ประเด็นต่าง ๆ ที่อยากชวนเจ้าของบ้านพิจารณา หากมีบ้านเก่าอายุเกินกว่า 20 ปี ว่าควรปรับปรุงครั้งใหญ่หรือทุบสร้างใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์มากที่สุด >. >หลายคนที่มีบ้านเก่าหรือบ้านที่อยู่อาศัยมานาน และถึงเวลาที่ต้องขยับขยายหรือเริ่มมีกำลังมากพอในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทุบสร้างใหม่หรือรีโนเวตดี อาจเพราะบ้านยังดูดีหรือด้วยเสียดายบรรยากาศความทรงจำดีดีในบ้านเก่า จะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตามที่ทำให้ยังตัดสินใจได้ยาก มีสิ่งที่ควรพิจารณา 5 ข้อ ดังนี้ >. >## 1: ประเภทบ้าน >พิจารณาก่อนว่าบ้านเราเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮม หรือตึกแถว เพราะมีผลต่อเพื่อนบ้านข้างเคียงและกฏหมายควบคุมอาคารด้วย >๐ บ้านเดี่ยว สามารถเลือกทำได้ทั้งสองอย่างไม่ว่าจะทุบสร้างใหม่หรือรีโนเวต ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ >๐ บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮม หรือตึกแถว แนะนำการรีโนเวต หรืออาจจะทุบผนัง พื้น บางส่วนเพื่อปรับสเปซหรือหน้าตาใหม่ได้ เพราะหากทุบรื้อบ้านเดิมออกทั้งหมดเพื่อปลูกสร้างใหม่ จะมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญไม่แนะนำให้ทุบสร้างใหม่เพราะจะกระทบกับโครงสร้างของเพื่อนบ้านที่ติดเราด้วย >บ้านเดี่ยวที่มีอายุกว่า 20 ปี มีพื้นที่ว่างโดยรอบ >ภาพ: บ้านเดี่ยวที่มีอายุกว่า 20 ปี มีพื้นที่ว่างโดยรอบ >ตึกแถวที่มีอายุกว่า 20 ปี เป็นอาคารที่มีโครงสร้างติดกันกับเพื่อนบ้าน >ภาพ: ตึกแถวที่มีอายุกว่า 20 ปี เป็นอาคารที่มีโครงสร้างติดกันกับเพื่อนบ้าน >. >## 2: โครงสร้างบ้านเดิม >สำรวจสภาพบ้านเดิมก่อน ทั้งสภาพภายนอก ภายใน สามารถตรวจสอบเองได้ เช่น รอยน้ำรั่ว พื้นผนังฝ้าผุพัง ส่วนโครงสร้างของบ้านอาจมีการรื้อพื้นผนังฝ้าบางช่วงบางตอนเพื่อตรวจสอบเสาคาน ซึ่งแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือวิศวกรโครงสร้างเข้ามาช่วยตรวจสอบด้วย หากโครงสร้างแข็งแรงดีไม่มีปัญหาแตกร้าวหรือทรุดตัว อาจจะแค่ปรับปรุงบ้านให้สวยใหม่ได้ แต่ถ้าโครงสร้างบ้านโดยเฉพาะเสา คานเกิดปัญหา หรือถ้าบ้านมีเอียงทรุด อาจพิจารณาทุบสร้างใหม่ได้เลย >รื้อพื้นชั้นล่างและผนัง เพื่อตรวจสอบโครงสร้างเสาคานของบ้าน >ภาพ: รื้อพื้นชั้นล่างและผนัง เพื่อตรวจสอบโครงสร้างเสาคานของบ้าน >. >## 3: พื้นที่ใช้สอยเดิม >พิจารณาพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านว่าเพียงพอต่อความต้องการใช้งานและตอบโจทย์ตรงใจกับผู้อยู่อาศัยแล้ว หรือจำเป็นต้องขยับขยายเพราะสมาชิกในครอบครัวที่เพิ่มขึ้น หากมีขนาดที่ดินจำกัดจนไม่สามารถต่อเติมอาคารหรือเพิ่มพื้นที่ใช้สอยรอบบ้านได้ ซึ่งการจะเพิ่มพื้นที่แนวตั้ง เช่น บ้านชั้นเดียวเพิ่มเป็นบ้าน 2-3 ชั้น อาจมีผลต่อโครงสร้างเดิมที่ไม่ได้วางแผนการรับน้ำหนักไว้ตั้งแต่ต้น ดังนั้นการทุบสร้างใหม่จึงเป็นคำตอบที่ดีกว่า >ทุบผนังภายในเพื่อปรับพื้นที่ >ภาพ: ทุบผนังภายในเพื่อปรับพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมกับการใช้งานที่เปลี่ยนไป >. >## 4: งบประมาณ >ส่วนใหญ่การรีโนเวตจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการสร้างใหม่ เพราะไม่มีค่าโครงสร้างที่ต้องทำขึ้นใหม่ แต่การรีโนเวตจะควบคุมงบประมาณได้ยากกว่า เพราะอาจพบปัญหาที่ไม่คาดคิดได้ เช่น ภาพรวมภายนอกบ้านยังดูดี แต่พอรื้อตรวจโครงสร้างแล้วเริ่มหมดสภาพต้องทำโครงสร้างใหม่ ดังนั้น การเตรียมงบประมาณอาจเป็นเกณฑ์ตั้งตั้นของใครหลายคนว่าจะเลือกทุบสร้างใหม่หรือรีโนเวตดี >สภาพโครงสร้างเสาคานใต้พื้นทรุด >ภาพ: สภาพโครงสร้างเสาคานใต้พื้นทรุดซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่มองไม่เห็น จึงไม่คาดคิดในการเตรียมค่าใช้จ่าย >. >## 5: คุณค่าของบ้าน >ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการตีราคาหรือมูลค่าที่สูงจนน่าเสียดายหากต้องทุบสร้างใหม่ แต่หมายถึงการมีคุณค่าทางจิตใจ เช่น เป็นบ้านที่อยู่อาศัยต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ต้นตระกูล หรือการมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมควรคู่กับการเก็บอนุรักษ์ไว้ แบบนี้ก็อาจเลือกรีโนเวตมากกว่า >บ้านไม้โบราณที่มีเอกลักษณ์ >ภาพ: บ้านไม้โบราณที่มีเอกลักษณ์ ควรรีโนเวตมากกว่าการทุบสร้างใหม่ >. >เชื่อว่าหากพิจารณาทั้ง 5 ข้อนี้แล้ว เจ้าของบ้านน่าจะมีคำตอบในใจว่าจะทุบสร้างใหม่หรือรีโนเวต ทั้งนี้ นอกจากประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณแล้ว ความผูกพันหรือคุณค่าทางจิตใจอาจมีผลกระทบต่อบางคนในบ้านได้ ดังนั้นจึงควรปรึกษาหารือและตัดสินใจร่วมกันในครอบครัว เพื่อให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของทุกคนให้อยู่กันได้อย่างมีความสุข >. >อ่านเพิ่มเติม: รีวิวปรับปรุงบ้านไม้เก่า กับ 5 เรื่องที่ต้องเตรียมความพร้อม >อ่านเพิ่มเติม: รีโนเวตบ้านเก่า เล่าเรื่องใหม่ ด้วยสเปซและแสงเงา
ทำความรู้จักพื้น SPCหรือกระเบื้องยาง SPCอีกวัสดุทางเลือกสำหรับปูพื้นลายไม้ในบ้าน ให้ลุคอบอุ่นสวยงามคล้ายไม้จริง แต่ดูแลรักษาง่ายกว่า พร้อมทั้งข้อดีและข้อคำนึงที่เจ้าของบ้านควรรู้ > พื้น SPC คืออะไร พื้น SPC\{.newtab}เป็นกระเบื้องยางลายไม้ชนิดหนึ่ง ผลิตจากเม็ดพลาสติกผสมผงหิน แผ่นวัสดุแข็งคงรูป ไม่อ่อนตัว ความหนาอยู่ที่ 3-5 มม. ขนาดโดยทั่วไปประมาณ 18 x 120 ซม. ลวดลายสวยคล้ายไม้จริง มีหลากลาย หลายสีให้เลือก > Singleimage ขนาดไม้พื้น กระเบื้องยาง SPC ภาพ: ขนาดทั่วไปของไม้พื้น SPC > สนใจ พื้น SPC พร้อมติดตั้ง โดยทีมช่างจากแพลตฟอร์มคิวช่าง คลิก\{.button .newtab} {.centered} > เหมาะกับการใช้งานแบบไหน พื้น SPC หรือกระเบื้องยาง SPC เหมาะกับใช้ปูพื้นภายในที่เป็นส่วนพื้นที่แห้งเท่านั้น แม้ตัววัสดุจะทนชื้นได้ แต่ไม่ควรปูพื้นภายนอก หรือพื้นห้องน้ำโดยเฉพาะโซนเปียก เพราะอาจเกิดเชื้อราใต้แผ่นไม้พื้น > พื้น SPC ใช้ปูบนพื้นที่เรียบได้ระดับเสมอกัน (ระดับต่างกันไม่เกิน 1 มม.) เช่น พื้นปูนขัดมัน พื้นซีเมนต์บอร์ด (ไม้อัดซีเมนต์/ ไฟเบอร์ซีเมนต์) พื้นไม้ปาร์เกต์ พื้นกระเบื้องเซรามิก ที่อยู่ในสภาพดี ไม่มีปัญหาเรื่องความชื้น ไม่แตก ไม่กระเดิด ไม่หลุดล่อน พื้น SPC มีข้อดีอย่างไร 1) ผิวหน้าสวยเหมือนไม้จริง ผิวสัมผัสดี ไม่ลื่น > ผิวหน้าพิมพ์ลวดลายและทำผิวสัมผัสที่ดูเป็นธรรมชาติเสมือนไม้จริง มีให้เลือกหลายโทนสี จึงนำไปปรับใช้กับบ้านได้หลายสไตล์ > ผิวสัมผัสดีกว่า เรียบเนียนกว่าพื้นไม้จริงหรือพื้นไม้ลามิเนตทั่วไป และไม่ลื่น > Singleimage ปูพื้น SPC ภายในบ้าน กระเบื้องยาง SPC ภาพ: ตัวอย่างการปูพื้น SPC หรือกระเบื้องยาง SPC ภายในบ้าน > Singleimage ปูพื้น SPC ภายในบ้าน กระเบื้องยาง SPC ภาพ: ตัวอย่างการปูพื้น SPC หรือกระเบื้องยาง SPC ภายในบ้าน > 2) ติดตั้งง่าย > ติดตั้งสะดวกรวดเร็วไม่ต้องใช้กาว ด้วยระบบ Click Lock โดยปูแผ่นโฟมรองช่วยลดเสียงสะท้อน และเพิ่มความนุ่มเท้าขณะเดิน กรีดตัดได้ด้วยคัตเตอร์ รื้อเปลี่ยนได้ง่าย ใช้งานได้ทันทีหลังติดตั้ง > พื้น SPC สามารถปูบนพื้นใหม่หรือปูทับวัสดุเดิมได้ จึงสะดวก ไม่ต้องรื้อพื้นเดิมออก เพียงแต่พื้นผิวเดิมที่จะปูทับควรมีลักษณะเรียบ ได้ระดับ Singleimage ปูพื้นกระเบื้องยาง SPC แบบคลิกล็อก Click Lock พร้อมโฟมรอง และตัดด้วยคัตเตอร์ ภาพ: การปูพื้น SPC ด้วยวิธี Click Lock ซึ่งทำได้ง่าย สะดวก และสามารถตัดได้ด้วยคัตเตอร์ > 3) ทนกระแทก ทนรอยขีดข่วน > พื้น SPC ทำจากเม็ดพลาสติกผสมหิน มีความแข็งแรง ไม่มีการยืดหดตัว ไม่บวมหรือโก่งตัว ทนแรงกระแทกและแรงกดทับได้สูง (แต่ไม่ทนของมีคม) > มีชั้นฟิล์ม Wear Layer ป้องกันรอยขีดข่วน และเพิ่มความคงทนด้วย UV Coating ไม่ทำให้สีซีดจาง > 4. ทนชื้น ทนแมลง > พื้น SPC ไม่เป็นอาหารปลวก นอกจากนี้วัสดุ Wear Layer ชั้นบนสุดที่ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนนั้น ยังช่วยให้พื้นผิวทนต่อความชื้นได้ดี หมดปัญหาเรื่องไม้บวม > ส่วนประกอบกระเบื้องยาง