รู้จักกับอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ของประตู เพื่อเลือกซื้อให้เหมาะสมและพร้อมใช้งาน >การเลือกซื้อประตูสักบาน ไม่ใช่ว่าได้บานประตูตามที่ชอบแล้วจบ แต่ยังต้องซื้ออุปกรณ์ประกอบอีกหลายอย่าง เพื่อให้นำไปติดตั้งใช้งานได้อย่างเหมาะสม อุปกรณ์บางอย่างจำเป็นต้องมี ถ้าไม่มีก็ไม่สามารถใช้งานได้ แต่บางอย่างอาจมีหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการใช้งาน >. >## บานประตู >ประกอบด้วยบานกรอบและลูกฟัก บานกรอบมักเป็นไม้จริง เช่น ไม้สัก ไม้สน ไม้แดง ไม้มะค่า ฯลฯ ส่วนลูกฟักอาจเป็นไม้เช่นเดียวกันกับบานกรอบหรืออาจเป็นประจกก็ได้ อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันมีวัสดุทางเลือกทดแทนไม้จริงมากขึ้น เพื่อให้ดูแลรักษาง่าย น้ำหนักเบากว่า และราคาประหยัด เช่น ประตูไม้อัด, ประตูเมลามีน, ประตู HDF, ประตู WPC, ประตู PS, ประตู uPVC, ประตู PVC ฯลฯ โดยลักษณะจะมีโครงภายใน และปิดผิวด้วยวัสดุดังกล่าว >ตัวอย่างบานประตูประเภทต่างๆ >ภาพ: ตัวอย่างบานประตูประเภทต่างๆ >. >## วงกบ >คือส่วนที่เป็นขอบหรือกรอบรอบประตูที่ผนัง ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกที่เกิดจากการเปิดปิดประตู มีร่องรับทำให้ประตูปิดสนิทมากขึ้น และเป็นส่วนที่ใช้ติดตั้งหลุมล็อกกลอนประตู รวมถึงยึดบานพับสำหรับประตูบานเปิดด้วย วัสดุมักเป็นประเภทเดียวกับตัวบานประตู ยกเว้นบางกรณี เช่น วงกบอะลูมิเนียมกับบานประตูไม้ วงกบไม้กับประตู WPC หรือ uPVC >วงกบ >ภาพ: วงกบเป็นขอบหรือกรอบรอบประตูที่ผนัง ช่วยให้ประตูปิดสนิทมากขึ้น >. >## บานพับ/รางเลื่อน >“บานพับ” เป็นอุปกรณ์ประกอบกับประตูบานเปิด ทำหน้าที่ยึดประตูเข้ากับวงกบเพื่อให้หมุนเปิดปิดได้ มีทั้งบานพับยึดที่ด้านข้างบานประตู และบานพับจุดหมุน (บานพับซ่อน) ที่มีเดือยหมุนยึดเข้ากับขอบด้านบนและด้านล่างของประตู การเลือกรูปแบบ/รุ่น ขนาด และจำนวนบานพับ จะขึ้นอยู่กับความสูงและน้ำหนักของประตู >“รางเลื่อน” ใช้คู่กับประตูบานเลื่อน มีหลายรุ่น/รูปแบบให้เลือกใช้ สำหรับประตูภายในบ้านจะนิยมใช้รางเลื่อนบนหรือรางเลื่อนแบบแขวนที่มักทำเป็นรางเลื่อนแบบซ่อน (ใช้คู่กับไม้บังราง) และรางเลื่อนแบบโชว์ การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับสไตล์การตกแต่งบ้าน และน้ำหนักประตู >บานพับ >ภาพ: บานพับทำหน้าที่ยึดประตูไว้กับวงกบ >รางเลื่อนบนหรือรางเลื่อนแบบแขวน >ภาพ: รางเลื่อนบนหรือรางเลื่อนแบบแขวน >รางเลื่อนสำหรับประตูบานเลื่อน >ภาพ: รางเลื่อนสำหรับประตูบานเลื่อน >. >## มือจับประตู >ทำหน้าที่ให้เราจับเพื่อเปิดปิดประตูได้ถนัดมือ สำหรับประตูบานเปิดมี 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) มือจับที่มีล็อกมาในตัว มีทั้งแบบลูกบิดและก้านโยก (ลูกบิดเขาควาย) 2) มือจับแยกกับตัวล็อก มีทั้งแบบก้านโยกและติดตาย ซึ่งตัวล็อกสามารถเลือกได้ว่าต้องการใช้แบบบิดหมุนหรือแบบกลอนประตู ส่วนประตูบานเลื่อนจะใช้เป็นมือจับรูปแบบต่าง ๆ เช่น แบบราวจับ แบบฝังในบาน โดยใช้คู่กับตัวล็อกบานเลื่อนโดยเฉพาะ >มือจับมีล็อกในตัวแบบลูกบิด >ภาพ: มือจับมีล็อกในตัวแบบลูกบิด >มือจับแยกกับตัวล็อกแบบก้านโยก >ภาพ: มือจับแยกกับตัวล็อกแบบก้านโยก >มือจับแบบฝังในบานประตู >ภาพ: มือจับแบบฝังในบานประตู >. >## กลอน/ตัวล็อก >ช่วยไม่ให้เปิดประตูได้ มีให้เลือกใช้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นกลอนประตูแบบเลื่อน/สับ (ซ้าย-ขวา, ขึ้น-ลง) กุญแจ Deadlock ที่มีลูกบิดหมุนล็อกด้วยมือที่ด้านใน ส่วนด้านนอกจะมีให้เลือกทั้งแบบใช้กุญแจ และแบบใช้เหรียญในการเปิด-ปิด (สำหรับห้องน้ำ หรือห้องนอนผู้สูงวัย/ผู้ป่วยที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือได้จากภายนอก) และแบบสายยูเพื่อคล้องกุญแจ นอกจากนี้ ยังมีกลอนประตูดิจิทัลซึ่งมีระบบล็อกอัตโนมัติ สามารถปลดล็อกได้หลายฟังก์ชั่น เช่น รหัส, คีย์การ์ด, ลายนิ้วมือ, แอปพลิเคชันในมือถือ โดยไม่จำเป็นต้องพกกุญแจ นิยมใช้กับห้องพักในโรงแรม คอนโดมิเนียม ปัจจุบันบ้านพักอาศัยก็นิยมใช้กันมากขึ้น >กลอนประตู >ภาพ: (ซ้าย)กลอนประตูภายในบ้านแบบเลื่อน/สับ (ขวา)ตัวล็อกประตูภายนอกบ้านแบบสายยูคล้องกุญแจ >กุญแจDeadlock >ภาพ: กุญแจDeadlock ที่มีลูกบิดหมุนล็อกด้วยมือที่ด้านใน >กลอนประตูดิจิทัล >ภาพ: กลอนประตูดิจิทัลปลดล็อกด้วยรหัสหรือคีย์การ์ด >. >## กันชนประตู >หรือที่เรียกว่า Door Stopper ทำหน้าที่ช่วยป้องกันประตูเปิดกระแทกกับผนัง/เฟอร์นิเจอร์ หรือใช้หยุดประตูบานเลื่อนไม่ให้หลุดราง มีหลายรูปแบบทั้งแบบแม่เหล็ก แบบเข้าสลัก แบบยางกันกระแทก มักติดตั้งไว้ด้านหลังประตูอาจเป็นด้านบนหรือด้านล่างก็ได้ตามความเหมาะสม >กันชนประตูแบบยาง >ภาพ: กันชนประตูแบบยาง >กันชนประตูแบบแม่เหล็ก >ภาพ: กันชนประตูแบบแม่เหล็ก >. >## โช้คประตู >เป็นอุปกรณ์พิเศษอาจติดตั้งหรือไม่ก็ได้ ช่วยในการปิดประตูอัตโนมัติ หรือสามารถตั้งให้เปิดค้างได้ บางรุ่นสามารถตั้งให้ชะลอการปิดให้ช้าลงได้ เช่น กรณีประตูบานเลื่อนสำหรับผู้ที่ใช้รถเข็น ข้อควรระวังในการติดตั้งโช้คประตูหากบ้านไหนที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงต้องระมัดระวังประตูหนีบด้วย >โช้คประตู >ภาพ: โช้คประตูช่วยในการปิดประตูอัตโนมัติ >. >การเลือกซื้อประตูสักบานนอกจากความสวมงามเข้ากับสไตล์ของบ้านแล้ว สิ่งสำคัญคืออุปกรณ์ประกอบต่างๆ อย่างบานพับที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับประตู ทำให้ใช้งานได้นาน ประตูไม่ตก เปิดปิดง่าย การเลือกมือจับที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานอย่างมือจับแบบก้านโยกให้ผู้สูงอายุใช้งานได้ง่าย รูปแบบของกลอนประตูที่ควรใช้กับหน้าบ้านหรือห้องนอนหรือห้องน้ำ >. >สนใจ ประตูและอุปกรณ์ประกอบ คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >อ่านเพิ่มเติม: หลากชนิดประตูไม้ เลือกอย่างไรให้เหมาะสม >อ่านเพิ่มเติม: หลากประเภทน่ารู้ ประตูสำเร็จรูปในบ้าน
งานรีโนเวตทาวน์เฮ้าส์ 2 ยูนิต อายุกว่า 30 ปี ดีไซน์เพื่อครอบครัวขนาดเล็กที่ต้องการพื้นที่พักอาศัยอยู่สบายไม่อึดอัดให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านเดี่ยว >. >ทาวน์เฮ้าส์ที่เห็นติดกัน 2 ยูนิตดูสบายๆ ดีไซน์ไม่หวือหวา แต่โดดเด่นแตกต่างจากหลังอื่นในโครงการจัดสรรเก่าฝั่งธนบุรีที่มีอายุกว่า 30 ปี ถูกออกแบบปรับปรุงได้อย่างตอบโจทย์ลงตัว เพราะเจ้าของบ้านเป็นผู้ออกแบบเอง สถาปนิกหนุ่มที่อยู่กับภรรยาและลูกวัยทารกพร้อมหมาน้อยอีก 1 ตัว ในบ้านที่มีพื้นที่ 220 ตร.ม. ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก และห้องครัว >. >## แนวคิดในการออกแบบปรับปรุง >เดิมทาวน์เฮ้าส์นี้เป็นของครอบครัวที่ปล่อยเช่ามาตลอด พอตัดสินใจว่าอยากปรับปรุงและอยู่อาศัยเองด้วยทำเลที่ใกล้บ้านพ่อแม่ใกล้ที่ทำงานจึงเข้ามาสำรวจสภาพอาคารดู ลักษณะเป็นบ้านโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก มีพื้นชั้นบนและหลังคาที่ใช้โครงสร้างไม้ สภาพแข็งแรงดีไม่ผุพังไม่มีปลวก แต่ด้วยความที่เป็นทาวน์เฮ้าส์มีช่องเปิดน้อยจึงทำให้รู้สึกอึดอัด แนวคิดหลักเลยจึงต้องการปรับปรุงให้อยู่สบาย โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่มืดทึบ มีพื้นที่การใช้งานเหมือนอยู่บ้านเดี่ยว >สภาพภายนอกอาคารทาวน์เฮ้าส์ติดกัน 2 ยูนิต ภาพ: สภาพภายนอกอาคารทาวน์เฮ้าส์ติดกัน 2 ยูนิต >สภาพภายในอาคารชั้นล่าง ภาพ: สภาพภายในอาคาร (ชั้นล่าง) >สภาพภายในอาคารชั้นบน ภาพ: สภาพภายในอาคาร (ชั้นบน) >. >จากแนวคิดการออกแบบปรับปรุงพื้นที่ภายในให้รู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้านเดี่ยว จึงเริ่มจากการกำหนดห้องหลักๆ ที่เป็นลักษณะ Fixed Function ไว้ด้านหนึ่ง ได้แก่ ห้องนอน ห้องน้ำ ส่วนอีกด้านหนึ่งให้เป็นพื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนได้ (Flexible Space) เช่น พื้นที่พักผ่อน รับแขก ทานข้าว ทำงาน ฯลฯ แล้วจึงออกแบบพื้นที่ให้มีความโปร่ง แสงธรรมชาติเข้าถึงทำให้บ้านไม่มืด รวมไปถึงเรื่องของการถ่ายเทอากาศให้บ้านร้อนน้อยที่สุด >โดยด้านที่เป็นพื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนได้ (Flexible Space) มีการรื้อพื้นชั้น 2 เพื่อทำเป็นโถงสูง (Double Volume) ฝ้าสูงแนบไปกับแนวเอียงของหลังคา แล้วมีชั้นลอยฝั่งหนึ่งเป็นที่นั่งเล่น และอีกฝั่งหนึ่งเป็นที่ทำงาน เจาะช่องหน้าต่างทั้งสองฝั่ง มีพัดลมขนาดใหญ่ห้อยลงมาที่กลางโถง เมื่อความร้อนลอยขึ้นสูง พัดลมจะช่วยระบายความร้อนออกสู่ภายนอกเร็วขึ้น >โถงสูง ภาพ: โถงสูง (Double Volume) ทำให้บ้านโปร่ง เจาะช่องเปิดหน้าหลัง ติดพัดลมขนาดใหญ่ ทำให้ระบายความร้อนได้ดี >โถงกลางบ้านที่มีชั้นลอย ภาพ: โถงกลางบ้านที่มีชั้นลอยฝั่งหนึ่งเป็นที่นั่งเล่น และอีกฝั่งหนึ่งเป็นที่ทำงาน >. >หน้าบ้านเป็นทิศตะวันตกเฉียงใต้ ข้อดีคือเป็นทิศทางที่ลมพัดผ่านดี จึงเจาะช่องเปิดขนาดใหญ่หน้าบ้านหลังบ้านเพื่อรับลมช่วยในการถ่ายเทอากาศได้ดี แต่ก็มีข้อเสียคือแสงแดดจะสาดส่องเข้าบ้านในช่วงบ่ายจึงแก้ปัญหาด้วยการตีระแนงหน้าบ้าน ช่วยในการกรองแสงไม่ให้พื้นที่รับแสงแดดโดยตรงลดการสะสมความร้อนและแสงจ้าในบ้าน โดยแผงระแนงมีระยะห่างออกมาจากผนังบ้าน 80 ซม. เพื่อให้ลมพัดผ่านเข้ามาได้ การตีระแนงนอกจากกรองแสงแดดแล้ว ยังสร้างความเป็นส่วนตัวให้ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านด้วย >แผงระแนงช่วยกรองแสงแดด ภาพ: แผงระแนงมีระยะห่างออกมาจากผนังบ้าน 80 ซม. เพื่อให้ลมพัดผ่านเข้ามาได้ และช่วยกรองแสงแดด >แผงระแนงช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับพื้นที่ภายในบ้านด้วย ภาพ: แผงระแนงช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับพื้นที่ภายในบ้านด้วย >. >การเจาะช่องเปิดจะเน้นเป็นหน้าต่างหรือประตูบานใหญ่ที่เปิดปิดได้ เพราะนอกจากแสงธรรมชาติที่เข้าถึงได้แล้ว ยังให้ลมเข้าถึงช่วยในการหมุนเวียนอากาศได้ดีด้วย ส่วนหน้าบ้านและหลังบ้านออกแบบให้เป็นพื้นที่โล่งไม่มีการต่อเติมห้องหรือหลังคา เพื่อให้รู้สึกโปร่งกว้าง มองจากภายในบ้านออกไปแล้วสบายตาไม่อึดอัด >การเจาะช่องเปิด ภาพ: การเจาะช่องเปิดจะเน้นเป็นหน้าต่างหรือประตูบานใหญ่ที่เปิดปิดได้ ช่วยรับแสงและลมจากภายนอก >หัองครัว ภาพ: หัองครัวกว้างขวางและเจาะช่องหน้าต่างเปิดโล่งระบายอากาศ >หน้าบ้านเปิดโล่งเพิ่มพื้นที่สีเขียวดูสบายตา ภาพ: หน้าบ้านเปิดโล่งเพิ่มพื้นที่สีเขียวดูสบายตา >. >## การเลือกใช้วัสดุและการตกแต่ง >ด้วยความที่ผู้ออกแบบเป็นผู้อยู่อาศัยเองการเลือกใช้วัสดุจึงเน้นการช่วยป้องกันความร้อนและการทดลองใช้วัสดุต่างๆ ตามความชอบส่วนตัวมากกว่าความนิยม อย่างหลังคาบ้านยังคงเป็นแบบเดิมคือด้านหน้าเป็นกระเบื้องหลังคาคอนกรีตและด้านหลังเป็นหลังคาลอนคู่ มีบางช่วงบางตอนที่สลับเป็นแผ่นโปร่งแสงเพื่อให้แสงธรรมชาติส่องลงภายในห้องน้ำได้ ใต้หลังคาลงมาใส่ฉนวนกันความร้อน STAY COOL ซึ่งวางอยู่บนฝ้าเพดานได้เลย ติดตั้งง่ายและช่วยป้องกันความร้อนได้ดี ถึงฝ้าจะตีเอียงแนบไปกับแนวหลังคาแต่ก็ไม่รู้สึกร้อนอบอ้าว >ผนังด้านที่ติดกับเพื่อนบ้านออกแบบเป็นผนัง 2 ชั้นเพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากบ้านติดกัน โดยเป็นผนังโครงเบาติดตั้งแผ่นผนังสมาร์ทบอร์ดและสอดฉนวนกันเสียง