไปร้านนวดบ่อย ๆ อีกทั้งการหาหมอนวดที่ถูกใจนั้นยิ่งยากเข้าไปอีก.. ดังนั้นคนเลยเริ่มมองหา “เก้าอี้นวดไฟฟ้า” ไปใช้ที่บ้านกันมากขึ้น >เก้าอี้นวดไฟฟ้าแม้จะมีราคาที่สูงแต่หากเลือกให้ดีก็สามารถใช้งานกันได้ยาว ๆ แต่จะเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าอย่างไรให้คุ้มค่า คุ้มราคา วันนี้ SCG Home มี 7 วิธีเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้ามาแนะนำ.. >## 1. เลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์การใช้งาน >โดยส่วนมากเก้าอี้นวดไฟฟ้ามักจะมาพร้อมฟังก์ชันการนวดทั้งตัวตั้งแต่หัวไปจนถึงเท้า และมีโหมดที่เซตให้นวดได้แบบเฉพาะจุดที่เราต้องการได้ เช่น การนวดคอ บ่า ไหล ขา และเท้า นอกจากนี้ยังมีโหมดต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งโปรแกรมการนวดอาจจะมีโหมดให้เลือกสูงถึง 10 โหมด (แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อ) ดังนั้นควรเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่มีโหมดหรือโปรแกรมการนวดที่ตอบโจทย์กับการใช้งานของเราเป็นหลัก >ยกตัวอย่างโหมดการทำงานของเก้าอี้นวดไฟฟ้าในปัจจุบัน >- โหมดโยคะหรือยืดตัวเพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อเสมือนเล่นโยคะ >- โหมดการนวดประคบร้อนเพื่อช่วยผ่อนคลายเส้น >- โหมดนวดแรงเพิ่อกระตุ้นกล้ามเนื้อ >- โหมดการนวดเพื่อฟื้นฟูร่างกาย >- โหมดการนวดกดจุดหรือการกดเฉพาะจุดที่ปวดหนัก ๆ >- โหมดปรับเอนนอนได้ตามองศาที่ต้องการ เก้าอี้นวดไฟฟ้า TOYOKI เก้าอี้นวด วิธีเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้า >ภาพ: เก้าอี้นวดไฟฟ้าจากแบรนด์ TOYOKI ที่มาพร้อมโปรมแกรมการนวดตั้งแต่หัวจนถึงเท้า เก้าอี้นวดไฟฟ้า TOYOKI เก้าอี้นวด วิธีเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้า >ภาพ: เก้าอี้นวดไฟฟ้าจากแบรนด์ TOYOKI กับระบบการนวดด้วยลูกกลิ้ง 14 หัว เน้นนวดหลังเป็นพิเศษ เก้าอี้นวดไฟฟ้า TOKUYO เก้าอี้นวด วิธีเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้า >ภาพ: เก้าอี้นวดไฟฟ้าจากแบรนด์ TOKUYO มีระบบการนวดแบบประคบร้อนและนวดเฉพาะจุด> สนใจ เก้าอี้นวดและอุปกรณ์นวดไฟฟ้า คลิก\{.button .newtab} {.centered} >## 2. มีคุณสมบัติเฉพาะที่เหนือกว่า >ในปัจจุบันเก้าอี้นวดไฟฟ้าแต่ละยี่ห้อมักจะเสริมฟังก์ชันพิเศษเข้ามาในเครื่องนวด เพื่ออำนวยความสะดวกครบครันที่นอกเหนือจากการนวด เช่น >- เก้าอี้นวดที่สามารถเชื่อมต่อกับลำโพงบลูทูธได้ เพื่อเพิ่มความบันเทิงขณะนวด >- เก้าอี้นวดไฟฟ้าที่ออกแบบช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จมือถือและช่องวางโทรศัพท์ >- ออกแบบเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่มีขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ในบ้าน >- ออกแบบเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่ทันสมัย เช่น การสั่งการแบบจอสัมผัส >- เพิ่มเบาะเสริมรองนั่งเก้าอี้นวดไฟฟ้าเพื่อลดความแรงของการนวด >- เก้าอี้นวดไฟฟ้าที่มาพร้อมกับล้อเลื่อนเพื่อเคลื่อนย้ายได้สะดวกยิ่งขึ้น เก้าอี้นวดไฟฟ้าเชื่อมต่อลำโพงบลูทูธ >ภาพ: เก้าอี้นวดไฟฟ้าที่ออกแบบการเชื่อมต่อกับลำโพงบลูทูธได้ เพื่อเพิ่มความบันเทิงขณะนวด เก้าอี้นวดไฟฟ้าที่ออกแบบช่องเสียบ USB >ภาพ: เก้าอี้นวดไฟฟ้าที่ออกแบบช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จมือถือและช่องวางโทรศัพท์ เก้าอี้นวดไฟฟ้าTOKUYO แบบล้อเลื่อน เบาะเสริม เหมือนรองคอ >ภาพ: เก้าอี้นวดไฟฟ้าจากแบรนด์ TOKUYO ออกแบบล้อเลื่อน เบาะเสริม เหมือนรองคอ เพื่อความสะดวกสบายที่เหนือกว่า >## 3. เลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่รองรับน้ำหนักตัวได้ดี >ประเมินน้ำหนักตัวของผู้ใช้ก่อนว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เก้าอี้นวดไฟฟ้าสามารถรองรับได้ไหม เนื่องจากหากเรามีน้ำหนักที่เยอะเกินเก้าอี้นวดไฟฟ้าจะรับได้ อาจทำให้ประสิทธิภาพในการนวดเพื่อผ่อนคลายลดลง และเป็นอันตรายต่อตัวผู้ใช้เอง ทั้งนี้เก้าอี้นวดไฟฟ้าเองก็ต้องมีความแข็งแรงและทนทานพอที่จะรองรับการใช้งานหนัก นอกจากนี้หากผู้ใช้งานมีรูปร่างที่ค่อนข้างใหญ่ อาจจะเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่มีที่นั่งกว้างขึ้น เพื่อให้มีพื้นที่ในการยืดตัว เก้าอี้นวดไฟฟ้า เก้าอี้นวด วิธีเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้า >ภาพ: เลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่สามารถรองรับน้ำหนักตัวได้ดี ที่นั่งกว้าง นั่งสบาย สนใจ เก้าอี้นวดและอุปกรณ์นวดไฟฟ้า คลิก\{.button .newtab} {.centered} >## 4. การรับประกันของเก้าอี้นวดไฟฟ้า >สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงในการเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้ามาใช้งานในบ้านคือการรับประกันสินค้าเพราะหากเก้าอี้นวดไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ ต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ทำงานได้ตามปกติ ในส่วนของการซ่อมแซมหากมีประกันที่ครอบคลุมก็จะทำให้ประหยัดค่าใช้ไปได้ >การรับประกันที่ควรคำนึง >- การรับประกันด้านวัสดุสินค้า เช่น หากเบาะนั่งเป็นวัสดุหนังที่กรอบ แตก ย้วยหรือลอกก็สามารถเปลี่ยนหรือส่งซ่อมได้ แต่ก็ใช่ว่าจะมีทุกยี่ห้อ ดังนั้นควรอ่านรายละเอียดการรับประกันแต่ละยี่ห้อก่อนตัดสินใจซื้อ >- การรับประกันมอเตอร์ โดยทั่วไปแล้วระยะเวลาในการรับประกันจะเริ่มต้นที่ 1 ปี จนถึง 5 ปี >เก้าอี้นวดไฟฟ้าที่มีการรับประกันสินค้าอายุยาวนานเท่าไรก็จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น เพราะหากใช้งานไป 1 ปี แล้วเกิดปัญหาสามารถส่งซ่อมได้โดยไม่เสียเงินเพิ่มหรือบานปลาย เลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่มีการรับประกันสินค้า >ภาพ: การรับประกันสินค้าของเก้าอี้นวดไฟฟ้าจากแบรนด์ TOKUYO ยาวนานสูงถึง 5 ปี >## 5. ความปลอดภัยและได้รับมาตรฐาน >เก้าอี้นวดไฟฟ้าแน่นอนว่ามาพร้อมระบบการนวดด้วยไฟฟ้า ดังนั้นควรให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยจากยี่ห้อที่ได้มาตรฐานหรือเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฏหมายชัดเจน >## 6. บริการหลังการขายและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ >การบริการหลังการขายของเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่ควรจะต้องมีได้แก่ 1) พนักงานที่มีความรู้และความพร้อมในให้บริการลูกค้า 2) มีการตรวจสอบสภาพเก้าอี้นวดได้ถึงบ้านและเร็วทันใจ 3) มีอะไหล่ที่พร้อมรองรับกับสินค้าทุกรุ่น ซึ่งที่ทั้งหมดกล่าวมานี้ต้องมีศูนย์บริการที่เพียงพอด้วย นั่นหมายความว่าแบรนด์เก้าอี้นวดไฟฟ้าที่เราเลือกซื้อจะต้องเป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือได้ >## 7. เก้าอี้นวดไฟฟ้าราคาย่อมเยา >หากจะพูดถึงเรื่องราคาของเก้าอี้นวดไฟฟ้า นับว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง ตั้งแต่หลักหมื่นกลาง ๆ ไปจนถึงหลักแสน (5x,xxx - 3xx,xxx.-) ราคาดังกล่าวก็มาพร้อมคุณสมบัติหรือฟังก์ชันที่เหนือกว่าไปตามลำดับ ซึ่งเราสามารถนำมาเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อเมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่ให้มาได้ ส่วนเก้าอี้นวดไฟฟ้าบางรุ่นที่ราคาหลักแสนจะเรียกว่าแพงก็คงจะไม่ถูกซะทีเดียว เพราะหากคำนึงถึงความคุ้มค่าในระยะยาวและการซื้อมาเพื่อใช้งานได้ทั้งบ้านก็นับว่าเป็นราคาที่น่าลงทุนไม่น้อย เก้าอี้นวดไฟฟ้าแก้ปวดหลัง เก้าอี้นวดไฟฟ้าผ่อนคลาย >ภาพ: การนวดผ่อนคลายด้วยเก้าอี้นวดไฟฟ้า เก้าอี้นวดไฟฟ้าช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ >ภาพ: ใช้เก้าอี้นวดไฟฟ้านวดผ่อนคลายในบ้านได้ทุกเวลาที่ต้องการ >แนวทางการเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าทั้ง 7 ข้อ ที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงคำแนะนำเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อเก้าอี้นวดไฟฟ้าเพื่อให้คุ้มค่า คุ้มราคาที่เสียไปเท่านั้น หากโดยปกติแล้วไม่ค่อยได้นวดหรือไม่ค่อยมีอาการปวดเมื่อย ก็อาจจะไม่คุ้มค่าหากซื้อมาแล้วไม่ค่อยได้ใช้งานก็ไม่แนะนำ.. แต่ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนชอบไปนวดหรือมีกิจกรรมที่ทำให้เราต้องเมื่อยอยู่บ่อยครั้งก็นับว่าเป็นไอเทมที่น่าลงทุนไม่น้อย จ่ายครั้งเดียวแต่ใช้กันได้ยาว ๆ ได้ความเป็นส่วนตัว ทั้งยังไม่ต้องเสียเวลาไปร้านนวดประหยัดค่าหมอนวด ค่าน้ำมัน และประหยัดเวลาในการเดินทางอีกด้วย สนใจ เก้าอี้นวดและอุปกรณ์นวดไฟฟ้า คลิก\{.button .newtab} {.centered}
เที่ยวชมบ้านสวยจากดินแดนในฝัน “เมืองการ์มิซ” เสน่ห์ของสถาปัตยกรรมเมืองหนาวที่จะทำให้บ้านอบอุ่นขึ้น >การ์มิซ-พาร์เทนเคียร์ (Garmisch and Partenkirchen) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่แนวเทือกเขาเเอลป์ ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี เมืองที่อากาศดี ธรรมชาติสวยงาม และมีสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้อยากมาเยี่ยมเยือนสักครั้งนั่นก็คือ การอนุรักษ์อาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมดั้งเดิมในสไตล์บาวาเรียนที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน >“บ้านปูนสองชั้น หลังคาทรงจั่ว ผนังเขียนสี หน้าต่างบานยก ระเบียงไม้หน้าบ้าน” มีให้เห็นกันเกลื่อนตาในเมืองแห่งนี้ ถึงแม้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองการ์มิซจะถูกทหารอเมริกายิงระเบิดถล่มเสียหาย อาคารเก่าแบบดั้งเดิมพังทลาย หลงเหลือเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่หลังจากเยอรมันปราชัย กองทัพอเมริกาก็เข้ายึดและสร้างการ์มิซใหม่ให้กลายเป็นเมืองตากอากาศ โดยยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ บ้านเรือนส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนเป็นเชิงพาณิชย์ เช่น รีสอร์ต ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้า เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาในทุกฤดู เมื่อถึงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุม นักท่องเที่ยวจะนิยมมาเล่นสกีบนยอดเขาซุกชปิทเซอ (Zugspitze) และเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อน ดอกไม้จะเบ่งบานรอบๆ เนินเขา เหมาะกับการเดินป่าชมธรรมชาติอันสวยงาม text >ภาพ: ช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้พื้นเมืองอย่างดอก Loewenzahn หรือ Dandelion จะบานสะพรั่งไปทั่วเนินเขา >อาคารบ้านเรือนยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ในสไตล์บาวาเรียน (Bavarian) เน้นการใช้วัสดุท้องถิ่นมาเป็นส่วนประกอบ และด้วยสภาพอากาศที่มีหิมะตกจนได้สมยานามว่า “เมืองสกีหิมะ” อาคารบ้านเรือนจึงถูกออกแบบให้รองรับกับสภาพอากาศ เริ่มจากหลังคาที่ต้องมีความแข็งแรงเพื่อรับน้ำหนักของหิมะ โดยส่วนใหญ่เป็นหลังคาทรงจั่ว เอียง 30- 45 องศาเพื่อช่วยให้หิมะไหลสู่พื้นอย่างรวดเร็ว