SPC ภาพ: ส่วนประกอบของพื้น SPC > 5) ดูแลรักษาง่าย > ทำความสะอาดง่ายโดยเช็ดถูด้วยผ้าหมาด (ไม่ควรใช้ผ้าที่เปียกโชก) หลีกเลี่ยงการใข้น้ำยาชนิดต่างๆ เช่น น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก และไม่ควรใช้ Wax ขัดเคลือบผิว เพราะอาจจะกัดสารที่เคลือบอยู่บนพื้นผิววัสดุให้หลุดออกได้ Singleimage การทำความสะอาดพื้นปูกระเบื้องยาง SPC ภาพ: พื้น SPC ที่มีการเคลือบผิวหน้ากันน้ำ สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ด้วยผ้าหมาด > สนใจ พื้น SPC พร้อมติดตั้ง โดยทีมช่างจากแพลตฟอร์มคิวช่าง คลิก\{.button .newtab} {.centered} > จะเห็นได้ว่า พื้น SCP หรือกระเบื้องยาง SPC เป็นอีกทางเลือกดีๆ สำหรับปูพื้นลายไม้ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบ้านใหม่หรือบ้านเดิมที่อยากตกแต่งพื้นลุคใหม่ ด้วยข้อดีในเรื่องความสวยงามคล้ายไม้จริง การติดตั้งที่ง่ายและรวดเร็ว ความทนทาน การดูแลรักษาที่ไม่ยุ่งยาก อย่างไรก็ตาม เจ้าของบ้านควรคำนึงถึงข้อจำกัดบางประการ เช่น พื้นที่ใช้งานควรเป็นพื้นที่แห้งภายในบ้าน การเตรียมพื้นผิวให้เรียบก่อนการติดตั้ง รวมถึงควรหลีกเลี่ยงและการสัมผัสน้ำยาทำต่างๆ ทั้งนี้ การพิจารณาข้อดีและข้อควรระวังอย่างรอบคอบจะช่วยให้การเลือกใช้ไม้พื้น SPC เป็นไปอย่างเหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้อย่างดี > อ่านเพิ่มเติม: 5 วัสดุปูพื้นลายไม้ เปลี่ยนพื้นในบ้านใหม่ลดความแข็ง-ลื่น คืนความอบอุ่น\{.newtab} >
การสร้างบ้านจะเริ่มจากโครงสร้างซึ่งทำหน้าที่เป็นเดอะแบก รับน้ำหนักของทั้งบ้าน การเลือกวัสดุที่มีคุณภาพจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในขั้นตอนนี้ ตั้งแต่โครงสร้างในดินอย่างงานฐานรากเสาเข็ม ต่อด้วยโครงสร้างบนดินทั้ง คานคอดิน เสา คาน พื้น บันได (รวมถึงผนังรับน้ำหนัก) ไปจนถึงโครงหลังคา ตามด้วยงานติดตั้งกระเบื้องหลังคา แผ่นโปร่งแสง ฉนวนกันความร้อน และวัสดุที่ควรมีติดไว้อย่าง รางน้ำฝน และฝ้าระบายอากาศ ที่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่ควรมีติดบ้านไว้ด้วย โครงสร้าง ปูน คอนกรีต คอนกรีตผสมเสร็จ 1 คิว เทพื้นได้กี่ตารางเมตร? คลิก\{.newtab} สั่งคอนกรีตผสมเสร็จอย่างไร และวิธีการคำนวณสัดส่วนคอนกรีตผสมเองหน้างาน คลิก\{.newtab} ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์คืออะไร คลิก\{.newtab} สร้างบ้านใหม่ ใช้คอนกรีตผสมเองจะแข็งแรงแค่ไหน? คลิก\{.newtab} “ปูนซีเมนต์ผสม ก่อ ฉาบ เท” กับ “ปูนสำเร็จรูป” ต่างกันอย่างไร คลิก\{.newtab} ปูนซีเมนต์เทาและปูนซีเมนต์ขาว แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกอย่างไร ? คลิก\{.newtab} ปูนซีเมนต์มีกี่ประเภท รู้ไว้ก่อนสร้างบ้าน รีโนเวทบ้าน คลิก\{.newtab} งานรั้ว รั้วคอนกรีตสำเร็จรูป เลือกแบบรั้วบ้านสวย ๆ ด้วยวัสดุอะไรให้เหมาะกับแบบบ้าน คลิก\{.newtab} รั้วระแนงไม้ ระแนงบังตา เลือกตีระแนงแบบไหนดี? คลิก\{.newtab} หลังคา เลือกกระเบื้องหลังคาบ้านแบบไหนดี ให้ดูที่ “สไตล์บ้าน” คลิก\{.newtab} 4 หลัก เลือกวัสดุมุงหลังคาบ้านแบบไหนดี สวย ทน คลิก\{.newtab} 5 ปัญหาหลังคาและแนวทางป้องกัน สำหรับบ้านสร้างใหม่ คลิก\{.newtab} รู้จัก 5 จุดเสี่ยง เพื่อเลี่ยงปัญหาหลังคาบ้านรั่วซึม คลิก\{.newtab} กระเบื้องหลังคาแผ่นเรียบกับแบบลอน แบบไหนใช้ดีกว่า คลิก\{.newtab} มุงหลังคาบ้านสวยร่วมสมัย ประหยัดพลังงานกับกระเบื้องหลังคาเซรามิก เอสซีจี รุ่น Celica Curve คลิก\{.newtab} รู้ทันปัญหาหลังคารั่วซึม ตอนที่ 1 : จุดเสี่ยงหลังคารั่วตามรอยต่อ คลิก\{.newtab} รู้ทันปัญหาหลังคารั่วซึม ตอนที่ 2 : จุดเสี่ยงหลังคารั่วบนผืนหลังคา คลิก\{.newtab} มุงกระเบื้องลอนคู่ SCG อย่างไรให้หลังคาสวย ใช้ดี ไม่มีปัญหา คลิก\{.newtab} บริการ “ถอดแบบกระเบื้องหลังคาบ้านโดยผู้เชี่ยวชาญ” สำคัญไฉน คลิก\{.newtab} ชวนอัปเดตก่อนเลือกใช้ กระเบื้องหลังคา SCG หลากวัสดุ หลายสไตล์ คลิก\{.newtab} กระเบื้องหลังคาเซรามิก มีดีอย่างไร ทำไมจึงน่าใช้ ? คลิก\{.newtab} อยากทำหลังคาเมทัลชีทแต่กลัวเสียงดังตอนฝนตก จะป้องกันแก้ไขยังไงดี ? คลิก\{.newtab} 6 วิธีลดร้อนให้หลังคาเมทัลชีท คลิก\{.newtab} หลังคาดาดฟ้า รู้ไว้ใช่ว่า...สีทากันซึมดาดฟ้า อะคริลิก PU และ Modified Silicone Acrylic คลิก\{.newtab}\{.newtab} 6 ขั้นตอนป้องกันดาดฟ้ารั่วซึม โดย MAGIX คลิก\{.newtab}\{.newtab} ถาม-ตอบ วัสดุป้องกันรั่วซึมและแก้ปัญหารอยร้าวจาก MagiX คลิก\{.newtab}\{.newtab} รีโนเวทบ้าน เปลี่ยนกระเบื้องหลังคา รีวิวรีโนเวทหลังคาบ้าน เปลี่ยนกระเบื้องหลังคาสวย สะดวก สะท้อนรสนิยม คลิก\{.newtab} รีวิว บ้านเก่าเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาลอนคู่ สวยใหม่ ไม่รั่วซึม คลิก\{.newtab} เปลี่ยนหลังคาบ้านเก่าให้สวย และจบปัญหาหลังคารั่วกวนใจ คลิก เปลี่ยนหลังคาบ้านเก่าให้สวยเหมือนได้บ้านใหม่ พร้อมช่วยให้บ้านเย็นขึ้น คลิก\{.newtab} เปลี่ยนกระเบื้องหลังคา ปรับโฉมบ้านเก่าเป็นบ้าน (เสมือน) ใหม่ได้ง่ายๆ คลิก\{.newtab} อุปกรณ์ประกอบหลังคา ปูฉนวนกันความร้อนแบบไหน ให้บ้านใหม่ คลิก\{.newtab} ฉนวนกันความร้อน เลือกปูใต้หลังคาหรือบนฝ้าเพดานดี? คลิก\{.newtab} ทำไมระบบครอบแห้ง Drytech system จึงป้องกันหลังคารั่วได้ดี คลิก\{.newtab} ฝ้าชายคา ฝ้าภายนอกบ้าน ว่าด้วยเรื่องฝ้าเพดานภายนอก "นานาสไตล์ แต่งฝ้าชายคานอกบ้าน" คลิก\{.newtab} หลากวัสดุทดแทนไม้ทำฝ้าชายคาระบายอากาศ คลิก\{.newtab} หลังคาโปร่งแสง ต่อเติมหลังคาใสหลากสี กับแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด คลิก\{.newtab} 5 วัสดุหลังคาโปร่งแสงยอดฮิต คลิก\{.newtab}
รวมถามตอบเกี่ยวกับบ้านรั่วจากปัญหารอยร้าวรั่วซึมในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าต่างรั่วซึม ผนังร้าวรั่วซึม ห้องน้ำชั้นบนรั่วซึมลงมาชั้นล่าง ดาดฟ้ารั่วซึม แต่ละปัญหามีแนวทางแก้ไขอย่างไร มีวัสดุผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่ตอบโจทย์ได้บ้าง ? > 1) วัสดุป้องกันรั่วซึมและแก้ปัญหารอยแตกร้าวจาก MagiX มีกี่ประเภท และมีจุดเด่นอย่างไร? > มีทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่ ซิลิโคน (Silicone), อะคริลิก (Acrylic), โพลียูรีเทน (Polyurethane หรือ PU), โมดิฟายด์ ซิลิโคน (Modified Silicone) และ Epoxy ซึ่งครอบคลุมการแก้ไขปัญหาร้าวรั่วซึมของบ้านได้ทั้งหลัง โดยวัสดุแต่ละประเภทจะต่างกันในเรื่องคุณสมบัติวัสดุ อายุการใช้งาน ข้อจำกัดในการใช้งาน และราคา ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์จาก MagiX เป็นการร่วมมือกันระหว่างบริษัท SCG และ บริษัท Noritake ประเทศญี่ปุ่น มีทีมวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยคิดค้นสูตรให้เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย รวมถึงมีทีมให้บริการติดตั้งระบบกันซึมดาดฟ้า และแก้ไขปัญหารั่วซึมร้าวต่างๆ ด้วย > SingleImage วัสดุป้องกันบ้านรั่วซึม ยาแนวกันซึมซ่อมรอยร้าว MagiX ภาพ: วัสดุป้องกันรั่วซึมและแก้ปัญหารอยแตกร้าวจาก MagiX > เลือกซื้อ วัสดุป้องกันรั่วซึมและแก้ปัญหารอยร้าวจาก MagiX\{.button .newtab} {.centered} > 2) ปัญหาประตูหน้าต่างบ้านรั่วซึม สาเหตุเกิดจากอะไร และเราควรแก้ไขอย่างไร? > มักเกิดจากการยืด/หด/ขยายตัวที่ต่างกันของวัสดุ หรือโครงสร้างขยับตัว ทำให้รอยต่อบริเวณผนังกับขอบประตูหน้าต่างเกิดการแตกร้าว หรือเกิดช่องว่างให้น้ำฝนรั่วซึมผ่าน ผลิตภัณฑ์ของ MagiX ที่ช่วยแก้ไขได้จะมี S-1 Multipurpose เป็นวัสดุเบสซิลิโคน ซึ่งมีข้อจำกัดคือไม่สามารถทาสีทับได้ อีกทางเลือกคือ PU-1 Seal-สีขาว-300-ml.-MagiX?