Zoundblockฉนวนกันเสียง Zoundblock ในช่องผนังทำให้บ้านเงียบขึ้น ผนังบ้านทั้งภายนอกและภายในเลือกใช้สีพ่น Texture เพราะให้พื้นผิวขรุขระเหมือนเม็ดทราย ให้ความรู้สึกผ่อนคลายลดทอนความแข็งเหมือนอยู่บ้านพักตากอากาศ (Resort) เจ้าของบ้านเลือกใช้วิธีนี้เพราะนอกจากความสวยงามแล้ว ยังแข็งแรงทนทานไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อยเหมือนการทาสี แต่ก็ต้องอาศัยช่างที่มีประสบการณ์ในการทำให้ >พื้นที่ชั้นลอยและทางเดินต่างๆ เลือกใช้พื้นอีพ็อกซี่ (Epoxy) เดินนุ่มเท้าคล้ายกระเบื้องยางแต่ไร้รอยต่อ ส่วนพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนใช้พื้นไม้จริงที่ได้จากพื้นเดิมและไม้ใหม่เพิ่มเติมทำสีธรรมชาติโชว์ลายไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่น >หลังคาบ้าน ภาพ: หลังคาบ้านยังคงเป็นแบบเดิมคือด้านหน้าเป็นกระเบื้องหลังคาคอนกรีต >เลือกใช้หลังคาแผ่นโปร่งแสง ภาพ: เลือกใช้หลังคาแผ่นโปร่งแสงในตำแหน่งห้องน้ำเพื่อให้แสงธรรมชาติส่องลงภายในได้ >ผนังใช้สีพ่น Texture ภาพ: ผนังทั้งภายนอกและภายในใช้สีพ่น Texture ให้พื้นผิวขรุขระเหมือนเม็ดทราย >ชั้นลอยเป็นพื้นอีพ็อกซี่ ภาพ: ชั้นลอยเป็นพื้นอีพ็อกซี่ (Epoxy) เดินนุ่มเท้าคล้ายกระเบื้องยางแต่ไร้รอยต่อ >พื้นที่นั่งเล่นใช้พื้นไม้จริง ภาพ: พื้นที่นั่งเล่นใช้พื้นไม้จริงทำสีธรรมชาติโชว์ลายไม้ >. >สนใจ แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สนใจ ฉนวนกันความร้อน STAY COOL คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สนใจ ไม้พื้น THAISUN คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >อ่านมาถึงตรงนี้แล้วจะเห็นว่าลักษณะการออกแบบปรับปรุงบ้านหลังนี้เป็นแบบ Form Follows Function คือเริ่มจากฟังก์ชันการใช้งานที่ต้องการก่อน แล้วจึงแก้ปัญหาลักษณะของบ้านทาวน์เฮ้าส์ที่ค่อนข้างมืดแสงเข้าไม่ถึง พื้นที่ใช้สอยคับแคบ ให้อยู่สบายขึ้นให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านเดี่ยว แล้วดีไซน์รูปร่างหน้าตาจึงตามมา >. >ขอขอบคุณ >เจ้าของโครงการ >สถาปนิก: Cotemporary .co., ltd | คุณอิทธิฤทธิ์ หทัยรัตนา >ภาพถ่าย: Kukkong Thirathomrongkiat >Design Connext คอมมูนิตี้แหล่งรวมสถาปนิก/นักออกแบบ ที่ช่วยเชื่อมต่อทุกองศาของงานออกแบบ >. >. >อ่านเพิ่มเติม: รีโนเวตบ้านเก่า 50 ปี ให้เป็นบ้านสไตล์โคโลเนียล >อ่านเพิ่มเติม: บ้านสวนอบอุ่น ส่วนตัว ท่ามกลางสวนมะพร้าว
เล่าถึงมุ้งลวดนิรภัยทั้งในแง่ของคุณสมบัติ ความแข็งแรงของวัสดุ การใช้งานและประโยชน์ต่างๆ ที่เจ้าของบ้านควรรู้ > มุ้งลวดนิรภัยเป็นอุปกรณ์กันแมลงที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้านไปในตัว ทนต่ออุปกรณ์ทั่วไปของผู้บุกรุก กรีดไม่ขาด เจาะไม่ทะลุ งัดทำลายให้หลุดได้ยากมาก โดยเฉพาะบ้านที่ไม่อยากติดเหล็กดัด แต่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากการงัดแงะ โจรกรรม มาถึงตรงนี้เจ้าของบ้านคงเริ่มสงสัยแล้วว่า.... > มุ้งลวดนิรภัยทำจากอะไร ทำไมจึงกรีดไม่ขาด > ผืนมุ้งลวดนิรภัยโดยทั่วไปผลิตจากวัสดุสเตนเลสเกรด 304 ซึ่งทนต่อแรงกระแทก ทนแรงกรีดจากมีด คัตเตอร์ รวมถึงการแทงของชะแลงและไขควงได้ ทั้งยังทนต่อทุกสภาพอากาศ ไม่เป็นสนิม นอกจากนี้มุ้งลวดนิรภัยคุณภาพสูงบางรุ่นยังมีการเคลือบสารที่ช่วยดูดซับความร้อนจากแสงแดดที่ส่องผ่านประตูหน้าต่าง จึงมีส่วนช่วยให้บ้านเย็น ประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น > Single Image วัสดุมุ้งลวดนิรภัยสเตนเลส ภาพ: ตัวอย่างวัสดุมุ้งลวดนิรภัย > มุ้งลวดนิรภัยและมุ้งลวดอื่นๆพร้อมติดตั้ง คลิก\{.button .newtab} {.centered} > บานกรอบมุ้งลวดนิรภัย ทำไมจึงแข็งแรงงัดยาก > บานกรอบของมุ้งลวดนิรภัยมักเป็นวัสดุอะลูมิเนียมที่นอกจากจะหนาเป็นพิเศษและแข็งแรงทนทานแล้ว ยังมีตัวล็อกพิเศษซึ่งแข็งแกร่งกว่าระบบล็อกมาตรฐานทั่วไป พร้อมระบบล็อกระบบล็อคที่ซับซ้อน มีจำนวนหลายจุด (Multipoint lock) ทั้งยังอยู่ในตำแหน่งหลบสายตาที่มองเห็นได้ยาก ทำให้ผู้บุกรุกคาดเดาโครงสร้างไม่ถูก และเสียเวลานานมากในการค้นหาเพื่อทำลายจุดล็อกแต่ละจุด นอกจากนี้ บางกรอบมุ้งลวดนิรภัยคุณภาพสูงบางรุ่นยังมีกลไกอัจฉริยะที่ช่วยป้องกันการยกถอดบานได้ > Singleimage ระบบล็อกป้องกันงัดแงะ ภาพ: ตัวอย่างระบบป้องกันงัดแงะของบานกรอบมุ้งลวดนิรภัย ด้วยตัวล็อกพิเศษ ซับซ้อนหลายจุด พร้อมระบบบานรอบรางคู่ตรึงแน่น ป้องกันการถอดล้อ > มุ้งลวดนิรภัยและมุ้งลวดอื่นๆพร้อมติดตั้ง คลิก\{.button .newtab} {.centered} > ติดตั้งมุ้งลวดนิรภัยแทนเหล็กดัดดีไหม > มุ้งลวดนิรภัยคุณภาพสูง ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งกับประตูหน้าต่างได้ลงตัว สามารถเลือกสีบานกรอบให้เข้ากับการตกแต่งบ้านได้ ดูสวยงามกว่าติดเหล็กดัด มองวิวภายนอกได้ไม่บดบังทัศนียภาพ และสำหรับบ้านที่กังวลว่าหากติดเหล็กดัดแล้ว จะไม่สามารถหากุญแจมาไขเพื่อหลบหนีได้ทันท่วงทีหากเกิดเหตุไฟไหม้ การใช้มุ้งลวดนิรภัยแทนเหล็กดัดจะตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้ > Singleimage สีบานกรอบมุ้งลวดนิรภัย ภาพ: ตัวอย่างมุ้งลวดนิรภัยพร้อมบานกรอบสีต่างๆ ให้เลือก > ใช้เป็นมุ้งลวดสำหรับสัตว์เลี้ยงได้หรือไม่ มุ้งลวดนิรภัยทนต่อแรงดันและตะกุยของสัตว์เลี้ยงได้ โดยมุ้งลวดนิรภัยคุณภาพสูงเคลือบสีเทคนิคพิเศษที่ติดทนแน่นกับผิวสเตนเลสทุกซอกมุม สามารถทนแรงข่วนจากคมเล็บของสัตว์เป็นประจำได้นานประมาณ 2-3 ปี หลังจากนั้นอาจเกิดการหลุดลอกของสีได้ อย่างไรก็ตามเจ้าของบ้านสามารถใช้สเปรย์สำหรับพ่นซ่อมเก็บรอยสีลอกได้ด้วยตัวเอง > มุ้งลวดนิรภัยและมุ้งลวดอื่นๆพร้อมติดตั้ง คลิก\{.button .newtab} {.centered} > มุ้งลวดนิรภัยใช้งานได้กี่ปี ติดตั้งกับประตูหน้าต่างแบบไหนได้ > ในสภาวะปกติที่ไม่ต้องเผชิญกับการกัดกร่อน (เช่น โดนไอน้ำทะเล น้ำยาล้างห้องน้ำ) มุ้งลวดนิรภัยโดยทั่วไปมักใช้งานได้นานเป็น 10 ปี หรือหากเป็นรุ่นคุณภาพสูงพร้อมระบบมาตรฐานยุโรป อาจใช้งานได้ยาวนานประมาณ 20-30 ปี มุ้งลวดนิรภัยสามารถติดตั้งกับประตูหน้าต่างได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าต่างบานเปิด บานเลื่อนเดี่ยว บานเลื่อนคู่ บานเลื่อนซ้อน หน้าต่างบานติดตาย หน้าต่างบานกระทุ้ง รวมถึงประตูบานเฟี้ยม > Singleimage ประเภทประตูหน้าต่างที่ติดมุ้งลวดนิรภัย ภาพ: ตัวอย่างมุ้งลวดนิรภัยที่ติดตั้งกับประตูหน้าต่างแบบต่างๆ > จะเห็นได้ว่ามุ้งลวดนิรภัยเป็นตัวช่วยในการกันแมลง ที่มาพร้อมความปลอดภัย ป้องกันการบุกรุกจากภายนอกได้ดี ใช้แทนเหล็กดัดโดยไม่ทำให้ทัศนียภาพภายนอกเสียหาย และยังไม่ต้องกังวลเรื่องการหนีไฟ ใช้งานได้นาน ทนต่อสภาพอากาศและการขีดข่วนจากสัตว์เลี้ยงได้ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการรักษาความปลอดภัยและความสะดวกและสบายใจสำหรับสมาชิกในบ้าน > อ่านเพิ่มเติม: เลือกมุ้งลวดอย่างไรให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์\{.newtab}