text >ภาพ: หลังคาส่วนใหญ่เป็นหลังคาทรงจั่ว ที่มีความลาดเอียงประมาณ 30 - 45 องศา >โครงหลังคาทำจากไม้สนและไม้โอ๊คซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งและเป็นวัสดุท้องถิ่นแบบดั้งเดิม มุงด้วยกระเบื้องลอนซึ่งช่วยระบายหิมะให้ไหลลงเร็วขึ้น ตกแต่งด้วยจันทันและค้ำยันไม้แกะสลักสวยงาม ที่ขาดไม่ได้คือระเบียงหน้าบ้าน (Balcony) ที่แทบทุกหลังจะต้องมีเป็นส่วนประกอบ โชว์ความประณีตสวยงามของราวกันตกซึ่งนิยมใช้ไม้แกะสลัก สลับกับเหล็ก Wrought Iron ที่แสดงถึงความหรูหรา ระเบียงยาวจากไม้สน >ภาพ: ระเบียงยาวจากไม้สนแท้ ซึ่งเป็นไม้ท้องถิ่นของเมืองการ์มิซ และราวกันตกที่ตกแต่งด้วยเหล็ก Wroth Iron ลวดลายอ่อนช้อยสวยงาม >สิ่งที่โดดเด่นของบ้านเรือนในเมืองการ์มิซคือ ผนังอาคาร เน้นการใช้วัสดุหลักอยู่ 2 ประเภทคือ ไม้และปูนฉาบ โดยในส่วนผนังชั้นที่ 2 จะก่อผนังปูน และกรุไม้ทับเป็นชั้นที่ 3 เพื่อป้องกันความเย็นจากภายนอก แต่ด้วยไม้แท้ดูแลค่อนข้างยาก อาคารบางหลังจึงเปลี่ยนเป็นผนังปูนทั้ง 3 ชั้น โดดเด่นด้วยผนังเขียนสี Fresco (การเขียนสีบนผนังปูนเปียก) เป็นเทคนิคโบราณในการวาดจิตรกรรมฝาผนังให้เนื้อสีซึมเข้าไปในเนื้อปูน ซึ่งสีจะติดทนนานหลายร้อยปี ถือเป็นเสน่ห์ให้กับเมืองได้อย่างมากทีเดียว ผนังเขียนสี >ภาพ: ผนังเขียนสี Fresco ที่ศิลปินมักจะถ่ายทอดเรื่องราวของกษัตริย์ อัศวิน และศาสนาคริสต์ โบสถ์คริสต์ >ภาพ: โบสถ์คริสต์ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค มีหลังคายอดแหลมสูง สื่อถึงพระเจ้าที่อยู่บนสรวงสวรรค์ >สำหรับเมืองหนาวอย่างการ์มิซ นอกจากการทำกำแพงให้หนาทึบตันแล้ว ก็ยังนิยมออกแบบให้ช่องหน้าต่างมีขนาดเล็กด้วย เพื่อป้องกันความเย็นไม่ให้เข้าสู่ภายในอาคาร รวมถึงการสร้างห้องใต้ดิน ที่นิยมทำเป็นห้องเก็บไวน์เพราะมีอุณหภูมิที่ช่วยรักษาคุณภาพของไวน์ได้ดี หน้าต่างจะเป็นบานยกและบานกระทุ้ง ทำจากไวนิลและอะลูมิเนียมที่ช่วยเก็บความอบอุ่นภายในบ้าน ทดแทนวงกบไม้ที่เป็นวัสดุดั้งเดิม นอกจากนี้เมืองการ์มิซยังขึ้นชื่อในเรื่องหินคอบเบิลสโตน ที่เดิมทีนิยมกรุผนังอาคาร แต่ก็ปรับเปลี่ยนมาปูถนนตามตรอกซอกซอย รถยนต์สามารถสัญจรได้สะดวก แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของวัสดุได้เป็นอย่างดี text >ภาพ: หน้าต่างบานกระทุ้งตกแต่งด้วยบานเปิดอีกชั้น วาดลายซุ้มประดับสวยงามด้วยเทคนิคการเขียนสีแบบ Fresco คอบเบิลสโตน >ภาพ: พื้นทางเดินปูด้วยหินคอบเบิลสโตน ถือเป็นเสน่ห์ที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเมืองนี้ การ์มิซ >ภาพ: บรรยากาศบ้านเรือนที่เงียบสงบ ด้านหลังเห็นวิวยอดเขาซุกชปิทเซอ แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองการ์มิซ >สถาปัตยกรรมเมืองการ์มิซ ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศเมืองหนาว และการเลือกใช้วัสดุในท้องถิ่นที่เหมาะสม จนเกิดเป็นเสน่ห์ที่สร้างความทรงจำและความประทับใจให้กับผู้คนที่ได้ผ่านมาพบเจอเมืองเล็กๆ แห่งนี้ สนใจบริการออกแบบก่อสร้าง คลิก\{.button .newtab} {.centered}
ลดร้อนให้บ้านชั้นเดียวเย็นขึ้นกว่าภายนอกได้ถึง 10 กว่าองศา ด้วยการใช้ฉนวนกันความร้อน Stay Cool ขนาดความหนา 6 นิ้ว พร้อมบริการติดตั้งจาก เอสซีจี >หากใครกำลังจะวางแผนสร้างหรือซื้อบ้านชั้นเดียว แต่มีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องความร้อนที่จะผ่านเข้าสู่ตัวบ้านทางหลังคาแล้วล่ะก็ บทความนี้เราขอพาไปเยี่ยมชมบ้านชั้นเดียว ที่มีอุณหภูมิภายในบ้านเย็นกว่าภายนอกถึง 10 กว่าองศา ด้วยการใช้ฉนวนกันความร้อน Stay Cool >คุณอมกฤต ชื่นจิต หรือคุณตู่ เจ้าของบ้านหลังนี้ เป็นวิศวกรหนุ่มชาวพังงา แต่มาหลงใหลในวิถีชีวิตของเมืองเชียงใหม่ จึงตัดสินใจซื้อบ้านชั้นเดียวภายในโครงการบ้านจัดสรรที่อยู่ชานเมือง เพราะรู้สึกว่าบริเวณชานเมืองนั้นอากาศดี และได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากกว่าในเมือง และวัตถุประสงค์หลักของการซื้อบ้านหลังนี้คือ การเตรียมตัวมาอยู่ถาวรหลังจากเกษียณอายุการทำงานแล้ว จึงเลือกเป็นบ้านชั้นเดียว เพื่อความสะดวกและปลอดภัยที่ไม่ต้องเดินขึ้น-ลงบันได >ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านชั้นเดียว คุณตู่ก็มีความกังวลเรื่องความร้อนเหมือนกัน เพราะหากเป็นบ้าน 2 ชั้นขึ้นไป อย่างน้อยพื้นที่ชั้นบนย่อมมีส่วนช่วยกันความร้อนจากหลังคาบ้านได้อีกชั้น แต่บ้านชั้นเดียวจะได้รับความร้อนส่งต่อทางหลังคาบ้านได้โดยตรง ผู้อยู่อาศัยบ้านชั้นเดียวจึงไม่มีพื้นที่ให้หลบร้อนในยามกลางวัน แต่ด้วยวิชาชีพการทำงานด้านวิศวกรและจากการศึกษาเพิ่มเติม ทำให้คุณตู่มั่นใจว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมปัจจุบันสามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ >หลังจากซื้อบ้านได้ไม่นาน ก่อนตกแต่งห้องต่างๆ คุณตู่จึงหาวิธีป้องกันความร้อนที่เข้ามาทางผนังกระจก โดยการติดฟิล์มกรองแสง และจุดสำคัญคือบริเวณหลังคาที่จะได้รับความร้อนโดยตรง คุณตู่เลือกใช้ ฉนวนกันความร้อน เอสซีจี รุ่น STAY COOL ขนาดความหนา 6 นิ้ว พร้อมบริการติดตั้ง จากร้านตัวแทนจำหน่ายนพดลพาณิชย์ โดยทางร้านส่งทีมมาสำรวจประเมินหน้างาน เพื่อเสนอราคาก่อนติดตั้ง และยังสำรวจโครงสร้างการรับน้ำหนักของฝ้าให้ก่อนอีกด้วย เมื่อถึงวันติดตั้ง ทีมช่างจะทำการเปิดช่องฝ้าเพดาน เพื่อให้มีพื้นที่นำแผ่นฉนวนขึ้นไปปูบนฝ้าเพดาน บ้านหลังนี้พื้นที่ใช้สอยประมาณ 150 ตร.ม. ใช้ระยะเวลาติดตั้ง 1 วัน ก็แล้วเสร็จ สามารถอยู่อาศัยได้ตามปกติ text >ภาพ: บริเวณช่องแสงติดฟิล์มและผ้าม่าน เพื่อลดแสงแดดและความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้าน text >ภาพ: เปิดช่องฝ้าเพดานเพื่อทำการติดตั้งฉนวนกันความร้อน เอสซีจี รุ่น STAY COOL text >ภาพ: ปูฉนวนกันความร้อน เอสซีจี รุ่น STAY COOL เหนือฝ้าเพดาน >หลังจากติดตั้งฉนวนกันความร้อน Stay Cool คุณตู่เล่าว่า “สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ บ้านร้อนช้าลง ช่วงฤดูกาลทั่วไปอย่างฤดูฝน ฤดูหนาว หรือวันปกติที่อากาศไม่ร้อนมากเกิน สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องเปิดแอร์ แค่เพียงมีพัดลมก็สามารถอยู่สบายแล้ว แต่หากเป็นช่วงฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงกว่า 40 องศา ก็จำเป็นต้องเปิดแอร์ แต่ก็ช่วยยืดเวลาได้ดีกว่าตอนที่ไม่ติดตั้งมาก เช่น หากไม่ติดตั้งฉนวนกันร้อน บ้านจะเริ่มร้อนตั้งแต่ก่อนเที่ยง แต่หลังจากติดตั้งบ้านจะเริ่มร้อนช่วงบ่ายโมง บ่ายสองโมงเป็นต้นไป การมีฉนวนกันความร้อนจึงช่วยยืดเวลาให้สามารถอยู่ภายในบ้านสบายยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าเมื่ออุณหภูมิภายในบ้านลดลง ก็ช่วยลดการทำงานของแอร์ ช่วยลดค่าไฟในระยะยาวได้อีกด้วย” >Tip: การเลือกขนาดความหนาของฉนวนกันความร้อนที่เหมาะสม ให้ลองสำรวจพื้นที่ว่างบนฝ้าเพดานก่อน เพราะรูปทรงหลังคาบางประเภท เช่น หลังคาคอนกรีตเสริมเหล็ก (หลังคา Slab), หลังคาเพิงแหงน จะมีพื้นที่ว่างใต้โถงหลังคาไม่มากนัก จึงจำเป็นต้องเลือกฉนวนกันความร้อนที่มีความบางลง แต่หากเป็นบ้านหลังคาปั้นหยา จั่ว มนิลา โดยปกติจะมีพื้นที่ใต้โถงหลังคาสูง แนะนำให้เลือกฉนวนกันความร้อนที่ 6 นิ้ว เพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพสูงสุด เพราะยิ่งหนาก็ยิ่งกันความร้อนได้ดีกว่า >ในส่วนการตกแต่งบ้าน คุณตู่เลือกใช้กระเบื้องสีขาวสะอาดตาในการปูพื้น และหินอ่อนลายสวยสำหรับท็อปเคาน์เตอร์ ซึ่งทั้งสองวัสดุนี้สามารถเก็บกักความเย็นได้อย่างดีเมื่อเปิดแอร์ และเมื่อปิดแอร์ก็จะคายความเย็นออกมา ทำให้รู้สึกเย็นสบายเมื่อได้สัมผัส text >ภาพ: ภายในบ้านตกแต่งด้วยกระเบื้องปูพื้นสีขาวสะอาดตา และท็อปเคาน์เตอร์หินอ่อน เพิ่มความหรูหราอย่างเป็นธรรมชาติ >เมื่อเราเดินชมภายในบ้านครบแล้ว จึงมาลองตรวจวัดอุณหภูมิภายในห้องนอน โดยวางอุปกรณ์ไว้บริเวณหัวเตียงในช่วงเวลาเที่ยงวัน ผลที่ได้คือ ห้องนอนมีอุณหภูมิ 29.2 องศา ซึ่งเป็นระดับอุณหภูมิที่สามารถอยู่ได้แบบสบายๆ โดยไม่ต้องเปิดแอร์ text >ภาพ: อุณภูมิที่วัดได้ภายในห้องนอน 29.2 องศาเซลเซียส >จากนั้นเราจึงเดินออกไปวัดอุณหภูมิภายนอกบ้าน ซึ่งอุณหภูมิที่วัดได้คือ 41.6 องศา ต่างกับภายในห้องนอนมากถึง 12.4 องศา แต่ทั้งนี้ ความต่างของอุณหภูมิแต่ละบ้านอาจแตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หลังคาบ้าน, งานสี และการระบายอากาศภายในบ้าน text >ภาพ: อุณหภูมิภายนอกบ้าน 41.6 องศาเซลเซียส >การติดตั้งฉนวนกันความร้อนบนฝ้าเพดาน นับเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน แต่หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้บ้านของเราเย็นยิ่งขึ้น ควรใช้วิธีอื่นควบคู่กันไปด้วย เช่น การออกแบบบ้านให้มีการถ่ายเทอากาศที่ดี, เลือกก่อผนัง 2 ชั้นในทิศตะวันตกและทิศใต้, ก่อผนังด้วยอิฐมวลเบา, ทาสีผนังบ้านที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน รวมทั้งการปลูกต้นไม้เพื่อช่วยกรองแสงแดดและให้ร่มเงา >ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ: www.banidea.com สนใจ ฉนวนกันความร้อน STAYCOOL พร้อมบริการติดตั้ง คลิก\{.button .newtab} {.centered}
Active AIRflow™ System เป็นนวัตกรรมถ่ายเทอากาศ เร่งการระบายความร้อนเพื่อมอบความสบายในการอยู่อาศัยให้กับทุกคนในครอบครัว >Active AIRflow™ System เป็นระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องปรับอากาศให้ดียิ่งขึ้น โดยหลักการทำงานของ Active AIRflow™ System จะช่วยเร่งการระบายและลดความร้อนในบ้านเพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง (ประหยัดค่าไฟมากขึ้น) จึงช่วยถ่ายเทอากาศได้อย่างรวดเร็ว บ้านจึงมีอากาศที่ดีไหลเวียนอยู่เสมอ ไม่สะสมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เมื่อเปรียบเทียบกับห้องปิดทึบที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพียงอย่างเดียว >ขั้นตอนการทำงานของระบบ Active AIRflow™ System นั้น จะอาศัยเริ่มจากการให้อากาศภายนอกไหลเวียนเข้าสู่ตัวบ้านผ่าน “ช่องเติมอากาศติดผนัง” (Intake Air Grille) โดยดึงความร้อนจากภายในตัวบ้านขึ้นสู่โถงใต้หลังคาด้วย “ชุดระบายอากาศฝ้าเพดาน” (Ceiling Ventilator :CV) และระบายออกสู่นอกตัวบ้านผ่าน “ชุดกระเบื้องระบายความร้อนในโถงหลังคา” (Solar Roof Tile Ventilator :SRTV) ซึ่งมีพัดลมช่วยเร่งการระบายความร้อนให้ออกจากโถงหลังคา ทำให้อุณหภูมิภายในบ้านลดลงได้ถึง 3 – 5 องศา อุณหภูมิใต้หลังคาลดลงถึง 10 องศา (อุณหภูมิที่ลดลงขึ้นกับขนาดพื้นที่ภายในบ้านและวัสดุก่อสร้างที่ใช้) ผู้อยู่อาศัยก็จะรู้สึกสบายตัวมากยิ่งขึ้น ลดการใช้เครื่องปรับอากาศ หรือหากเปิดใช้เครื่องปรับอากาศจะทำให้เย็นเร็วขึ้น จึงลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศได้นั่นเอง ลดความร้อนในบ้าน,เปิดแอร์ให้ประหยัดไฟที่สุด,เปิดแอร์กี่องศาประหยัดไฟที่สุด,ActiveAirflowSystem >*ภาพ: จำลองระบบการทำงานของ Active AIRflow™ System สนใจติดตั้งระบบระบายอากาศ Active AIRflow™ System คลิก\{.button .newtab} {.centered}