&sapid=ZAAXX0015098&matno=20014548)\{.newtab} เป็นวัสดุเบสโพลิยูรีเทน (PU) ยืดหยุ่นดี ทนรังสี UV ทาสีทับได้ ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก > SingleImage ยาแนวกันซึมอุดรอยรั่วประตูหน้าต่าง ภาพ: S-1 Multipurpose และ PU-1 Seal จาก MagiX สำหรับแก้ไขปัญหาประตูหน้าต่างบ้านรั่วซึม > 3) ปัญหาผนังบ้านเกิดรอยแตกร้าวรั่วซึม ควรแก้ไขอย่างไร? > การซ่อมผนังรั่วซึมให้พิจารณาประเภทผนังว่าเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูน ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Pre-cast) หรือผนังอิฐมวลเบา และดูลักษณะของรอยแตกร้าว หากแตกร้าวถึงระดับโครงสร้างควรปรึกษาวิศวกร ส่วนรอยแตกร้าวระดับพื้นผิวเจ้าของบ้านซ่อมแซมเองได้วัสดุซ่อมรอยร้าว กรณีเป็นผลิตภัณฑ์ของ MagiX แนะนำให้ให้ Multi Putty สำหรับรอยร้าวขนาดเล็ก หรือหากรอยแตกร้าวใหญ่ขึ้นแนะนำ Super Joint Modified Silicone ส่วนรอยแตกร้าวที่มีขนาดใหญ่แนะนำใช้ Epoxy Joint > ส่วนผนังแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ อย่างผนังสมาร์ทบอร์ด แนะนำผลิตภัณฑ์ Max Joint เป็นวัสดุสำเร็จรูปสามารถเปิดใช้งานได้เลย หรืออาจเลือกใช้ปูนฉาบ Smart Joint ซึ่งสามารถขัดตกแต่งตรงบริเวณรอยต่อได้ > SingleImage ยาแนวกันซึมอุดรอยรั่วผนัง MagiX ภาพ: วัสดุจาก MagiX สำหรับแก้ไขปัญหาผนังบ้านรั่วซึม > 4) ห้องน้ำชั้นบนรั่วซึม น้ำหยดลงมาชั้นล่าง ควรซ่อมแซมอย่างไร? > ปัญหาห้องน้ำรั่วซึม มักเกิดจาก 3 สาเหตุ > สาเหตุที่ 1: ยาแนวร่องกระเบื้องหลุดล่อน เนื่องจากน้ำยาทำความสะอาดที่เราใช้ แก้ไขได้โดยทำการยาแนวใหม่เองได้ ด้วยวัสดุยาแนวสูตรทนกรด หรือยาแนว Epoxy ซึ่งทนต่อน้ำยาทำความสะอาดได้ดี สาเหตุที่ 2: พื้นห้องน้ำไม่ได้ทำระบบกันซึมหรือกันซึมเสื่อมสภาพ การแก้ไขจะต้องต้องรื้อกระเบื้องออกแล้วก็ทากันซึมบนพื้นให้เรียบร้อย ก่อนจะปูกระเบื้องทับลงไปใหม่ สาเหตุที่ 3: รอยต่อของท่อเกิดการชำรุดรั่วซึม ให้ซ่อมแซมรอยต่อท่อด้วยน้ำยาประสานท่อ ส่วนรอยต่อระหว่างพื้นและท่อให้ใช้ซิลิโคน หรือผลิตภัณฑ์ S-2 Sanitary & Bath จาก MagiX ซึ่งมีคุณสมบัติยืดหยุ่นดี กันเชื้อราได้ และทนต่อน้ำยาทำความสะอาด > 5) การยาแนวรอยต่อต่างๆ เช่น อ่างล้างหน้ากับผนัง โถสุขภัณฑ์กับพื้น ด้วยผลิตภัณฑ์ของ MagiX จะต่างกับการใช้กาวยาแนวกระเบื้องปกติอย่างไร? > กาวยาแนวกระเบื้องทั่วไปจะทนต่อน้ำยาทำความสะอาดได้ระดับหนึ่ง แต่เมื่อใช้ไปนานๆ มักจะหลุดล่อน และส่วนใหญ่มักไม่สามารถกันคราบดำ คราบเชื้อราได้ ทาง MagiX จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ S-2 Sanitary & Bath ช่วยป้องกันราดำบริเวณรอยต่อขอบสุขภัณฑ์กับพื้น และรอยต่อขอบอ่างล้างหน้ากับผนังหรือเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า เนื้อวัสดุเป็นซิลิโคน ยืดหยุ่นดี มีอายุการใช้งานยาวนาน > SingleImage ยาแนวห้องน้ำ MagiX S-2 Sanitary & Bath ภาพ: S-2 Sanitary & Bath สำหรับยาแนวบริเวณรอยต่อขอบสุขภัณฑ์กับพื้น รอยต่อขอบอ่างล้างหน้ากับผนังหรือเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ช่วยป้องกันราดำได้ > เลือกซื้อ วัสดุป้องกันรั่วซึมและแก้ปัญหารอยร้าวจาก MagiX\{.button .newtab} {.centered} > 6) ปัญหาดาดฟ้ารั่วซึมเกิดจากสาเหตุอะไร ควรแก้ไขอย่างไร? > สาเหตุโดยหลักมักเกิดจาก พื้นดาดฟ้ามีรอยแตกร้าวทำให้น้ำซึมผ่านหยดลงชั้นล่างได้ หรือรอยต่อระหว่างพื้นกับผนังเกิดช่องว่างจากการที่โครงสร้างขยับตัว น้ำจึงซึมผ่านได้ อีกสาเหตุคือ ใช้ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหารั่วซึมไม่เหมาะสม ไม่ตรงโจทย์ ก็ทำให้เกิดการรั่วซึมได้อีกเช่นกัน การแก้ไขควรสำรวจปัญหาโดยขัดทำความสะอาดพื้นเพื่อสำรวจสภาพและตำแหน่งรอยแตกร้าว ประเมินสาเหตุรั่วซึมอย่างละเอียด เพื่อทำการปรับปรุงซ่อมแซมพื้นให้เรียบร้อยก่อนจะติดตั้งวัสดุกันซึม > 7) บ้านหรืออาคารสร้างใหม่ อยากป้องกันปัญหาดาดฟ้ารั่วซึม ควรใช้วัสดุอะไรดี? > วัสดุป้องกันดาดฟ้ารั่วซึมในท้องตลาดจะมีหลากหลาย ยกตัวอย่างวัสดุ PVC Membrane วัสดุ Bitumen Membrane จะต้องใช้อุปกรณ์ติดตั้งหลายอย่าง แต่ถ้าหากต้องการวัสดุที่ติดตั้งง่าย ค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก แนะนำ “สีทากันซึมดาดฟ้า” ซึ่งสามารถเลือกสีได้ด้วย โดยสีทากันซึมจะมีทั้งประเภทอะคริลิก (Acrylic) โพลียูรีเทน (Polyurethane) และ โมดิฟายด์ ซิลิโคน (Modified Silicone) > SingleImage ทาสีกันซึมดาดฟ้า MagiX แก้ปํญหาดาดฟ้ารั่ว ภาพ: การป้องกันและแก้ไขปัญหาดาดฟ้ารั่วด้วยสีทากันซึมดาดฟ้า > 8) สีทากันซึมดาดฟ้าที่เป็นวัสดุอะคริลิก โพลียูรีเทน และโมดิฟายซิลิโคน ต่างกันอย่างไร? > สีทากันซึมอะคริลิกเป็นที่นิยมเนื่องจากราคาถูก แต่อายุการใช้งานจะไม่นานมาก ประมาณ 2-3 ปี ส่วนโพลียูรีเทนและโมดิฟายด์ ซิลิโคน จะใช้งานได้ยาวนานประมาณ 5-10 ปี ขึ้นไป ยึดเกาะและยืดหยุ่นดี ทนรังสี UV ได้ดี นอกจากนี้ สีทากันซึมประเภทโมดิฟายด์ ซิลิโคนของ MagiX จะผสมสารที่เป็นฉนวนกันร้อนด้วย จึงช่วยป้องกันความร้อนจากดาดฟ้าที่จะส่งผ่านมายังห้องด้านล่างได้ สำหรับผลิตภัณฑ์สีทากันซึมของ MagiX จะมี 2 ประเภทคือ อะคริลิก และโมดิฟายด์ ซิลิโคน นอกจากนี้ทาง MagiX ยังมีบริการติดตั้งระบบกันซึมดาดฟ้าอีกด้วย > อ่านเพิ่มเติม: รู้ไว้ใช่ว่า...สีทากันซึมดาดฟ้า อะคริลิก PU และ Modified Silicone Acrylic\{.newtab} > 9) บริการติดตั้งระบบซึมดาดฟ้าของ MagiX ครอบคลุมงานอะไรบ้าง? > แพ็กเกจมาตรฐานทั่วไปจะเป็นการเตรียมพื้นผิวขัดทำความสะอาด และทาสีกันซึม แต่หากทางทีมงานสำรวจหน้างานแล้วพบปัญหาจะเสนอบริการปรับปรุงพื้นด้วย (มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม) เช่น พื้นมีวัสดุกันซึมของเดิมอยู่ จะต้องรื้อกันซึมเดิมออกเพื่อสำรวจรอยแตกร้าว จากนั้นจึงซ่อมรอยแตกร้าวให้เรียบร้อยก่อนจะทาสีกันซึม ส่วนพื้นดาดฟ้าที่มีปัญหาเป็นแอ่ง จะมีบริการปรับระดับพื้นเฉพาะจุด หรือหากพื้นมีน้ำขังประมาณ 1-2 วัน ขึ้นไปก็สามารถแก้ไขโดยทำรางน้ำเพื่อให้น้ำไหลไปยังท่อระบายน้ำได้ > SingleImage ทาสีกันซึมดาดฟ้า MagiX Modified Silicone ภาพ: การทาสีกันซึมดาดฟ้าโมดิฟายด์ ซิลิโคน โดยทีมช่างจาก MagiX > SingleImage พื้นเป็นแอ่ง ทำร่องน้ำแก้ปัญหาพื้นน้ำขังไม่ได้ระดับ ภาพ: ปัญหาพื้นเป็นแอ่ง (ซ้ายบน) พื้นมีน้ำขัง (ซ้ายล่าง) และการแก้ปัญหาน้ำขังด้วยการทำร่องระบายน้ำ (ขวา) > บริการติดตั้งระบบกันน้ำรั่วซึมสำหรับดาดฟ้า โดย MagiX\{.button .newtab} {.centered} > 10) พื้นแบบไหนที่สามารถทาสีกันซึมได้? > พื้นซีเมนต์ทั่วไปรวมถึงพื้นปูกระเบื้องที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ สามารถทาสีกันซึมทับได้ ส่วนพื้นที่มีปัญหาเกี่ยวข้องกับโครงสร้าง ใต้ท้องพื้นสึกกร่อนแตกร้าวจนเห็นเหล็กเส้น ควรปรึกษาวิศวกรเพื่อแก้ไข ร่วมกับการทาสีกันซึมบนผิวพื้นดาดฟ้า > SingleImage ท้องพื้นดาดฟ้าแตกร้าว คอนกรีตกะเทาะหลุดล่อน ภาพ: ใต้ท้องพื้นดาดฟ้าที่มีปัญหาด้านโครงสร้าง คอนกรีตแตกกะเทาะจนเห็นเหล็กเสริม > 11) พื้นดาดฟ้าที่ทาสีกันซึมแล้ว สามารถปรับปรุงตกแต่งภายหลัง เช่น ปูกระเบื้องทับ ทำพื้นระเบียงไม้ ทำสวนดาดฟ้า ได้หรือไม่? > สามารถปูกระเบื้องทับได้ตามปกติ แต่หากเป็นพื้นระเบียงไม้จะมีข้อคำนึงคือ น้ำที่ขังอยู่ใต้ระเบียงไม้จะระเหยได้ยาก จึงแนะนำให้ทำได้กรณีเป็นสีทากันซึมประเภทโมดิฟายด์ ซิลิโคนซึ่งมีอายุใช้งานยาวนาน ส่วนกรณีที่ต้องการทำสวนดาดฟ้าแนะนำให้จัดสวนแบบนำกระถางต้นไม้มาวาง ไม่ควรเทดินปลูกต้นไม้ทับพื้นที่ทาสีกันซึม เพราะสีกันซึมอาจถลอกหลุดล่อนได้ ทั้งนี้หากเจ้าของบ้านได้วางแผนตั้งแต่แรกว่าจะทำสวนดาดฟ้าแบบลงดินปลูกต้นไม้ แนะนำให้ใช้ซีเมนต์กันซึม Flexproof Powder ซึ่งมีความแข็งแรงที่ผิวหน้ามากกว่าสีทากันซึม และตอบโจทย์การใช้งานลงตัวกว่า > อ่านเพิ่มเติม: จัดการปัญหาหลังคาดาดฟ้ารั่ว เอาชัวร์ก่อนฝนมา\{.newtab} > อ่านเพิ่มเติม: 6 ขั้นตอน ทาสีกันซึมดาดฟ้า ป้องกัน + แก้ปัญหาดาดฟ้ารั่วซึม\{.newtab}