เปรียบเทียบการเลือกใช้กระจกที่ช่องแสงประตูหน้าต่างระหว่างกระจกลามิเนตกับกระจกธรรมดาติดฟิล์ม หากต้องการเพิ่มคุณสมบัติในการช่วยลดความร้อนและเรื่องนิรภัยต่าง ๆ >ประตูหน้าต่างและช่องแสงที่เป็นกระจก เป็นส่วนที่แสงและความร้อนสามารถส่องผ่านเข้ามาได้ ทั้งยังมีความเปราะบาง เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ยิ่งหากเป็นกระจกบานใหญ่ด้วยแล้ว หากเกิดการแตกเสียหาย ก็อาจส่งผลต่อร่างกายของสมาชิกในบ้านได้ ปัจจุบันมีกระจกที่มีคุณสมบัติทั้งช่วยลดร้อนและเป็นกระจกนิรภัยในตัว นั่นก็คือ “กระจกลามิเนต” นอกจากนี้ยังมีอีกทางเลือกคือ “กระจกธรรมดามาติดฟิล์มเพิ่มที่ด้านใน” การตัดสินใจว่าจะเลือกใช้แบบไหนดี คงต้องดูข้อมูลหลายๆ ส่วนมาประกอบกัน >## มาทำความรู้จักกับกระจกทั้งสองแบบ >กระจกลามิเนต (Laminated Glass) เป็นกระจกรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากการนำกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบกันโดยมีแผ่นฟิล์มนิรภัย PVB (Poly Vinyl Butyral) อยู่ระหว่างกลางเพื่อยึดกระจกให้มีความแข็งแรงทนทานมากยิ่งขึ้น มีคุณสมบัติเด่นคือ เมื่อกระจกได้รับความเสียหายจนเกิดการแตกจะยังคงรูปเป็นแผ่นดังเดิม ไม่ร่วงหล่นเป็นเศษเล็กๆ เพราะแผ่นฟิล์มตรงกลางทำหน้าที่เป็นตัวยึดเกาะไม่ให้เศษกระจกหลุดร่วงลงมาที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้ จึงมีความปลอดภัยต่อสมาชิกในบ้านหรือคนที่เดินผ่านไปมา >นอกจากนี้ยังมีข้อดีเรื่องช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกและเก็บเสียงได้ดีกว่ากระจกธรรมดา (ที่มีความหนากระจกรวมเท่ากัน) ช่วยป้องกันความร้อนได้ดีและกันรังสียูวีได้มากกว่า 90% ทนต่อแรงดังลมในที่สูง ทนต่อแรงอัดกระแทก ช่วยป้องกันการบุกรุกจากการโจรกรรมได้ (ขึ้นอยู่กับสเปคของกระจกและฟิล์ม) อีกทั้งสามารถเคลือบสีได้ตามความต้องการอีกด้วย >*มีข้อควรคำนึงคือ ตัวฟิล์ม PVB มีคุณสมบัติดูดความชื้น หากใช้กระจกนี้ในบริเวณที่มีความชื้นสูง จะทำให้การยึดเกาะระหว่างกระจกและฟิล์มไม่ดี และอาจเกิดการแยกตัวออกจากกันได้ กระจกลามิเนต >ภาพ: กระจกลามิเนต เกิดจากการนำกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบกันโดยมีแผ่นฟิล์มนิรภัย PVB (Poly Vinyl Butyral) อยู่ระหว่างกลางเพื่อยึดกระจกให้มีความแข็งแรงทนทาน กระจกลามิเนต-แตก >ภาพ: กระจกลามิเนตตอนเมื่อได้รับความเสียหายจนเกิดการแตกจะยังคงรูปเป็นแผ่นดังเดิม >กระจกธรรมดาที่ติดฟิล์มทีหลัง ฟิล์มจะถูกติดที่กระจกฝั่งด้านในบ้าน ซึ่งมีทั้งฟิล์มกรองแสงและฟิล์มนิรภัยให้เลือกใช้ >ฟิล์มกรองแสง จะมีเฉดสีต่าง ๆ มีความทึบแสง โปร่งแสง ค่าการสะท้อนแสงที่หลากหลาย ช่วยลดแสงจ้า ให้ความรู้สึกสบายตา ลดความเครียดของดวงตา ช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้า ช่วยชะลอความซีดจางของเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน เพิ่มความสวยงามให้กับบ้านหรืออาคารได้อีกด้วย อีกทั้งดูแลรักษาง่าย กันรอยขีดข่วนที่จะเกิดบนผิวกระจก >ฟิล์มนิรภัย เหมาะสำหรับกรณีที่เน้นเรื่องความแข็งแรงปลอดภัยเป็นหลัก ควรเลือกใช้ฟิล์มนิรภัย*จากผู้ผลิตฟิล์มที่ได้มาตรฐาน (ขึ้นอยู่กับคุณภาพของฟิล์มแต่ละยี่ห้อด้วย) เพราะจะช่วยลดการแตกกระจายของเศษกระจก และลดโอกาสการถูกโจรกรรมได้ (ฟิล์มกันร้อนก็ช่วยทำให้เศษกระจกเกาะตัวกันได้ประมาณหนึ่ง แต่ไม่มากเท่ากับฟิล์มนิรภัย) > ติดฟิล์มกันร้อน ฟิล์มนิรภัย บ้าน อาคาร คอนโด คลิก\{.button .newtab} {.centered} > กระจกใสธรรมดา >ภาพ: กระจกธรรมดา มีความหนาให้เลือกหลากหลาย กระจกใสธรรมดา-ติดฟิล์ม >ภาพ: กระจกธรรมดาตามอาคารบ้านเรือน มาติดฟิล์มทีหลัง >ทั้งนี้ ฟิล์มนิรภัยก็มีคุณสมบัติเรื่องการลดความร้อนด้วยเช่นกัน โดยช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้สูงถึง 79% (ขึ้นอยู่กับฟิล์มแต่ละรุ่น) ป้องกันรังสียูวีได้มากกว่า 99% และยังสามารถเลือกได้หลายสีหลายชนิดตามความต้องการ >*ฟิล์มนิรภัยที่มีคุณภาพจะต้องหนาตั้งแต่ 4 มิล. (mil) หรือ 100 ไมครอนขึ้นไป และฟิล์มนิรภัยไม่สามารถป้องกันการแตกของกระจกได้ ตัวอย่างฟิล์มกรองแสงลามิน่า >ภาพ: ตัวอย่างฟิล์มกรองแสงของลามิน่า เป็นฟิล์มที่มี “ชั้นกาวพิเศษ (Mounting