วัสดุที่ใช้แต่งฝ้าเพดานในบ้านอาจมีไม่กี่ชนิด แต่เราสามารถใช้ลูกเล่นต่างๆ สร้างความหลากหลายให้ดูน่าสนใจได้ ฝ้าหลุม >ภาพ: ฝ้ายิปซัมฉาบเรียบ เล่นระดับทำฝ้าหลุมพร้อมซ่อนไฟหลืบ แต่งฝ้าเพดาน >ภาพ: ฝ้ายิปซัมฉาบเรียบสีขาว เล่นระดับด้วยแนวฝ้าสีเทาให้ดูมีมิติ ฝ้าเอียง >ภาพ: ฝ้ายิปซัมฉาบเรียบเอียงต่อเนื่องกับผนัง สร้างสรรค์สเปซแหวกแนว แต่งฝ้าเพดาน >ภาพ: ฝ้ายิปซัมฉาบเรียบ กับลูกเล่นผนังลายไม้ต่อเนื่องไปยังฝ้าเพดาน พร้อมซ่อนไฟหลืบ >สนใจ ภายใน พร้อมบริการติดตั้ง คลิก\{.button .newtab} {.centered} แต่งฝ้าเพดาน >ภาพ: ฝ้ายิปซัมฉาบเรียบ เล่นระดับโดยใช้ไม้ตกแต่งในส่วนของฝ้าหลุม แต่งฝ้าเพดาน >ภาพ: ฝ้าไม้สีอ่อน ในห้องที่ตกแต่งด้วยไม้ผิวด้าน แต่งฝ้าเพดาน >ภาพ: ฝ้าไม้ทาสีขาว ในห้องสีขาวสไตล์วินเทจ แต่งฝ้าเพดาน >ภาพ: ฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ทั้งแผ่นเรียบและเว้นร่อง ติดตั้งแบบฝ้าทีบาร์ แต่งฝ้าเพดาน >ภาพ: ฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ ติดตั้งแบบเว้นร่องพร้อมเล่นแพทเทิร์น แต่งฝ้าเพดาน >ภาพ: ฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ ติดตั้งผสมผสานทั้งแบบแผ่นเรียบและแบบเซาะร่อง แต่งฝ้าเพดาน >ภาพ: ฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ลายเซาะร่องเล่นระดับ ล้อมรอบด้วยฝ้าเรียบ แต่งฝ้าเพดาน >ภาพ: ฝ้าตะแกรงเหล็กฉีกสีดำเหมาะกับสไตล์ Loft แต่งฝ้าเพดาน >ภาพ: ฝ้าตะแกรงเหล็กฉีกสีแดง กับการตกแต่งสไตล์ Industrial Loft โทนสีแดง เหลือง น้ำเงิน สนใจ ภายนอก พร้อมบริการติดตั้ง คลิก\{.button .newtab} {.centered}
ทำความรู้จักแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ทั้งรูปแบบ หน้าตา คุณสมบัติ เพื่อเป็นอีกวัสดุทางเลือกในงานต่อเติมหลังคาโปร่งแสงหรือหลังคาใสภายนอกบ้าน เช่น งานต่อเติมหลังคาโรงรถ หลังคากันสาด เป็นต้น >การทำหลังคาใสๆ หรือที่เรียกกันว่า “หลังคาโปร่งแสง” เป็นอีกทางเลือกที่นิยมในการต่อเติมพื้นที่ใช้สอยรอบบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ต่อเติมหลังคาโรงรถ หลังคากันสาด หลังคาครัว ทางเดินนอกบ้าน ซุ้มนั่งเล่นพักผ่อน ลานซักล้าง ฯลฯ ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสวยงาม ใช้กันฝนโดยที่ยังคงได้รับแสงธรรมชาติ สร้างบรรยากาศที่ดีทั้งยังลดการเปิดไฟช่วยประหยัดพลังงานด้วย และหนึ่งในวัสดุที่ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ก็คือ “แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด” ซึ่งจะพามาแนะนำให้เจ้าของบ้านรู้จักกันในครั้งนี้ หลังคาใส หลังคาโปร่งแสง SCG >ภาพ: ตัวอย่างการใช้งานแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด สำหรับทางเดินภายนอก พื้นที่นั่งเล่นในสวน หลังคาใส หลังคาโปร่งแสง SCG >ภาพ: ต่อเติมหลังคาโปร่งแสง เป็นพื้นที่นั่งเล่นในสวน ด้วยแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด สีชา ต่อเติมกันสาด หลังคากันสาด หลังคาใส หลังคาโปร่งแสง SCG >ภาพ: ตัวอย่างการต่อเติมหลังคากันสาดเหนือหน้าต่าง โดยใช้แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด สีส้ม แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี รุ่นกันร้อน พร้อมบริการติดตั้งโรงรถ/กันสาด คลิก\{.button .newtab} {.centered} >## ทำความรู้จักแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด >แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด เป็นวัสดุมุงหลังคารูปลอนผลิตจากโพลีเอสเตอร์เรซินผสมไฟเบอร์กลาส ขนาดหน้ากว้าง 1.05 เมตร แต่มีหลายความยาวให้เลือก คือ 2,3,4,5 และ 6 เมตร มีหลากหลายสีโดยแต่ละสีมีค่าความโปร่งแสงเฉพาะตัว แสงจึงส่องผ่านได้มากน้อยต่างกัน นอกจากนี้ยังมีรุ่น HEATSHIELD ที่ช่วยป้องกันความร้อนได้มากขึ้น แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด เหมาะสำหรับงานต่อเติมหลังคากันสาด หลังคาโรงรถ หลังคาสระว่ายน้ำ หรือหลังคาส่วนต่อเติมอื่นๆ ตามแต่นักออกแบบจะประยุกต์ใช้ แผ่นโปร่งแสงเอสซีจี หลังคาใส หลังคาโปร่งแสง SCG >ภาพ: ค่าความโปร่งแสงของ แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด สีต่างๆ โดยระบุเป็นระดับเปอร์เซนต์ที่แสงลอดผ่านได้ แผ่นโปร่งแสงเอสซีจี หลังคาใส หลังคาโปร่งแสง SCG >ภาพ: ห้องสมุดชุมชนหาดวอนนภา “Live for Reading Room” (ออกแบบโดย ดวงฤทธิ์ บุนนาค) ที่ใช้แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ติดตั้งเป็นหลังคาและผนัง แผ่นโปร่งแสงเอสซีจี หลังคาใส หลังคาโปร่งแสง SCG >ภาพ: ห้องสมุดบ้านทุ่งนาตาปิ่น จ. สุพรรณบุรี (โดยนักศึกษาทีมค่ายอาสา คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร)ใช้แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ติดตั้งเป็นหลังคาและผนัง สนใจ บริการโรงรถและกันสาดแบบมาตรฐาน คลิก\{.button .newtab} {.centered} >## ทำไมแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ถึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ? >- เบา ติดตั้งง่าย ขนย้ายสะดวก เพราะเป็นวัสดุมุงหลังคาที่มีน้ำหนักเบา จึงไม่เปลืองโครงสร้างในงานต่อเติมหลังคา ขนย้ายสะดวก ติดตั้งง่าย ช่างทั่วๆ ไปสามารถทำได้ด้วยอุปกรณ์พื้นฐานอย่าง สว่านยิงสกรู เครื่องตัด ปืนกาวซิลิโคน และยังมีหลายความยาวตอบโจทย์การใช้งานที่ขนาดต่างๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาตัดมากนัก >- ทนต่อการใช้งานและแดดฝน แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด มีเนื้อวัสดุที่แข็งแรง เหมาะกับงานหลังคา ผลิตจากโพลีเอสเตอร์เรซินชนิดพิเศษผสมไฟเบอร์กลาสคุณภาพสูง จึงไม่เปราะแตกหักง่าย มีการเคลือบผิวด้วยวัสดุที่คงทนต่อทุกสภาพอากาศ พร้อมแผ่นฟิล์มกันรังสี UV คุณภาพสูงปิดทับผิวหน้าป้องกันปัญหาขุ่นมัวและไม่ให้แผ่นโปร่งแสงแตกลายงา ทั้งยังผสมเรซินที่มีคุณสมบัติพิเศษทนต่อรังสี UV อีกด้วย หลังคาใส หลังคาโปร่งแสง SCG ลอนกันสาด >ภาพ: ตัวอย่างการใช้แผ่นโปร่งแสงลอนกันสาด ทำหลังคาอาคาร >- มีหลากหลายสี สวยงาม เจ้าของบ้านสามารถเลือกให้ตรงตามความชอบและเหมาะกับรูปร่างหน้าตาของบ้านได้ นอกจากนี้ แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ยังผ่านกระบวนการผลิตสูตรพิเศษ จึงดูสวยงาม สามารถกระจายแสงได้สม่ำเสมอ ต่อเติมหลังคาโรงรถ หลังคาใส หลังคาใส หลังคาโปร่งแสง SCG >ภาพ: ต่อเติมหลังคาโรงรถหน้าบ้าน ด้วยแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด สีน้ำเงิน (ขอบคุณสถานที่: บ้านคุณทวยเทพ สุจิตจร) >- มีรุ่นกันความร้อนให้เลือก หากเป็นการต่อเติมหลังคาสำหรับพื้นที่ใช้สอยที่ต้องการลดความร้อน สามารถเลือกใช้ แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด รุ่น HEATSHIELD ซึ่งผสมสารพิเศษ ทำให้ป้องกันความร้อนได้ดีกว่ารุ่นทั่วไป และเติมสาร UV Absorber และ UV-Stabilizer ช่วยผสานการยึดเกาะของโมเลกุลในเนื้อแผ่นให้เป็นเนื้อเดียวกันได้ดี หลังคาโปร่งแสงกันความร้อน หลังคาใส หลังคาโปร่งแสง SCG HeatShield >ภาพ: แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด รุ่น HEATSHIELD สีต่างๆ พร้อมระดับค่าความโปร่งแสง หลังคาโปร่งแสงกันความร้อน หลังคาใส หลังคาโปร่งแสง SCG ตาราง อุณหภูมิ >ภาพ: เปรียบเทียบอุณภูมิที่แตกต่างของพื้นที่ใต้แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด รุ่นธรรมดา (UV-shield) และรุ่น Heatshield โดยวัดอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่เวลา 8:00-17:00 น. เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ระยะติดตั้งแผ่นโปร่งแสงสูงจากพื้น 2.25 เมตร วัดอุณหภูมิใต้แผ่นโปร่งแสงสูงจากพื้น 1.70 ม. >มาถึงตรงนี้ เจ้าของบ้านก็ได้รู้จักแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ในฐานะทางเลือกวัสดุต่อเติมหลังคาโปร่งแสง อย่างไรก็ตาม สำหรับเมืองร้อนอย่างบ้านเรา การต่อเติมหลังคาโปร่งแสงควรดูเรื่องทิศทางแดดให้เหมาะกับการใช้งานด้วย สำหรับแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด แต่ละสีที่มีค่าความโปร่งแสงต่างกัน ก็นับเป็นอีกปัจจัยในการเลือกใช้ได้ เช่น ทำหลังคาลานซักล้าง อยากได้แดดและความร้อนผึ่งผ้า อาจเลือกสีโทนสว่างให้แสงส่องผ่านได้เต็มที่ ส่วนงานต่อเติมหลังคาโรงรถ หลังคากันสาดที่อยากให้กันแดดได้มากหน่อยก็เลือกสีโทนมืด หรือถ้าอยากป้องกันความร้อนได้มากขึ้นอาจหันไปเลือกรุ่น HEATSHIELD เป็นต้น >อ่านเพิ่มเติม: 4 วิธีทำหลังคาโปร่งแสงฉบับลดบ้านร้อน บริการตกแต่ง ติดตั้ง ศาลาพักผ่อนนอกบ้าน คลิก\{.button .newtab} {.centered}
คำนวณปริมาณคอนกรีตผสมเสร็จที่ต้องใช้เบื้องต้น สำหรับงานเทพื้นคอนกรีตหนา 10 และ 15 ซม. ในหน่วย “คิว” ซึ่งเป็นหน่วยที่เราใช้เรียกกันในการสั่งคอนกรีตผสมเสร็จ >โดยทั่วไปแล้ว การเทคอนกรีตที่จอดรถ ถนน หรือลานรอบบ้านของเรา มักจะมีความหนาอยู่ที่ 10 หรือ 15 เซนติเมตร ซึ่งการสั่งคอนกรีตผสมเสร็จจากแพลนท์มาเทที่ไซต์งานก่อสร้าง จะต้องมีการคำนวณปริมาตรคอนกรีตที่ต้องการสั่งเป็นหน่วยคิวบิกเมตร หรือที่เรามักได้ยินแบบย่อ ๆ ว่า “คิว” เช่น สั่งคอนกรีต 2 คิว แล้วเราจะคำนวณพื้นที่ของเราเพื่อสั่งคอนกรีตอย่างไร หรือคอนกรีต 1 คิวจะเทพื้นหน้าบ้านของเราได้กี่ตารางเมตร สามารถคำนวณได้ดังนี้ เทพื้นคอนกรีต,1คิวเท่ากับ,ปูน1คิว,คอนกรีตผสมเสร็จ,พื้นคอนกรีต,คอนกรีตสำเร็จรูป,คอนกรีต 1 คิว >ภาพ: ปริมาตรคอนกรีต 1 คิว >คอนกรีต 1 คิว (คิวบิกเมตร) ก็คือปริมาตรคอนกรีตทรงลูกบาศก์ที่มีความกว้าง 1 เมตร x ยาว 1 เมตร x สูง 1 เมตร (100 ซม. X 100 ซม. X 100 ซม.) ซึ่งเมื่อลองนำมาตัดแบ่งเป็นพื้นหนา 10 ซม. จะตัดได้ทั้งหมด 10 แผ่น หรือ 10 ตร.ม. หรือหากนำมาตัดแบ่งเป็นพื้นหนา 15 ซม. จะตัดออกมาได้ 6 แผ่นกว่าๆ หรือประมาณ 6.67 ตร.ม. เทพื้นคอนกรีต,1คิวเท่ากับ,ปูน1คิว,คอนกรีตผสมเสร็จ,พื้นคอนกรีต,คอนกรีตสำเร็จรูป,คอนกรีต 1 คิว >ภาพ: คอนกรีต 1 คิวสามารถเทพื้นหนา 10 ซม. ได้ 10 ตร.ม. หรือเทพื้นหนา 15 ซม. ได้ 6.7 ตร.ม. >ส่วนเจ้าของบ้านที่มีพื้นที่บ้านแล้วต้องการสั่งคอนกรีตผสมเสร็จมาเท แต่ไม่ทราบว่าจะคำนวณการสั่งคอนกรีตกี่คิว สามารถวัดขนาดพื้นและความหนาที่ต้องการเทแล้วคำนวณตามสูตรก็จะได้ปริมาตรคอนกรีตที่ต้องสั่ง (คิว) ตามสูตร ความกว้าง (เมตร) x ความยาว(เมตร) x ความหนา(เมตร) = ปริมาตรคอนกรีต (คิว) ยกตัวอย่างเช่น ขนาดพื้นที่จอดรถ กว้าง 5 ม. ยาว 5 ม. เทพื้นคอนกรีตหนา 0.15 ม. (15 ซม.) จะได้ 5x5x0.15 = 3.75 คิว เป็นต้น เทพื้นคอนกรีต,1คิวเท่ากับ,ปูน1คิว,คอนกรีตผสมเสร็จ,พื้นคอนกรีต,คอนกรีตสำเร็จรูป,คอนกรีต 1 คิว >ภาพ: สูตรการคำนวณหาปริมาตรคอนกรีต (คิว) >ทั้งนี้ การสั่งคอนกรีตผสมเสร็จจะขนส่งโดยรถโม่ ซึ่งมี 2 ขนาดคือรถโม่ใหญ่ได้เที่ยวละ 5 คิว และรถโม่เล็ก เที่ยวละ 2 คิว สมมติว่าสั่งคอนกรีต 4 คิวก็จะขนส่งโดยรถโม่ใหญ่เที่ยวเดียว หรือรถโม่เล็ก 2 คิว 2 คันหรือ 2 เที่ยว ขึ้นอยู่กับทางเข้าไซต์งานว่าสะดวกสำหรับรถโม่ขนาดไหนเป็นหลัก >อย่างไรก็ตามปริมาณคอนกรีตที่ใช้อาจมีค่าความคลาดเคลื่อน (Error) ไปจากปริมาณที่เราคำนวณได้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พื้นที่ต้องการเทคอนกรีตมีความลาดเอียง (ความหนาพื้นหัวท้ายไม่เท่ากัน) การลำเลียงหรือเทคอนกรีตอาจจะหกล้นระหว่างทางได้ เป็นต้น ดังนั้นควรปรึกษากับวิศวกรหรือโฟร์แมนหน้างานว่าควรสั่งคอนกรีตเผื่อไว้ปริมาณเท่าไร เพื่อจะได้ทราบว่าสุดท้ายแล้วต้องสั่งคอนกรีตกี่คิวถึงจะพอดีกับพื้นที่บริเวณดังกล่าวมากที่สุด ปรับระดับพื้นคอนกรีต >ภาพ: ช่างปรับพื้นคอนกรีตให้เรียบเสมอกัน สนใจ คอนกรีตผสมเสร็จ พร้อมบริการช่าง เท ปาด ขัด จาก CPAC คลิก\{.button .newtab} {.centered}