ห้องต่างๆ ในบ้านเรา จะติดฝ้าเพดานแบบไหนดี ก็ต้องพิจารณาจากการใช้งาน สภาพอากาศในห้อง อุณหภูมิ ความชื้น เพื่อเลือกฝ้าเพดานที่มีคุณสมบัติเหมาะสม มาดูกันว่า ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น แต่ละห้องจะเหมาะกับฝ้าเพดานแบบไหนบ้าง > ฝ้าเพดานห้องครัวแบบไหนดี > ห้องครัวโดยเฉพาะครัวไทย เน้นทำอาหารไทย ที่ต้องเผชิญกับทั้งความร้อน ความชื้น รวมถึงคราบสกปรก ควัน และไอน้ำม้ันจากการประกอบอาหาร นิยมใช้ฝ้าทีบาร์ (T-bar) เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลรักษา ซ่อม เปลี่ยน โดยเลือกรุ่นที่มีคุณสมบัติทนทานต่อความชื้น เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ไม่สะสมฝุ่น และจะให้ดีควรมีการเคลือบแผ่นฝ้าอย่างทั่วถึงทั้งส่วนที่เป็นขอบไปจนถึงด้านหลังของแผ่นฝ้า เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องเชื้อรา > SingleImage ฝ้าเพดานห้องครัวแบบไหนดี ฝ้าทีบาร์ T Bar แผ่นฝ้าปิดผิวไวนิล ไวนิลทัช ตราช้าง รุ่นปลอดฝุ่น ภาพ: ตัวอย่างฝ้าเพดานซึ่งเหมาะกับห้องครัวที่ใช้งานหนัก เผชิญความร้อน ความชื้น คราบสกปรก > ฝ้าภายในยิปซัม พร้อมบริการติดตั้ง โดยทีมช่างจากแพลตฟอร์ม Q-CHANG คลิก\{.button .newtab} {.centered} > ทั้งนี้ สำหรับห้องครัวที่ใช้งานไม่หนักมาก เน้นทำอาหารฝรั่ง ไม่เน้นประกอบอาหารที่มีควัน ไอน้ำมัน เครื่องเทศกลิ่นแรง อาจเลือกทำฝ้าที่เน้นความสวยงามมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น ฝ้าฉาบเรียบ เช่น ฝ้ายิปซัมกันเชื้อราหรือทนชื้น ฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ ติดตั้งแบบตีเว้นร่อง > SingleImage ฝ้าเพดานห้องครัวแบบไหนดี ฝ้าทีบาร์ T Bar ฝ้ากันชื้น ฝ้ากันเชื้อรา ฝ้าสมาร์ทบอร์ด ภาพ: ตัวอย่างฝ้าเพดานที่เหมาะกับห้องครัวทั่วไป กันชื้น กันเชื้อราได้ > > เลือกซื้อ แผ่นฝ้ายิปซัม คลิก\{.button .newtab} {.centered} > เลือกซื้อแผ่นฝ้าสมาร์ทบอร์ด คลิก\{.button .newtab} {.centered} > ฝ้าเพดานห้องน้ำแบบไหนดี ห้องน้ำ เป็นห้องที่มีความชื้นสูงมากสุดในบ้าน และเป็นห้องที่มีการใช้งานเป็นประจำ หากมีการระบายอากาศไม่ดีพอ รวมถึงหากใช้เครื่องทำน้ำอุ่นร่วมด้วย ไอน้ำจะขึ้นไปกระทบกับแผ่นฝ้าโดยตรง จึงแนะนำให้เลือกใช้แผ่นฝ้าคุณภาพที่ทนชื้นได้ดี เพื่อไม่ให้ฝ้าเพดานชำรุดเสียหายได้ง่าย โดยอาจเลือกติดตั้งเป็นฝ้าทีบาร์ หรือฝ้าฉาบเรียบตามความต้องการของเจ้าของบ้าน > SingleImage ติดฝ้าเพดานในห้องน้ำแบบไหนดี ฝ้าทีบาร์ T Bar ฝ้ากันชื้น ภาพ: ตัวอย่างฝ้าเพดานที่เหมาะกับห้องน้ำ > ฝ้าภายในยิปซัม พร้อมบริการติดตั้ง โดยทีมช่างจากแพลตฟอร์ม Q-CHANG คลิก\{.button .newtab} {.centered} > ฝ้าเพดานห้องนอนแบบไหนดี > ห้องนอน คือห้องที่มีไว้สำหรับการพักผ่อน มีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย การออกแบบฝ้าเพดานสำหรับห้องนอนจึงควรเลือกฝ้าแบบฉาบเรียบที่มาพร้อมกับลูกเล่นต่างๆ ที่ดูเรียบร้อย สวยงาม สบายตา > สำหรับห้องนอนชั้นล่าง อาจเน้นฝ้าเพดานที่ดูสวยงาม มีดีไซน์มากขึ้น เจ้าของบ้านอาจเลือกทำฝ้าเล่นระดับ ฝ้าหลิบซ่อนไฟ โดยอาจเลือกใช้ฝ้าเล่นระดับแบบสำเร็จรูป สร้างลูกเล่นมุมมองใหม่ๆ ให้กับห้อง อีกทั้งง่ายต่อการติดตั้ง > ติดฝ้าเพดานในห้องนอนแบบไหนดี ฮีทบล็อก สะท้อนความร้อน ฝ้าหลุมสำเร็จรูป ภาพ: ตัวอย่างฝ้าเพดานที่เหมาะกับห้องนอน > เลือกซื้อ แผ่นฝ้ายิปซัม คลิก\{.button .newtab} {.centered} > เลือกซื้อแผ่นฝ้าสมาร์ทบอร์ด คลิก\{.button .newtab} {.centered} > ฝ้าเพดานห้องนั่งเล่นแบบไหนดี > ห้องนั่งเล่น หรือห้องทั่วไปในบ้าน สามารถเลือกตกแต่งฝ้าเพดานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบฉาบเรียบ ตีเว้นร่อง ฝ้าทีบาร์ หรือฝ้าเพดานแบบผสมผสานเล่นแพทเทิร์นให้ดูน่าสนใจตามที่เจ้าของบ้านชอบ > ติดฝ้าเพดานในห้องนั่งเล่นแบบไหนดี ฝ้ายิปซัม ฝ้าสมาร์ทบอร์ด SmartBOARD SCG ภาพ: ตัวอย่างฝ้าเพดานที่แนะนำสำหรับห้องนั่งเล่น ทั้งฝ้ายิปซัม และฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ > ฝ้าภายในยิปซัม พร้อมบริการติดตั้ง โดยทีมช่างจากแพลตฟอร์ม Q-CHANG คลิก\{.button .newtab} {.centered} > สรุปแล้ว การเลือกใช้ฝ้าเพดานในแต่ละห้องของบ้านนั้น เจ้าของบ้านควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการใช้งาน สภาพอากาศ อุณหภูมิ และความชื้นของแต่ละห้อง การเลือกฝ้าเพดานที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะช่วยตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังควรคำนึงถึงความสวยงามควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ได้ฝ้าเพดานที่ทั้งสวยงามและตอบสนองการใช้งานได้อย่างลงตัว > อ่านเพิ่มเติม: 4 แนวทางเปลี่ยนฝ้าเพดานในบ้าน ตอบโจทย์ปัญหาโดนใจ > อ่านเพิ่มเติม: หลากไอเดียแต่งฝ้าเพดานในบ้าน > เลือกซื้อแผ่นฝ้ายิปซัม คลิก\{.button .newtab} {.centered} > เลือกซื้อแผ่นฝ้าสมาร์ทบอร์ด คลิก\{.button .newtab} {.centered}
ออกแบบบ้านหลังใหม่ที่มีโจทย์สำคัญเรื่องการนำไม้เก่าจากบ้านหลังเดิมมาใช้งาน โดยเป็นไม้โบราณที่ใช้ต่อเนื่องกันมาถึง 3 รุ่น เพื่อให้เป็นความทรงจำจากรุ่นปู่ย่าจนถึงลูกหลาน ถึงแม้รูปแบบบ้านจะเปลี่ยนไปตามบริบทของยุคสมัย >บ้านกล่องสไตล์โมเดิร์น ที่ห่อหุ้มด้วยระแนงอะลูมิเนียมกล่องสีดำตัดกับแผงไม้ตีแนวนอนคละสีตามธรรมชาติของไม้ เป็นบ้านหลังไม่ใหญ่นักตั้งอยู่หัวมุมซอยแต่กลับโดดเด่นด้วยรูปทรงที่ชัดเจนและสีที่ดูดุดัน มีเนื้อที่ใช้สอยประมาณ 375 ตร.ม อยู่อาศัยกัน 5 คน คือ คุณปู่คุณย่า คุณพ่อคุณแม่ และลูกสาว >เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังว่าบ้านหลังเดิมที่อยู่แข็งแรงดีเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ปลูกอยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี พศ.2526 โดยเป็นไม้เก่าที่รื้อมาจากบ้านคุณปู่คุณย่าที่ลำปาง ความตั้งใจที่ต้องรื้อบ้านและปลูกบ้านหลังใหม่เพราะต้องการขยับขยาย อยากทำห้องนอนชั้นล่างให้คุณพ่อคุณแม่เพราะท่านเริ่มอายุมาก ไม่อยากให้ขึ้นลงบันได และต้องการเพิ่มห้องให้ลูกสาวเพราะเริ่มโตแล้ว รวมถึงจัดการพื้นที่ในบ้านให้มีความชัดเจนในการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยโจทย์หลักก็คือ อยากให้นำไม้เก่าที่รื้อจากบ้านหลังเดิมมาใช้ให้มากที่สุด >. >## การนำไม้เก่ามาใช้ >สถาปนิกเข้ามาดูบ้านหลังเดิมและร่วมตรวจสอบสภาพไม้กับเจ้าของบ้านเพื่อคัดไว้ใช้งาน ซึ่งถือว่าเป็นบ้านอายุมากที่มีการดูแลรักษาเป็นอย่างดี เพราะไม่ผุ ไม่มีปลวก และสามารถนำมาใช้ได้เกือบทั้งหมด จึงคัดไม้โดยแบ่งเป็นไม้ที่ใช้ภายนอก อย่างไม้ผนังภายนอก ไม้ฝ้าระแนงชายคา และไม้ที่ใช้ภายใน อย่างไม้บันได ไม้พื้น โดยต้องนับจำนวน ขนาดความยาว และประมาณการพื้นที่ใช้งานไว้ เพื่อนำมาวางแผนกับงานออกแบบบ้านให้สวยตรงตามสไตล์ที่ต้องการ และใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่าที่สุด >บ้านหลังเดิมที่เริ่มรื้อผนังไม้ชั้น 2 เพื่อนำไม้ไปคัดใช้ในการออกแบบ >ภาพ: บ้านหลังเดิมที่เริ่มรื้อผนังไม้ชั้น 2 เพื่อนำไม้ไปคัดใช้ในการออกแบบ >คัดไม้ที่ยังสมบูรณ์แข็งแรงเพื่อไว้ใช้ภายในและภายนอกบ้าน >ภาพ: คัดไม้ที่ยังสมบูรณ์แข็งแรงเพื่อไว้ใช้ภายในและภายนอกบ้าน >. >## แนวคิดในการออกแบบ >สถาปนิกออกแบบบ้านให้มีสไตล์ที่ตรงกับบุคลิกภาพของเจ้าของบ้านคือเรียบง่ายแต่มีความทันสมัย จึงดีไซน์บ้านรูปทรงสี่เหลี่ยมที่มีความชัดเจนและจัดการพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัดให้ใช้งานได้ง่าย แต่งฟาซาดด้วยอะลูมิเนียมกล่องสีเทาเข้มแนวตั้งตัดกับไม้เดิมทำสีธรรมชาติที่ตีชนชิดในแนวนอน ตั้งใจให้เห็นถึงความแตกต่างของวัสดุเพื่อทำให้บ้านดูโดดเด่นมีเอกลักษณ์ และยังได้ประโยชน์เรื่องการลดความร้อนที่ปะทะเข้ามาบริเวณหน้าบ้านซึ่งเป็นทิศใต้ที่แสงแดดส่องเกือบตลอดทั้งปี ทำให้ห้องนอนหลักที่อยู่ในตำแหน่งนั้นไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป >มุมหน้าบ้าน >ภาพ: มุมหน้าบ้านออกแบบ Facade ด้วยอะลูมิเนียมกล่องสีดำและไม้เดิมทำสีธรรมชาติที่ตีชนชิดแนวนอน >. >ภายในบ้านนอกจากฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์เจ้าของบ้านแล้ว ยังดีไซน์โถงสูงหรือ Double Space ตามที่เจ้าของบ้านต้องการ โดยวางตำแหน่งไว้กลางบ้านและเจาะช่องเปิดที่ผนังด้านบนเป็นช่วงๆ เพื่อช่วยในการถ่ายเทอากาศภายในบ้าน หากมีอากาศร้อนเกิดขึ้นจะลอยตัวสูง และลมที่พัดจากช่องเปิดด้านล่างจะช่วยดันความร้อนออกในช่องเปิดด้านบน ทำให้บ้านเย็นสยายตลอดวัน ยิ่งไปกว่านั้น Double Space ของบ้านที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดหลังนี้ ยังช่วยให้บ้านดูโปร่งและกว้างขึ้น นอกเหนือจากการออกแบบให้ระยะความสูงจากพื้นถึงฝ้าสูงกว่าปกติด้วย >บันไดถูกวางไว้ในตำแหน่งกลางบ้าน เพื่อล้อไปกับ Double Space โดยนำไม้บันไดเดิมมาใช้ และไม้พื้นเดิมมาตกแต่งบริเวณพื้นโถงบันได รวมไปถึงพื้นทางเดินชั้นบนด้วย ราวบันไดเลือกใช้กระจกกับโครงเหล็กและปิดผิวมือจับด้วยไม้เทียมทำสีให้ล้อไปกับสีพื้นบันได ดูเข้ากัน >ดีไซน์โถงสูงหรือ Double Space >ภาพ: ดีไซน์โถงสูงหรือ Double Space ไว้กลางบ้านช่วยลดร้อนและทำให้บ้านดูโปร่ง >. >สำหรับห้องครัวและพื้นที่ซักล้างเป็นอีกพื้นที่ที่เจ้าของบ้านกำชับว่าให้แยกการใช้งานอย่างชัดเจน คือ ห้องครัวไทยไว้สำหรับทำอาหารหนัก ครัวฝรั่งหรือส่วนเตรียมอาหารไว้ทำขนมและทำอาหารแบบง่าย พื้นที่ซักล้างที่มีอ่างขนาดใหญ่สำหรับยืนซักผ้าไม่ต้องนั่งยองกับพื้นและเครื่องซักผ้า-เครื่องอบผ้าที่อยู่ใกล้กัน >สถาปนิกเลือกวางตำแหน่งห้องครัวไทยไว้ทิศตะวันตกเพื่อให้แสงแดดส่องถึงและมีการถ่ายเทอากาศได้ดี ปิดกั้นมิดชิดจากพื้นที่ในบ้านเพื่อป้องกันกลิ่นเข้าภายใน ส่วนครัวฝรั่งที่เจ้าของบ้านใช้เป็นประจำถูกจัดวางให้ใกล้กับครัวไทยและต่อเนื่องกับพื้นที่รับประทานอาหารและห้องรับแขกในลักษณะ Open Plan ซึ่งทำให้เห็นทุกคนในบ้านทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง >ห้องครัวไทยอยู่ในทิศตะวันตก >ภาพ: ห้องครัวไทยอยู่ในทิศตะวันตกที่แสงแดดส่องถึงและลมถ่ายเทได้สะดวก >ครัวฝรั่งอยู่ใกล้ครัวไทย >ภาพ: ครัวฝรั่งอยู่ใกล้ครัวไทยและต่อเนื่องกับพื้นที่รับประทานอาหารและห้องนั่งเล่น >. >สำหรับห้องนอนของคุณพ่อคุณแม่ที่ย้ายลงมาอยู่ชั้นล่างเพื่อไม่ต้องขึ้นลงบันไดนั้น อยู่ในตำแหน่งทิศตะวันออก-ทิศเหนือ ไม่ต้องปะทะแสงแดดโดยตรง และยังรับลมได้ดี ทำให้ผู้สูงอายุใช้ห้องนั้นได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ร้อน ออกแบบระเบียงที่ใช้ไม้พื้นเดิมยื่นออกมาที่สวนเล็กๆ ข้างห้อง ให้คุณแม่ที่ชอบปลูกต้นไม้เดินลงสวนได้ง่าย รวมไปถึงออกแบบการใช้พื้นที่เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ระยะความกว้างของทางเดินที่เผื่อไว้ใช้รถเข็นในอนาคต พื้นที่ไม่มีStep และราวจับต่างๆ ในห้องน้ำเพื่อผู้สูงอายุ >ระเบียงห้องคุณพ่อคุณแม่ >ภาพ: ระเบียงห้องคุณพ่อคุณแม่ที่ใช้ไม้พื้นเดิมยื่นออกมาที่สวนเล็กๆ ข้างห้อง >ราวจับในห้องน้ำดีไซน์เพื่อผู้สูงอายุ >ภาพ: ประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ พื้นที่ไม่มี Step และราวจับในห้องน้ำดีไซน์เพื่อผู้สูงอายุ >. >## การเลือกใช้วัสดุ >หลังคาออกแบบเป็นชิ้นเดียว โดยให้มีความลาดชันของหลังคาน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้มองเห็นหลังคาจากมุมมองด้านล่าง ดูเป็นบ้านกล่องสไตล์โมเดิร์น จึงเลือกใช้หลังคา uPVC เพราะมีความบาง องศาหลังคาน้อย น้ำหนักเบา ไม่ส่งผ่านความร้อน และที่สำคัญดูดซับเสียงไม่ทำให้เสียงดัง โดยดีไซน์ Parapet ให้สูงพอดีกับมุมมองเพื่อช่วยบดบัง และซ่อนแนวรางน้ำไว้โดยรอบ >บริเวณรอบบ้าน ออกแบบให้สามารถออกมาใช้พื้นที่ได้ หลายช่วงจึงมีการติดตั้งหลังคากันสาด โดยเลือกใช้แผ่นโปร่งแสงแบบลอนสีขาวขุ่น ช่วยกันฝนแต่ยังให้แสงลงมาได้สว่างแต่ไม่จ้าจนเกินไปทำให้ไม่แสบตา >เลือกใช้เมทัลชีท >ภาพ: หลังคาออกแบบเป็นชิ้นเดียว และมีความลาดเอียงของหลังคาน้อยที่สุดจึงเลือกใช้เมทัลชีท >หลังคากันสาดเลือกใช้แผ่นโปร่งแสงแบบลอนสีขาวขุ่น >ภาพ: หลังคากันสาดเลือกใช้แผ่นโปร่งแสงแบบลอนสีขาวขุ่น >. >ฝ้าชายคาเลือกใช้แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์แบบมีรูระบายอากาศ เพราะช่วยระบายความร้อนใต้หลังคาได้ดี ทนทานต่อทุกสภาวะอากาศ โดยเลือกรุ่นที่มีตาข่ายป้องกันแมลงมาในตัว สะดวกและติดตั้งง่าย >บ้านหลังนี้มีห้องซ้อมดนตรีด้วย เพราะเจ้าของบ้านมักใช้เวลาว่างในการเล่นดนตรีกับครอบครัว จึงต้องเลือกใช้วัสดุที่ช่วยลดการสะท้อนของเสียง ทำให้การเล่นหรือซ้อมดนตรีมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างการใช้แผ่นฝ้ายิปซัมซับเสียง >ฝ้าชายคาเลือกใช้แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์แบบมีรูระบายอากาศ >ภาพ: ฝ้าชายคาเลือกใช้แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์แบบมีรูระบายอากาศ รุ่นโพรเทคชั่น >ห้องดนตรีเลือกใช้แผ่นฝ้ายิปซัมซับเสียง >ภาพ: ห้องดนตรีเลือกใช้แผ่นฝ้ายิปซัมซับเสียงเพื่อลดการสะท้อนของเสียง >. >ด้านข้างห้องดนตรีทำระเบียงไม้ยื่นออกไปยังบ่อปลาคาร์ปให้อารมณ์พักผ่อนหลังจากการเล่นดนตรีก็ได้ใช้ห้องนี้ในการนั่งเล่นนั่งอ่านหนังสือ ฟังเสียงน้ำตกให้ผ่อนคลายสบายใจ เลือกใช้ไม้พื้นเทียมทดแทนไม้จริงประเภทไม้WPC เพราะดูแลรักษาง่าย ทนทาน สวยและผิวสัมผัสเหมือนไม้จริง >พื้นหน้าบ้านหรือโรงจอดรถ เลือกใช้คอนกรีตพิมพ์ลาย (Stamped Concrete) ลวดลายหินธรรมชาติสีดำเข้ากับบ้าน มีความแข็งแรงทนทาน เหมาะกับพื้นที่รับน้ำหนักมากอย่างที่จอดรถ >ระเบียงไม้เทียมยื่นออกไปยังบ่อปลาคาร์ป >ภาพ: ระเบียงไม้เทียมยื่นออกไปยังบ่อปลาคาร์ป >พื้นที่จอดรถเลือกใช้คอนกรีตพิมพ์ลาย >ภาพ: พื้นที่จอดรถเลือกใช้คอนกรีตพิมพ์ลาย (Stamped Concrete) >. >สนใจ พื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย (Stamp Concrete) คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สำหรับบ้านหลังนี้เดิมคุณพ่อคุณแม่ไม่อยากให้รื้อปลูกใหม่ เพราะเสียดายบ้านไม้ที่อุตส่าห์ขนย้ายมาจากบ้านเก่าของคุณปู่คุณย่าที่ลำปาง เจ้าของบ้านซึ่งเป็นรุ่นหลานจึงใช้วิธีการปลูกสร้างใหม่โดยเลือกเก็บไม้ไว้ใช้ทั้งหมด เปลี่ยนดีไซน์ของบ้าน เพิ่มฟังก์ชันเพื่อตอบสนองความต้องการการใช้พื้นที่ที่เปลี่ยนไป นอกจากเจ้าของบ้านมีความชัดเจนแล้ว สถาปนิกก็มีความใส่ใจในรายละเอียดการนำไม้ที่อนุรักษ์มาใช้ในการออกแบบดีไซน์จนบ้านเปลี่ยนโฉมมีความทันสมัยต่างไปจากเดิม แต่ยังคงให้ผู้อยู่อาศัยได้หวนคิดถึงบ้านหลังเก่าที่มีคุณค่าต่อความรู้สึก อบอุ่นคุ้นเคยทุกครั้งที่ได้มองเห็นและใช้งานในแต่ละส่วนในบ้านหลังใหม่นี้ >. >ขอขอบคุณ >เจ้าของบ้าน: คุณนที ชมภูรัตน์ และ คุณนุชอนงค์ แสงแก้ว >สถาปนิก: MOBIUS STUDIO DESIGN CREATOR >Design Connext คอมมูนิตี้แหล่งรวมสถาปนิก/นักออกแบบ ที่ช่วยเชื่อมต่อทุกองศาของงานออกแบบ >. >รับชมวิดิโอบ้านหลังนี้ คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >อ่านเพิ่มเติม: บ้านโมเดิร์นทรงกล่องเพื่อครอบครัวใหญ่อยู่สบาย >อ่านเพิ่มเติม: บ้านสไตล์โมเดิร์นลอฟต์ แฝงความท้าทายในสเปซเรียบง่าย
รวมเรื่องเข้าใจผิดด้านคุณสมบัติและการใช้งาน พร้อมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอิฐมวลเบา Q-CON >แน่นอนว่าวัสดุที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างบ้าน หรือที่อยู่อาศัยของเราหนึ่งอย่าง ก็คือ “อิฐ” ซึ่งก็จะมีหลายประเภทที่แตกต่างกัน และหนึ่งในอิฐที่เป็นที่รู้จักกันไม่น้อยคือ “อิฐมวลเบา” อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องเข้าใจผิดอยู่มากมายเกี่ยวกับคุณสมบัติของอิฐมวลเบา มีอะไรบ้างมาดูกัน >## 1. ผนังก่ออิฐมวลเบา ฉาบแล้วแตกร้าวง่าย >ในความเป็นจริงแล้ว การที่ผิวปูนฉาบผนังก่ออิฐมวลเบาแตกร้าวง่ายมักเกิดจากการฉาบที่ผิดวิธี ไม่ว่าจะเป็น การใช้เครื่องมือในการก่อฉาบที่ไม่เหมาะสม หรือการใช้ปูนสำหรับก่อฉาบอิฐทั่วไปแทนการใช้ปูนก่อฉาบสำหรับอิฐมวลเบาโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงควรเลือกใช้เครื่องมือและปูนก่อฉาบอิฐมวลเบาโดยเฉพาะและต้องฉาบผนังหนาไม่เกิน 1.5 ซม. ก่ออิฐมวลเบา >ภาพ ผนังก่ออิฐมวลเบาแตกร้าวง่ายอาจเกิดจากการฉาบผิดวิธี >## 2. อิฐมวลเบามีน้ำหนักเบา ผนังจึงไม่แข็งแรงและรับแรงกระแทกได้น้อย >จากการทดสอบแรงกระแทกบนผนัง