Adhesive)” ที่ยึดโพลีเอสเตอร์และอณูกระจกไว้ด้วยกัน, “ชั้นแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์คุณภาพเยี่ยม (ชั้นที่ 1)” เคลือบโลหะและ UV Absorbent ช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้เกือบ 80% ป้องกันรังสียูวีมากกว่า 99%, “ชั้นกาว (Laminating Adhesive)” ช่วยยึดแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ไว้ด้วยกัน, “ชั้นแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์คุณภาพเยี่ยม (ชั้นที่ 2)” ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดความร้อน มีความเหนียวทนทาน, “ชั้นสารกันรอยขูดขีดชนิดผลึกคริสตัลโปร่งใสพิเศษ” ป้องกันไม่ให้ฟิล์มเป็นรอยขูดขีด ฟิล์มนิรภัยลามิน่า >ภาพ: ตัวอย่างฟิล์มนิรภัยของลามิน่า ซึ่งเป็นฟิล์มที่ผ่านขั้นตอนการผลิตแบบเดียวกันกับฟิล์มกรองแสงติดอาคารทั่วไป มีความแตกต่างตรงการเพิ่มชั้นโพลีเอสเตอร์ และปริมาณกาวชนิดพิเศษที่มี คุณสมบัติในการยึดติดอย่างเหนียวแน่นให้มีมากกว่าชั้นฟิล์มทั่วไป การเพิ่มชั้นโพลีเอสเตอร์ และปริมาณกาวจะมากกว่าในปริมาณเท่าใด ขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแรงทนทานที่ต้องการ การติดตั้งฟิล์มนิรภัยที่กระจกธรรมดาจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความแข็งแรงในการลดแรงกระแทกจากวัตถุภายนอกได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ การระเบิด แผ่นดินไหว พายุ ฯลฯ กระจกติดฟิล์มนิรภัย >ภาพ: กระจกติดฟิล์มนิรภัย เมื่อถูกของกระแทกจะยังคงรูปเป็นแผ่นดังเดิมเช่นเดียวกัน >โดยรวมแล้ว อาจสรุปข้อมูลสำหรับการเลือกใช้ระหว่างกระจกลามิเนต และกระจกธรรมดาที่ติดฟิล์ม ได้ดังนี้ >รูปแบบบ้าน หากเป็นบ้านที่กำลังสร้าง หรือบ้านเดิมที่กำลังจะรื้อเปลี่ยนประตูหน้าต่างใหม่ สามารถเลือกได้เลยว่าจะใช้กระจกแบบไหน แต่หากเป็นบ้านที่ยังไม่ต้องการรื้อเปลี่ยนประตูหน้าต่างใหม่ หรือคอนโดมิเนียมที่ไม่สามารถแก้ไขชุดประตูหน้าต่างได้ ควรเลือกติดฟิล์มที่กระจกเดิม >งบประมาณ จะขึ้นอยู่กับความหนากระจกที่เลือกใช้ สำหรับความหนากระจกที่นิยมใช้ในบ้านพักอาศัยนั้น ราคากระจกลามิเนตจะสูงกว่ากระจกธรรมดา โดยค่าฟิล์มพร้อมติดตั้งสำหรับฟิล์มกรองแสงจะเริ่มต้นที่ 135 บาทต่อตารางฟุต ฟิล์มนิรภัยจะเริ่มต้นที่ 150 บาทต่อตารางฟุต >การดูแลรักษา ในด้านนี้จะพิจารณากันที่ฟิล์มซึ่งเป็นตัวเพิ่มคุณสมบัติให้กับกระจกเป็นหลัก อายุการใช้งานของฟิล์มมักขึ้นอยู่กับคุณภาพของเนื้อฟิล์มที่ใช้และกาวประสาน กระจกลามิเนตหากใช้งานผิดประเภทอาจมีการเสื่อมสภาพของฟิล์ม จะไม่สามารถแก้ไขได้ ต้องรื้อเปลี่ยนทั้งกระจกซึ่งยุ่งยากพอสมควร โดยอายุการใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 10 ปี (กรณีที่มีการใช้งานถูกประเภท) ส่วนการติดฟิล์มในภายหลัง หากฟิล์มเสื่อมสภาพ หรือเสียหาย หลุดลอก สามารถรื้อเปลี่ยนใหม่ได้ โดยมีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ 12-13 ปี และยังมีการรับประกันตามเงื่อนไขของบริษัทผู้ติดตั้งอีกด้วย >ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ น่าจะพอเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ว่าจะเลือกกระจกแบบไหนให้ตอบโจทย์และเหมาะกับบ้านเรามากที่สุดนะคะ >ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล: >https://www.laminafilms.com >https://www.wazzadu.com/article/2201 >https://www.smg-con.co.th/product-detail.php?id=1 >https://krajok.com/lami >https://www.smg-con.co.th/product-detail.php?id=1 >https://white-glass.com/laminated-glass-กระจกลามิเนต > ติดฟิล์มกันร้อน ฟิล์มนิรภัย บ้าน อาคาร คอนโด คลิก\{.button .newtab} {.centered}