บ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นหรือบ้านกล่องที่คำนึงถึงการอยู่สบาย รับลม รับแสงธรรมชาติแต่ไม่ร้อน ออกแบบมาเพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันของคน 3 วัย ได้แก่ คุณปู่คุณย่า คุณยาย คุณพ่อคุณแม่ และเด็ก ๆ >การออกแบบบ้านสักหลัง สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยคือการตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยแต่ละคน เพราะเป็นพื้นที่ในการทำกิจกรรมร่วมกันของคนในครอบครัว พื้นที่หลับนอน พื้นที่ที่ให้ความปลอดภัย และเป็นพื้นที่ที่ต้องใช้ไปตลอดทั้งชีวิต ดังนั้นนอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว สถาปนิกต้องเข้าใจถึงความต้องการของเจ้าของบ้านและคนในครอบครัวเป็นอย่างดีเสมือนว่าเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อยู่อาศัยคนนึงเลย >ปัจจุบันบ้านสไตล์โมเดิร์นหรือบ้านกล่องได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีความเรียบง่าย เน้นที่การใช้พื้นที่ และมีเส้นสายบางอย่างที่ทำให้ดูโดดเด่นเพิ่มความน่าสนใจ ซึ่งในประเทศเราที่มีอากาศร้อนชื้น และมีอุณหภูมิที่ค่อนข้างร้อนมาก การออกแบบบ้านกล่องที่ไม่มีโถงหลังคาและชายคาก็เป็นโจทย์ที่สำคัญในการออกแบบและแก้ปัญหาให้บ้านอยู่สบาย >สำหรับบ้านหลังนี้ มีความท้าทายให้สถาปนิกนำเสนอบ้านสไตล์โมเดิร์นที่เรียบง่ายแต่ดูเท่ เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์เจ้าของบ้าน และต้องตอบสนองความต้องการในการอยู่อาศัยร่วมกันของคน 3 วัย ได้แก่ คุณปู่คุณย่า คุณยาย คุณพ่อคุณแม่ และเด็กวัยเรียนรู้ ทั้งยังต้องมีความเป็นส่วนตัวแต่ยังมองเห็นกันและกัน มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมร่วมกัน ที่สำคัญต้องอยู่สบาย รับลม รับแสงธรรมชาติได้โดยไม่ร้อนจนเกินไป >. >## แนวคิดในการออกแบบ >สถาปนิกออกแบบโดยยึดความต้องการของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก แบ่งบ้านเป็น 2 หลัง โดยมีบ้าน 2 ชั้นหลังใหญ่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ เด็ก ๆ และคุณยาย ส่วนอีกหลังเป็นบ้านชั้นเดียวสำหรับคุณปู่คุณย่า การออกแบบและวางผังคำนึงถึงการมีพื้นที่ของตนเองแต่ยังสามารถมองเห็นกันและกันได้ แล้วเชื่อม 2 หลังเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงกันด้วยระเบียง มีพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสระว่ายน้ำและสวน >ผังบริเวณบ้านทั้ง 2 หลัง >ภาพ: ผังบริเวณบ้านทั้ง 2 หลัง ที่มีระเบียงเชื่อมกันไปยังสระว่ายน้ำและสวน(พื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันของคนทั้ง 3 วัย) >. >การจัดวางแนวอาคารคำนึงถึงบริบทโดยรอบ เช่น อาคารข้างเคียง ที่อาจมองเข้ามาได้ จึงต้องจัดวางอาคารเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัว รวมถึงเรื่องของทิศทางแดด ลม ฝน เพราะมีส่วนช่วยทำให้บ้านอยู่สบาย แบบที่เรียกว่า รับลม รับแสงธรรมชาติแต่ไม่ร้อน ยกตัวอย่างเช่น ช่องรับลมที่ทำให้ห้องนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่และหลังรองสามารถเปิดรับลมได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ พื้นที่ริมระเบียงและสระว่ายน้ำที่ร่มตลอดช่วงบ่าย ช่วยให้ทำกิจกรรมร่วมกันได้สบายจนถึงเย็น >การคำนึงถึงบริบทโดยรอบที่ตั้งเพื่อพิจารณาการจัดวางอาคาร >ภาพ: การคำนึงถึงบริบทโดยรอบที่ตั้งเพื่อพิจารณาการจัดวางอาคาร รูปร่าง ผนัง ช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยได้มากขึ้น >การคำนึงถึงทิศทางของแดด >ภาพ: การคำนึงถึงทิศทางของแดด เพื่อพิจารณาการจัดวางอาคาร และพื้นที่กิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม >ช่องรับลม >ภาพ: ช่องรับลมที่ทำให้ห้องนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่และหลังรอง สามารถเปิดรับลมได้ตลอดทั้งวัน >พื้นที่ริมระเบียงและสระว่ายน้ำที่ร่มตลอดช่วงบ่าย >ภาพ: พื้นที่ริมระเบียงและสระว่ายน้ำที่ร่มตลอดช่วงบ่าย >. >การออกแบบบ้านสไตล์โมเดิร์นหรือบ้านกล่องที่เรียบง่ายแต่มีความเท่อย่างบ้านหลังนี้ จะมีเส้นสายที่ชัดเจน มีลูกเล่นโชว์แนวโครงสร้างและสร้างแพทเทิร์นของระแนงหรือแผงบังตาเพื่อตกแต่งอาคาร นอกจากสร้างความสวยงามให้กับบ้านแล้ว เมื่อเลือกใช้ในทิศทางที่เหมาะสมยังช่วยกรองแสง และพรางสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้อีกด้วย >ใช้วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่น ซี-ชาแนล >ภาพ: ใช้วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่น ซี-ชาแนลเพิ่มเส้นสายให้หลังคาที่จอดรถเสมือนโชว์แนวโครงสร้าง >ระแนงไม้และแผงบังตา >ภาพ: ระแนงไม้และแผงบังตา ช่วยกรองแสง พรางสายตา และเพิ่มความเป็นส่วนตัว >. >การออกแบบพื้นที่ใช้สอยตอบรับกับความต้องการของเจ้าของบ้านที่ต้องการให้มองเห็นซึ่งกันถึงแม้ใครจะทำกิจกรรมของตนเองอยู่ เช่น ได้นั่งทำงานแบบที่ยังมองเห็นลูกนั่งเล่นกัน เห็นภรรยาทำอาหารขณะที่กำลังออกกำลังกาย สถาปนิกจึงออกแบบบ้านเป็นรูปตัวแอลโอบล้อมสระว่ายน้ำและสวน มีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์รวมของคนทั้งบ้านที่สามารถนั่งดูทีวี นั่งทำงาน ทานข้าว ทำอาหาร และทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน โถงภายในบ้านที่ดีไซน์เป็น Double Space เพื่อให้โปร่ง มองเห็นสระว่ายน้ำและสวนได้อย่างสบายตา ห้องนอนเรียบง่ายที่ขอให้วางเตียงขนาดใหญ่พิเศษได้ เพื่อพ่อแม่ลูก จะได้นอนด้วยกัน >ห้องนั่งเล่นริมสระว่ายน้ำ >ภาพ: ห้องนั่งเล่นริมสระว่ายน้ำถูกออกแบบมาให้เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมรร่วมกันในครอบครัว ทั้งนั่งเล่น ดูทีวี ทำงาน ทำอาหารทานข้าว >โถงภายในบ้านที่ดีไซน์เป็น Double Space >ภาพ: โถงภายในบ้านที่ดีไซน์เป็น Double Space เพื่อให้โปร่ง มองเห็นสระว่ายน้ำและสวนได้อย่างสบายตา >. >## การลดความร้อนให้กับบ้าน และการเลือกใช้วัสดุ >นอกจากการจัดวางแนวอาคารที่คำนึงทิศทางแดด ลม ฝน เพื่อรับลม รับแสงธรรมชาติแต่ไม่ร้อนแล้ว การออกแบบ Facade และการเลือกใช้วัสดุก็มีส่วนสำคัญในการช่วยลดความร้อนให้กับบ้าน สำหรับบ้านสไตล์โมเดิร์นหรือบ้านกล่องที่หลังคามีความลาดชันน้อยมาก จึงเลือกใช้หลังคาเมทัลชีทที่มีฉนวน PU FOAM หนาถึง 3 นิ้ว เพื่อลดเสียงรบกวนและความร้อนที่จะผ่านลงมา และใช้ฉนวนใยแก้วกันความร้อนปูเหนือฝ้าเพดานอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันความร้อนที่จะลงมาในห้อง ส่วนผนังในทิศทางที่รับแสงแดดโดยตรงทำผนังสองชั้น (Double Wall) ปิดผิวด้วยกระเบื้องลวดลายหินธรรมชาติ ผนังฝั่งที่ไม่โดนแดดเป็นกระจกใสให้รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ โดยเพิ่มแผงระแนงช่วยกรองแสง ติดตั้งครีบบังแดดอะลูมิเนียมวางเฉียงที่ห้องนอนช่วยดักลม และพรางสายตา >เลือกใช้หลังคาเมทัลชีทที่ความหนา 3 นิ้ว >ภาพ: เลือกใช้หลังคาเมทัลชีทที่ความหนา 3 นิ้ว ปูฉนวนกันความร้อนบนฝ้าเพดาน และทำผนังสองชั้นในด้านที่โดนแดด >ผนังฝั่งที่ไม่โดนแดดเป็นกระจกใสให้รับแสงธรรมชาติ >ภาพ: ผนังฝั่งที่ไม่โดนแดดเป็นกระจกใสให้รับแสงธรรมชาติ แล้วเพิ่มระแนงไม้ช่วยกรองแสง ครีบบังแดดอลูมิเนียมช่วยรับลม >. >สนใจ ฉนวนกันความร้อน STAY COOL คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สนใจ ไม้ระแนง ไม้ตกแต่ง คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สำหรับดีไซน์เพิ่มเส้นสายของบ้านให้ดูชัดเจนเสมือนเห็นเหล็กโครงสร้าง สถาปนิกเลือกใช้วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่น ซี-ชาแนล เพราะมีน้ำหนักเบา ทนทาน ใช้งานภายนอกได้ สวยงาม ตอบโจทย์บ้านสไตล์โมเดิร์นหรือบ้านกล่องได้เป็นอย่างดี >ดีไซน์เพิ่มเส้นสายของบ้าน >ภาพ: ดีไซน์เพิ่มเส้นสายของบ้านให้ดูชัดเจนเสมือนเห็นเหล็กโครงสร้างด้วยวัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่น ซี-ชาแนล >. >สนใจ วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่น ซี-ชาแนล คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >ภายในบ้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย ตู้ BUILT-IN ใหญ่เพื่อเก็บของได้เยอะ โทนสีเรียบให้ดูสะอาดสบายตา เลือกใช้วัสดุปูพื้นลายไม้ผนังลายไม้ให้รู้สึกอบอุ่น ลดทอนบ้านกล่องให้นุ่มนวลขึ้น >ดีไซน์ตู้และชั้นวางของโชว์ที่เรียบง่าย >ภาพ: ดีไซน์ตู้และชั้นวางของโชว์ที่เรียบง่าย >พื้นภายในใช้วัสดุปูพื้นลายไม้โทนสีสว่าง >ภาพ: พื้นภายในใช้วัสดุปูพื้นลายไม้โทนสีสว่าง >เลือกใช้วัสดุปูพื้นและผนังลายไม้ให้บ้านรู้สึกอบอุ่น >ภาพ: เลือกใช้วัสดุปูพื้นและผนังลายไม้ให้บ้านรู้สึกอบอุ่น >. >สนใจ วัสดุปูพื้นภายในบ้าน คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >พื้นที่จอดรถ และทางเดินภายนอกเป็นพื้นแสตมป์คอนกรีต (Stamp Concrete) เพราะมีความคงทน สร้างสรรลวดลายต่อเนื่องได้อิสระ อายุการใช้งานยาวนาน สามารถบำรุงรักษาให้ดูใหม่ได้อยู่เสมอ >ตกแต่งพื้นที่จอดรถด้วยพื้นแสตมป์คอนกรีต >ภาพ: ตกแต่งพื้นที่จอดรถด้วยพื้นแสตมป์คอนกรีต >ตกแต่งทางเดินภายนอกด้วยพื้นแสตมป์คอนกรีต >ภาพ: ตกแต่งทางเดินภายนอกด้วยพื้นแสตมป์คอนกรีต >. >สนใจ พื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย (STAMP CONCRETE) คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >ความเรียบง่ายของบ้านสไตล์โมเดิร์นหรือบ้านกล่อง ที่ดูเท่โดดเด่นมีสไตล์ ทำให้ได้รับความนิยมเรื่อยมา แต่ด้วยรูปทรงที่ไม่เหมาะกับอากาศร้อนชื้น และมีอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงอย่างประเทศไทยเรา ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากและท้าทายให้สถาปนิกได้ออกแบบบ้านให้ผู้อยู่อาศัยอยู่อย่างสบาย แนวคิดการออกแบบตั้งแต่การจัดวางแนวอาคารให้ตรงตามทิศทางแดด ลม ฝน การเลือกใช้วัสดุเพื่อช่วยลดร้อนให้กับบ้าน รวมถึงความใส่ใจในความต้องการของผู้อยู่อาศัย ทำให้บ้านหลังนี้ลงตัวและตอบโจทย์เจ้าของบ้าน ให้ผู้อยู่อาศัยได้อยู่สบายอย่างแท้จริง >. >ขอขอบคุณ >เจ้าของบ้าน: คุณปุณิกา จิณณะดิลก และ คุณกัญจน์ จิรัฐิติวณิชย์ >สถาปนิก: ID Architect อิษฎา แก้วประเสริฐ >และ Design Connext >. >อ่านเพิ่มเติม: 6 ไอเดียแต่งบ้านสไตล์ลอฟต์ >อ่านเพิ่มเติม: บ้านสองพี่น้องในสไตล์รีสอร์ตและโมเดิร์นร่วมสมัย