โดยใช้ถุงทรายน้ำหนัก 50 กิโลกรัมในการกระแทก ผลปรากฎว่า ผนังอิฐมอญแตกในรอบที่ 8 ในขณะที่ผนังอิฐมวลเบา Q-CON แตกในรอบที่ 11 ดังนั้น ผนังที่ก่อด้วยอิฐมวลเบา Q-CON จึงมีความแข็งแรงและรับแรงกระแทกได้มากกว่าอิฐมอญ อิฐมวลเบา >ภาพ จากการทดสอบ ผนังก่ออิฐมวลเบา Q-CON รับแรงกระแทกมากกว่าผนังก่ออิฐมอญ >## 3. เนื้ออิฐมวลเบาพรุน ไม่สามารถเจาะผนังเพื่อแขวนของหนักๆ ได้ >เนื้อของอิฐมวลเบา Q-CON มีฟองอากาศกระจายสม่ำเสมออยู่ภายใน โดยฟองอากาศมีลักษณะเป็นแบบปิด ไม่ต่อเนื่องกัน เนื้อวัสดุจึงมีความตัน ไม่ได้เป็นรูพรุนเหมือนฟองน้ำ ทำให้มีความแข็งแรง น้ำหนักเบา และรับน้ำหนักได้ดี ดังนั้น ผนังอิฐมวลเบา Q-CON จึงสามารถแขวนของหนัก ๆ ได้ โดยต้องเลือกใช้พุกและดอกสว่านที่เหมาะสม (เลือกเบอร์เดียวกัน) รวมถึงเจาะผนังอย่างถูกวิธี (ห้ามคว้าน) ผนังอิฐมวลเบา >ภาพ ผนังก่ออิฐมวลเบาสามารถแขวนของหนักได้ โดยการเลือกใช้พุกและดอกสว่านให้เหมาะสมกับการรับน้ำหนักของที่แขวน >## 4. ไม่ควรใช้อิฐมวลเบาก่อผนังห้องน้ำเพราะน้ำซึมง่าย >อิฐมวลเบาก่อผนังห้องน้ำได้เช่นเดียวกับอิฐมอญ โดยในส่วนอาบน้ำหรือส่วนเปียกที่อาจมีน้ำขัง ต้องทำขอบปูน (คอนกรีตเสริมเหล็ก) สูงอย่างน้อย 10 ซม. และทาน้ำยากันซึมบนพื้นต่อเนื่องมาที่ขอบปูน แล้วจึงก่อผนังบนขอบปูนนี้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาส่วนใหญ่ของความชื้นในผนังห้องน้ำมักเกิดจากปัจจัยอื่น เช่น การระบายอากาศในห้องน้ำไม่ดี หรือระบบท่อน้ำที่เดินในผนังเกิดการรั่วซึม ดังนั้น จึงควรหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อจะได้แก้ปัญหาให้ตรงจุด ปูนก่ออิฐมวลเบา >ภาพ การก่อผนังห้องน้ำด้วยอิฐมวลเบา ควรทำขอบปูนสูงประมาณ 10 ซม. ก่อนแล้วก่อผนังบนขอบปูน สนใจ อิฐมวลเบา Q-CON คลิก\{.button .newtab} {.centered} >## 5. อิฐมวลเบาไม่กันความร้อนและเสียง >รูพรุนในอิฐมวลเบาทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนและกันเสียงในตัวได้ดี โดยช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าจากเครื่องปรับอากาศได้สูงสุดถึง 30% และจากผลการทดสอบการกันเสียงเมื่อเทียบกับอิฐมอญที่ความหนาผนัง 10 ซม. (ผนังก่ออิฐรวมฉาบ 2 ด้าน) พบว่า ผนังทั้งสองชนิดมีค่าการกันเสียงที่ใกล้เคียงกันที่ประมาณ 37 เดซิเบล* และหากเลือกใช้อิฐมวลเบาความหนา 10 ซม. จะกันเสียงได้ถึง 43 เดซิเบล** >* อิฐมวลเบา Q-CON ความหนา 7.5 ซม. รวมฉาบผนังสองด้าน กันเสียงได้ 37dB (ผลทดสอบจาก ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) >* อิฐมวลเบา Q-CON 10 ซม. รวมฉาบผนังสองด้าน กันเสียงได้ 43dB (ผลทดสอบจาก Acoustics Labboratory, National University, SG) อิฐมวลเบา กันเสียง >ภาพ ผนังก่ออิฐมวลเบา Q-CON มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันร้อนและกันเสียงได้ดี >## 6. อิฐมวลเบาต้องใช้วิธีการก่อเฉพาะ จึงใช้เวลาก่อผนังนานกว่าอิฐมอญ >การก่อผนังอิฐมวลเบามีความรวดเร็วกว่าการก่อผนังอิฐมอญ เนื่องจากอิฐมวลเบามีขนาดใหญ่กว่าอิฐมอญ และมีการผลิตจากโรงงานที่ทำให้อิฐมวลเบาแต่ละก้อนได้มาตรฐาน ได้ฉากในทุกด้าน ทำให้ก่อได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ในการก่อผนังด้วยอิฐมวลเบาจะมีระยะห่างของเสาเอ็น/คานเอ็นที่มากกว่าผนังอิฐมอญ และ Q-CON ยังมีคานทับหลังสำเร็จรูป (Q-CON Lintel) ที่สามารถติดตั้งแทนการหล่อคานทับหลังได้ ต่างจากผนังอิฐมอญที่ต้องหล่อเสาเอ็น/คานเอ็นซึ่งต้องรอระยะการเซตตัวของคอนกรีต และยังมีระยะห่างของเสาเอ็น/คานเอ็นน้อยกว่า ดังนั้น จึงทำให้งานก่อผนังด้วยอิฐมวลเบาเสร็จเร็วกว่าการก่อผนังด้วยอิฐมอญ 2-3 เท่า อิฐมวลเบา >ภาพ อิฐมวลเบา Q-CON มีขนาดใหญ่กว่า ได้มาตรฐาน ก่อง่าย ส่งผลให้งานเสร็จเร็วกว่าอิฐมอญ 2-3 เท่า >## 7. การก่อด้วยผนังอิฐมวลเบามีราคาแพงกว่าอิฐมอญ >ถึงแม้ค่าวัสดุอิฐมวลเบาจะสูงกว่าอิฐมอญ แต่จากเหตุผลในข้อ 6 การก่อผนังด้วยอิฐมวลเบารวดเร็วกว่าการก่อผนังด้วยอิฐมอญ ประกอบกับค่าแรงที่นับวันจะปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงส่งผลให้ต้นทุนในการก่อสร้างประหยัดกว่าด้วยโดยรวมอิฐมวลเบาจะถูกกว่าอิฐมอญด้วยเช่นกัน อิฐมวลเบา ประหยัด >ภาพ การก่อผนังโดยการใช้อิฐมวลเบาสามารถประหยัดทุนโดยรวมในการก่อสร้าง มากกว่าอิฐมอญ >หวังว่าเรื่องเข้าใจผิดและคุณสมบัติที่แท้จริงของอิฐมวลเบาที่เล่ามา จะเป็นข้อมูลในการพิจารณาเลือกใช้อิฐก่อผนังบ้านของเจ้าของบ้านได้ไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม วัสดุก่อสร้างบ้านในท้องตลาดถึงแม้จะเรียกชื่อเหมือนกัน แต่ก็มีหลายมาตรฐาน อิฐมวลเบาก็เป็นหนึ่งในนั้น ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณสมบัติในบางเรื่องเองก็เกิดจากการใช้งานอิฐมวลเบาที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้น การศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้ลึกซึ้ง รวมถึงการเลือกใช้ของที่มีคุณภาพได้มาตรฐานจึงเป็นเรื่องสำคัญต่อการสร้างบ้านสักหลังที่เราต้องอยู่อาศัยไปอีกยาวนาน สนใจ อิฐมวลเบา Q-CON คลิก\{.button .newtab} {.centered}
แนวทางเบื้องต้นสำหรับการติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อใช้งานด้วยตัวเอง พร้อมอุปกรณ์ปะรกอบที่ต้องใช้ร่วมกัน >ระบบโซลาร์เซลล์เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย และหลายคนเริ่มให้ความสำคัญ เพราะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ ซึ่งการติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์นั้นสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและพื้นที่ติดตั้ง (ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก “ระบบหลังคาโซลาร์เซลล์ Solar Roof มีกี่แบบ”) ทั้งนี้ หากต้องการใช้งานเล็กน้อย อย่างไฟสวน ปั้มน้ำบ่อปลา ก็สามารถต่อระบบใช้เองได้ โดยมีแนวทางดังนี้ >. >## 1. ต้องใช้ระบบโซลาร์เซลล์แบบ Off-Grid >เป็นระบบที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับการไฟฟ้า เหมาะกับการใช้งานเฉพาะจุดในบ้าน เช่น ไฟในสวนรอบบ้าน มอเตอร์ประตูรั้ว หรือใช้ในพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง เช่น พื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ได้จากระบบโซลาร์เซลล์นั้นจะเป็น “ไฟฟ้ากระแสตรง (DC)” การนำไปใช้งานจึงขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ไฟฟ้า สามารถติดตั้งได้ 2 รูปแบบ คือ แบบไม่ใช้แบตเตอรีและแบบใช้แบตเตอรี >โซลาร์เซลล์แบบไม่ใช้แบตเตอรี >ภาพ: โซลาร์เซลล์แบบไม่ใช้แบตเตอรีเพื่อใช้สูบน้ำขึ้นมาในตอนกลางวัน >โซลาร์เซลล์แบบใช้แบตเตอรี >ภาพ: โซลาร์เซลล์แบบใช้แบตเตอรีเพื่อสะสมไฟไว้ใช้ปั่นน้ำผลิตอ๊อกซิเจนในบ่อปลา >. >## ติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบไม่ใช้แบตเตอรี >เป็นการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้งานโดยตรง จะใช้ได้เฉพาะตอนกลางวันเวลาที่มีแสงอาทิตย์เท่านั้น ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ได้อาจไม่คงที่เพราะขึ้นอยู่กับปริมาณแสงแดดในแต่ละช่วงเวลา มีแนวทางการใช้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องดังนี้ >๐ สำหรับอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ต้องใช้อินเวอร์เตอร์ (Inverter) หรือหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อแปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) เป็นกระแสสลับ (AC) >๐ สำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สามารถต่อตรงได้เลย เช่น มอเตอร์ปั๊มน้ำที่ใช้ไฟ DC, มอเตอร์บำบัดน้ำเสียที่ใช้ไฟ DC >แนวทางการติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบไม่ใช้แบตเตอรี >ภาพ: แนวทางการติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบไม่ใช้แบตเตอรี >. >## ติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบใช้แบตเตอรี >ผลิตไฟฟ้ามาเก็บไว้ในแบตเตอรี แล้วจึงนำมาใช้งานเมื่อต้องการ จะได้กระแสไฟฟ้าคงที่ และใช้ไฟฟ้าในตอนกลางคืนได้ โดยต้องมีเครื่องควบคุมประจุไฟฟ้าเชื่อมต่อกับแบตเตอรีเพิ่มเติม >๐ สำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ใช้แบตเตอรีเก็บสะสมไฟฟ้า แล้วผ่านอินเวอร์เตอร์ (Inverter) หรือหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อแปลงไฟก่อนจ่ายเข้าอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า >๐ สำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ใช้แบตเตอรีเก็บสะสมไฟฟ้า แล้วต่อตรงเข้าอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟ DC >แนวทางการติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบใช้แบตเตอรี >ภาพ: แนวทางการติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบใช้แบตเตอรี >. >## 2. ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ให้มั่นคงและถูกทิศ >โครงสร้างที่รองรับแผงโซลาร์เซลล์ต้องแข็งแรงและควรมีการออกแบบอย่างเหมาะสมเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน โดยน้ำหนักของแผงโซลาร์เซลล์ 1 แผง (ขนาดประมาณ 1x2 ตารางเมตร) จะอยู่ที่ประมาณ 25-35 กิโลกรัม หรือประมาณ 13-18 กิโลกรัมต่อตารางเมตร >นอกจากนี้ ควรวางแผงโซลาร์เซลล์หันไปทางทิศใต้ เนื่องจากสำหรับประเทศไทย โดยส่วนใหญ่แล้วพระอาทิตย์จะขึ้นลงอ้อมทางทิศใต้ จึงควรวางแผงเอียง 10 -18 องศาโดยประมาณ เพื่อให้รับแสงอาทิตย์ได้ตลอดวัน >ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์หันไปทางทิศใต้ >ภาพ: ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์หันไปทางทิศใต้ >. >การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ด้วยตนเอง ควรทำความเข้าใจกับแผงวงจรให้ดี เลือกใช้แบตเตอรีและขนาดอินเวอร์เตอร์ (Inverter) ให้เหมาะสม ที่สำคัญควรติดตั้งบนโครงสร้างที่แข็งแรงเพียงพอรวมถึงวางในทิศทางที่ถูกต้อง เพื่อให้ใช้งานระบบโซลาร์ได้อย่างคุ้มค่าและช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถทำงานได้ยาวนานเต็มประสิทธิภาพ >. >สนใจ แผงโซลาร์เซลล์ คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >อ่านเพิ่มเติม: อยากติดหลังคาโซลาร์เซลล์ (Solar Roof) เริ่มต้นยังไงดี... >อ่านเพิ่มเติม: ระบบหลังคาโซลาร์เซลล์ “Solar Roof
รวมสิ่งที่คนอยากเลี้ยงหมามือใหม่ต้องรู้ก่อนต้อนรับสมาชิกใหม่เข้าบ้าน >* ยุคที่คนนิยมหันมาเลี้ยงหมาเสมือนลูกหรือเทรนด์ที่เรียกว่า “Pet Humanization” คือการที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงแทนตัวเองว่าเป็น “พ่อแม่” มากกว่าการมีลูกเสียเอง อย่างไรก็ดี การตัดสินใจเลี้ยงหมาแต่ละครั้ง ก็ใช่ว่าจะเลี้ยงทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ หรือเลี้ยงเพราะแก้เหงาไปวัน ๆ ได้ เพราะหมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่ขึ้นชื่อว่ารักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของแบบสุดหัวใจ น้องจึงต้องการเวลา ความรัก และคุณภาพชีวิตดี ๆ เช่นกัน >* การตัดสินใจเลือกเลี้ยงหมาจึงมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ค่อนข้างใหญ่พอ ๆ กับการเลี้ยงลูก ดังนั้นการเตรียมตัวอย่างดีเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ในบ้านให้มีความสุขและสุขภาพดีก็เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญไม่น้อย สิ่งที่ควรเตรียมพร้อมการเลี้ยงหมาสำหรับมือใหม่ >1. ต้องเข้าใจธรรมชาติของหมาที่เราจะเลี้ยง > หมาแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะทางกายภาพ อุปนิสัย พฤติกรรมและธรรมชาติที่แตกต่างกันไปยกตัวอย่างเช่น.. >- โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ และลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีความเป็นมิตรและเข้ากับคนได้ง่าย ชอบเล่นกับเด็กและมีนิสัยค่อนข้างสุภาพ >- ชิสุ และปอมเมอเรเนียน เป็นสุนัขที่มีพลังงานสูง ขี้เล่น แต่ก็มักจะต้องดูแลขนเป็นพิเศษ เนื่องจากขนสามารถพันกันได้ง่ายหากไม่ได้หวีหรือแปรงอย่างสม่ำเสมอ >- บีเกิล และแจ็ครัสเซลล์ เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่มีสัญชาตญาณนักล่าสูง ชอบวิ่งไล่ตามสิ่งที่เคลื่อนไหว ดังนั้นคนที่ต้องการจะเลี้ยงสายพันธุ์นี้ ควรเตรียมพื้นที่ที่กว้างและปลอดภัยเพียงพอสำหรับการออกกำลังกายและการเล่นของน้อง ๆ >- ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขที่อิสระและพลังงานสูงมาก หากไม่ได้ออกกำลังกายอาจจะเกิดพฤติกรรมทำลายข้าวของในบ้านได้ และยังเป็นหมาที่ชอบอากาศเย็น หากจะเลี้ยงในสภาพอากาศร้อน ๆ อย่างบ้านเราอย่างน้อยต้องเปิดแอร์ให้น้องด้วย >- ปั๊ก มักจะมีนิสัยขี้เล่นและเป็นมิตร ชอบอยู่ใกล้ชิดกับคน ติดคนมาก บางครั้งชอบตามเจ้าของไปทั่วบ้าน มักชอบการพักผ่อนมากกว่า ไม่ต้องการการออกกำลังกายที่หนักหนา >จากลักษณะนิสัยโดยธรรมชาติของหมาแต่ละสายพันธุ์ที่ได้กล่าวมาข้างต้น มีความแตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกเลี้ยงหมาควรพิจารณาจากไลฟ์สไตล์ของเจ้าของและพื้นที่ในการเลี้ยงดูด้วย text >ภาพ: หมาแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะทางกายภาพ อุปนิสัย พฤติกรรมและธรรมชาติที่แตกต่างกัน >2. เตรียมที่อยู่และพื้นที่ให้พร้อม >สำหรับน้องหมาไม่ว่าจะเลือกเลี้ยงในบ้านให้นอนด้วยกันก็ควรจะต้องมี “เบาะนอนสำหรับสัตว์เลี้ยง” โดยเฉพาะ หรือมีกรงกั้นล้อม เพื่อให้เขามีพื้นที่ส่วนตัว หรือหากเลือกเลี้ยงนอกบ้าน หรือปล่อยให้วิ่งเล่นรอบบ้านขณะที่เราไม่อยู่ ก็ควรจะมี “บ้านหมา” เพื่อให้เขารู้สึกมีพื้นที่ปลอดภัย text >ภาพ: เบาะนอนสำหรับสัตว์เลี้ยงเพิ่มพื้นที่ส่วนตัว text >ภาพ: ทำบ้านหมาสำหรับเลี้ยงนอกบ้านเพิ่มพื้นที่ปลอดภัย >3. เตรียมอาหารที่เหมาะสมในแต่ละวัย >- ควรให้สารอาหารครบถ้วนเหมาะกับอายุของน้อง รวมไปถึงต้องรู้ว่าหมากินอะไรได้และไม่ได้ เช่น หมาไม่ควรกินอาหารรสจัด >- ควรให้เป็นช่วงเวลาเพื่อเป็นการฝึกวินัยไปในตัว >- เตรียมชามข้าว “ชามน้ำ” โดยเฉพาะ หากเลี้ยงเกินหนึ่งตัวยิ่งควรแยกชามข้าวหมาเป็นอย่างยิ่งเพื่อเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อที่สามารถแพร่กระจายผ่านการกินอาหารร่วมกันได้ หรือป้องการการทะเลาะกันระหว่างกินข้าว text >ภาพ: เตรียมชามข้าว ชามน้ำให้น้องโดยเฉพาะ >4. เตรียมความพร้อมเรื่องสุขภาพของน้องหมา >พาไปฉีดวัคซีนที่จำเป็นให้ครบเพื่อป้องกันโรคให้น้องหมา นอกจากนี้ยังป้องกันเราและคนอื่นได้ด้วยหากโดนน้องกัดด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม >5. เตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดให้น้องหมา >- ควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับการทำความสะอาดน้องหมาเพราะหากดูแลไม่สะอาดอาจจะทำให้น้องเป็นโรคหรือมีเห็บได้ >- หากอาบน้ำให้น้องเองควรใช้ “ฝักบัวอาบน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง”-สีดำ) ที่สามารถปรับระดับความแรงของน้ำได้ และเป่าขนให้แห้ง อาจเลือกใช้ “ไดร์เป่าขนที่ไม่ต้องใช้มือจับ” เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดยิ่งขึ้น >- แปรงหวีขน เพื่อป้องกันขนพันกันและขนร่วง >- สบู่หรือแชมพูสำหรับหมาโดยเฉพาะและผ้าเช็ดตัว >- ถุงเก็บอุจจาระและทิชชู่เปียกสำหรับการพาสุนัขออกไปเดินเล่นนอกบ้าน *หากขับถ่ายที่สาธารณะเจ้าของควรจะต้องเก็บหรือทำความสะอาดให้เรียบร้อย >- อุปกรณ์ตัดเล็บ text >ภาพ: เลือกฝักบัวอาบน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยงที่สามารถปรับระดับความแรงของน้ำได้ text >ภาพ: ไดร์เป่าขนสัตว์เลี้ยงโดยไม่ต้องใช้มือจับเพิ่มความสะดวก text >ภาพ: แปรงหวีขน เพื่อป้องกันขนพันกันและขนร่วง >6. เตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดในบ้าน/รถ >นอกจากเราจะมีอุปกรณ์ทำความสะอาดน้องหมาแล้วเราควรจะมีอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านหรือรถติดไว้ด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นหมาขนสั้นหรือยาวก็มักจะมีขนร่วงติดเบาะรถหรือโซฟาเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นจำเป็นมากที่จะต้องมี “เครื่องดูดฝุ่น” ที่ช่วยดูดขนสัตว์ได้ ไม่ฟุ้งกระจาย ซึ่งหากเป็นขนาดเล็กไร้สายพกพาง่ายก็จะสะดวกมากขึ้น text >ภาพ: ดูดฝุ่นขนสัตว์เลี้ยงตามเบาะรถด้วยที่ดูดฝุ่นไร้สาย >7. เตรียมของเล่นให้น้องหมา >โดยธรรมชาติของหมาหากไม่ได้ออกกำลังกายเพียงพอ อาจจะทำให้มีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เช่น กัดของในบ้าน ดังนั้นของเล่นจึงจำเป็นต้องมีเพื่อให้หมารู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียดด้วยการกัด และอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้น้องรู้สึกคลายเครียดได้คือการพาไปเดินหรือออกกำลังกายสำหรับหมาที่พลังเหลือล้นแต่อย่าลืม “สายจูงสัตว์เลี้ยง” เพื่อป้องกันไม่ให้น้องหมาวิ่งหนีออกไปจากพื้นที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในที่ที่มีรถผ่านหรือคนจำนวนมาก text >ภาพ: หากไม่พาน้องหมาไปเดินเล่นหรือผ่อนคลายบ้างจะทำให้น้องทำลายข้าวของในบ้านได้ text >ภาพ: สายจูงสำหรับสัตว์เลี้ยงจำเป็นอย่างมากหากต้องการพาน้องออกไปนอกบ้าน >8. เตรียมอุปกรณ์เสริมหากต้องเดินทาง >แน่นอนว่าคนรักหมาแบบเรา หากต้องไปเที่ยวที่ไหนไกล ๆ หลายวัน อยากพาน้องขึ้นรถไปด้วย “แผ่นรองนั่งสำหรับสัตว์เลี้ยง” ใช้ปูในรถจึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นไม่น้อย โดยควรเลือกวัสดุผ้าที่กันน้ำซึมผ่านและทำความสะอาดได้ง่าย text >ภาพ: แผ่นรองนั่งในรถสำหรับสัตว์เลี้ยง >จาก 8 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น หากมีการเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีก็จะทำให้น้องหมาอยู่บนพื้นฐานของความสุข ทั้งสุขภาพกายและใจดีไปพร้อม ๆ กัน หมาแฮปปี้ คนแฮปปี้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือผู้เลี้ยงจะต้องมีความรับผิดชอบที่สูงมาก สามารถจัดสรรเวลา แบ่งความรักและความเอาใจใส่มาให้น้องอย่างเพียงพอด้วย >สนใจ สินค้าเพื่อสัตว์เลี้ยง คลิก\{.button .newtab} {.centered} text >ภาพ: หมาแฮปปี้ คนแฮปปี้
แนวทางตกแต่งฝ้าเพดานภายนอก หรือที่เรียกว่า “ฝ้าชายคา” รูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ้าทึบหรือฝ้าแบบมีรูระบายอากาศ ทั้งแบบแผ่นเรียบ แบบเซาะร่อง แบบมีลวดลายไม้ รวมไปถึงการใช้ฝ้าไม้ระแนงตีชนชิด หรือตีเว้นร่อง >ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคา เป็นส่วนที่ไม่ควรมองข้ามเพราะมีผลต่อหน้าตาของบ้านและประโยชน์ใช้สอยบางอย่าง วัสดุที่ใช้ทำฝ้าเพดานภายนอกควรมีคุณสมบัติทนความชื้น ยกตัวอย่างเช่น ฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ ฝ้าไวนิล ฝ้ายิปซัมทนชื้น ทั้งนี้ การตกแต่งฝ้าเพดานภายนอก สามารถทำได้หลายวิธี โดยอาจเลือกทำฝ้าแบบทึบ หรือฝ้าระบายอากาศเพื่อลดความร้อนจากบริเวณโถงหลังคา ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของความร้อนส่วนใหญ่ในภายบ้าน >. >๐ ฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ ผลิตจากเส้นใยเซลลูโลสผสมกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ มีคุณสมบัติทนความชื้น เหมาะกับการใช้งานภายนอก และปลวกไม่กิน มีราคาถูกกว่าฝ้าไวนิลและฝ้ายิปซัมทนชื้น แต่ก็มีน้ำหนักมากกว่า มีให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งแผ่นเรียบ เซาะร่อง เซาะร่องลายไม้ มีรูระบายอากาศ และไม้ระแนงไฟเบอร์ซีเมนต์ที่สามารถนำมาติดตั้งเว้นร่องเช่นเดียวกับการใช้ไม้จริงได้ด้วย >๐ ฝ้าไวนิล ผลิตจากยูพีวีซีชนิดพิเศษที่ทนต่อแสงแดด รังสี UV ความชื้นจากฝน และ สภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ไม่แตกกรอบ บิดงอ และปลวกไม่กิน น้ำหนักเบาใช้เวลาในการติดตั้งรวดเร็ว และไม่ต้องทำสีเพิ่ม มีให้เลือกแบบเซาะร่อง และเซาะร่องพร้อมรูระบายอากาศ >๐ ฝ้ายิปซัมทนชื้น ผลิตจากผงแร่ยิปซัมผสมสารป้องกันการดูดซึมความชื้น ทำให้การดูดซึมน้ำไม่เกิน 5% ประกบด้วยกระดาษเหนียวอัดแน่นชนิดพิเศษสีเขียวเคลือบสารกันน้ำและเชื้อรา จึงถือเป็นรุ่นพิเศษซึ่งมักมีราคาสูงกว่าแผ่นฝ้ายิปซัมทั่วไป มี 2 รุ่น คือ แผ่นยิปซัมทนชื้น (MoistBloc Plus) เหมาะกับโรงรถ และ แผ่นยิปซัมชายคา (WeatherBloc) เหมาะกับใต้ชายคา >แผ่นฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ ไม้ระแนงไฟเบอร์ซีเมนต์ และฝ้าไวนิล >ภาพ: แผ่นฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ ไม้ระแนงไฟเบอร์ซีเมนต์ และฝ้าไวนิลแบบต่างๆ >แผ่นยิปซัมทนชื้น (MoistBloc Plus) และ แผ่นยิปซัมชายคา (WeatherBloc) >ภาพ: แผ่นยิปซัมทนชื้น (MoistBloc Plus) และ แผ่นยิปซัมชายคา (WeatherBloc) >. >## ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาแบบทึบ >อาจเป็นได้ทั้งแบบแผ่นเรียบตีเว้นร่องธรรมดา หรือหากต้องการอารมณ์ใกล้เคียงไม้ อาจใช้วัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ ซึ่งมีทั้งในรูปของแผ่นฝ้าแบบเซาะร่อง หรือไม้เทียมทำเป็นฝ้าไม้ระแนงตีชนชิด ทั้งนี้ รูปแบบต่างๆ ที่เล่าไปสามารถนำมาผสมผสานเพื่อให้เกิดแพทเทิร์นที่น่าสนใจได้ >ฝ้าชายคาแบบแผ่นทึบติดตั้งเว้นร่อง ล้อกับผนัง >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาแบบแผ่นทึบ ติดตั้งเว้นร่อง ล้อกับผนัง >ฝ้าชายคาแผ่นทึบแบบเซาะร่อง >ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาแผ่นทึบแบบเซาะร่อง ทาสีน้ำตาลให้อารมณ์คล้ายระแนงไม้ >ฝ้าชายคาแผ่นทึบแบบเซาะร่องทาสีครีม >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาแผ่นทึบแบบเซาะร่องทาสีครีม >ฝ้าชายคาแบบแผ่นเรียบกับแบบเซาะร่องติดตั้งเป็นแพทเทิร์น >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาแบบแผ่นเรียบกับแบบเซาะร่องติดตั้งเป็นแพทเทิร์นผสมกัน >ฝ้าชายคาแบบแผ่นทึบติดตั้งร่วมกับฝ้าหลุม >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาแบบแผ่นทึบติดตั้งร่วมกับฝ้าหลุมแผ่นเรียบ >ฝ้าไม้ระแนงตีชนชิด >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาใช้ไม้ระแนงตีชนชิด >. >## ฝ้าเพดานภายนอกแบบมีรูระบายอากาศหรือฝ้าชายคาระบายอากาศ >อาจอยู่ในรูปของฝ้าแผ่นเรียบพร้อมรูระบายอากาศแบบเต็มแผ่นหรือครึ่งแผ่น ฝ้าเซาะร่องที่ดูคล้ายระแนงไม้ (ทั้งแบบธรรมดาและแบบที่มีลวดลายไม้บนพื้นผิว) หรือจะใช้เทียมทำเป็นฝ้าไม้ระแนงตีเว้นร่องระบายอากาศก็ได้เช่นกัน โดยทั้งหมดนี้สามารถนำมาออกแบบสร้างลูกเล่นได้มากมาย >ฝ้าเพดานภายนอกแบบแผ่นเรียบพร้อมรูระบายอากาศ >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกแบบแผ่นเรียบพร้อมรูระบายอากาศ >ฝ้าเพดานภายนอกแบบแผ่นเรียบพร้อมรูระบายอากาศ >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกแบบแผ่นเรียบพร้อมรูระบายอากาศ >ฝ้าชายคาแบบเซาะร่องพร้อมรูระบายอากาศ >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาแบบเซาะร่องพร้อมรูระบายอากาศ >ฝ้าไวนิลพร้อมรูระบายอากาศ >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาเป็นฝ้าไวนิลพร้อมรูระบายอากาศ >ฝ้าชายคาแบบเซาะร่องระบายอากาศครึ่งแผ่น >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาแบบเซาะร่องระบายอากาศครึ่งแผ่น >ฝ้าชายคาแบบเซาะร่องระบายอากาศครึ่งแผ่นทาสีน้ำตาลเข้ม >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาแบบเซาะร่องระบายอากาศครึ่งแผ่น โดยทาสีน้ำตาลเข้มในร่องเกิดเป็นแนวเส้นต่อเนื่อง >ฝ้าชายคาแบบผสมผสาน >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาแบบผสมผสาน ทั้งฝ้าแผ่นทึบ ฝ้าระบายอากาศ และระแนงไม้ตีเว้นร่องระบายอากาศ >ฝ้าชายคาแบบผสมผสาน >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาแบบเซาะร่อง ติดตั้งผสมผสาน ทั้งฝ้าแผ่นทึบและฝ้าระบายอากาศ >ฝ้าไม้ระแนงตีเว้นร่องระบายอากาศ >ภาพ: ฝ้าเพดานภายนอกหรือฝ้าชายคาใช้ไม้ระแนงตีเว้นร่องระบายอากาศ >. >สนใจ ฝ้าภายนอกแบบเรียบ และระบายอากาศ พร้อมบริการติดตั้ง คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >อ่านเพิ่มเติม: หลากวัสดุทดแทนไม้ทำฝ้าชายคาระบายอากาศ