ประเด็นต่าง ๆ ที่อยากชวนเจ้าของบ้านพิจารณา หากมีบ้านเก่าอายุเกินกว่า 20 ปี ว่าควรปรับปรุงครั้งใหญ่หรือทุบสร้างใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์มากที่สุด >. >หลายคนที่มีบ้านเก่าหรือบ้านที่อยู่อาศัยมานาน และถึงเวลาที่ต้องขยับขยายหรือเริ่มมีกำลังมากพอในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทุบสร้างใหม่หรือรีโนเวตดี อาจเพราะบ้านยังดูดีหรือด้วยเสียดายบรรยากาศความทรงจำดีดีในบ้านเก่า จะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตามที่ทำให้ยังตัดสินใจได้ยาก มีสิ่งที่ควรพิจารณา 5 ข้อ ดังนี้ >. >## 1: ประเภทบ้าน >พิจารณาก่อนว่าบ้านเราเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮม หรือตึกแถว เพราะมีผลต่อเพื่อนบ้านข้างเคียงและกฏหมายควบคุมอาคารด้วย >๐ บ้านเดี่ยว สามารถเลือกทำได้ทั้งสองอย่างไม่ว่าจะทุบสร้างใหม่หรือรีโนเวต ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ >๐ บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮม หรือตึกแถว แนะนำการรีโนเวต หรืออาจจะทุบผนัง พื้น บางส่วนเพื่อปรับสเปซหรือหน้าตาใหม่ได้ เพราะหากทุบรื้อบ้านเดิมออกทั้งหมดเพื่อปลูกสร้างใหม่ จะมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญไม่แนะนำให้ทุบสร้างใหม่เพราะจะกระทบกับโครงสร้างของเพื่อนบ้านที่ติดเราด้วย >บ้านเดี่ยวที่มีอายุกว่า 20 ปี มีพื้นที่ว่างโดยรอบ >ภาพ: บ้านเดี่ยวที่มีอายุกว่า 20 ปี มีพื้นที่ว่างโดยรอบ >ตึกแถวที่มีอายุกว่า 20 ปี เป็นอาคารที่มีโครงสร้างติดกันกับเพื่อนบ้าน >ภาพ: ตึกแถวที่มีอายุกว่า 20 ปี เป็นอาคารที่มีโครงสร้างติดกันกับเพื่อนบ้าน >. >## 2: โครงสร้างบ้านเดิม >สำรวจสภาพบ้านเดิมก่อน ทั้งสภาพภายนอก ภายใน สามารถตรวจสอบเองได้ เช่น รอยน้ำรั่ว พื้นผนังฝ้าผุพัง ส่วนโครงสร้างของบ้านอาจมีการรื้อพื้นผนังฝ้าบางช่วงบางตอนเพื่อตรวจสอบเสาคาน ซึ่งแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือวิศวกรโครงสร้างเข้ามาช่วยตรวจสอบด้วย หากโครงสร้างแข็งแรงดีไม่มีปัญหาแตกร้าวหรือทรุดตัว อาจจะแค่ปรับปรุงบ้านให้สวยใหม่ได้ แต่ถ้าโครงสร้างบ้านโดยเฉพาะเสา คานเกิดปัญหา หรือถ้าบ้านมีเอียงทรุด อาจพิจารณาทุบสร้างใหม่ได้เลย >รื้อพื้นชั้นล่างและผนัง เพื่อตรวจสอบโครงสร้างเสาคานของบ้าน >ภาพ: รื้อพื้นชั้นล่างและผนัง เพื่อตรวจสอบโครงสร้างเสาคานของบ้าน >. >## 3: พื้นที่ใช้สอยเดิม >พิจารณาพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านว่าเพียงพอต่อความต้องการใช้งานและตอบโจทย์ตรงใจกับผู้อยู่อาศัยแล้ว หรือจำเป็นต้องขยับขยายเพราะสมาชิกในครอบครัวที่เพิ่มขึ้น หากมีขนาดที่ดินจำกัดจนไม่สามารถต่อเติมอาคารหรือเพิ่มพื้นที่ใช้สอยรอบบ้านได้ ซึ่งการจะเพิ่มพื้นที่แนวตั้ง เช่น บ้านชั้นเดียวเพิ่มเป็นบ้าน 2-3 ชั้น อาจมีผลต่อโครงสร้างเดิมที่ไม่ได้วางแผนการรับน้ำหนักไว้ตั้งแต่ต้น ดังนั้นการทุบสร้างใหม่จึงเป็นคำตอบที่ดีกว่า >ทุบผนังภายในเพื่อปรับพื้นที่ >ภาพ: ทุบผนังภายในเพื่อปรับพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมกับการใช้งานที่เปลี่ยนไป >. >## 4: งบประมาณ >ส่วนใหญ่การรีโนเวตจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการสร้างใหม่ เพราะไม่มีค่าโครงสร้างที่ต้องทำขึ้นใหม่ แต่การรีโนเวตจะควบคุมงบประมาณได้ยากกว่า เพราะอาจพบปัญหาที่ไม่คาดคิดได้ เช่น ภาพรวมภายนอกบ้านยังดูดี แต่พอรื้อตรวจโครงสร้างแล้วเริ่มหมดสภาพต้องทำโครงสร้างใหม่ ดังนั้น การเตรียมงบประมาณอาจเป็นเกณฑ์ตั้งตั้นของใครหลายคนว่าจะเลือกทุบสร้างใหม่หรือรีโนเวตดี >สภาพโครงสร้างเสาคานใต้พื้นทรุด >ภาพ: สภาพโครงสร้างเสาคานใต้พื้นทรุดซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่มองไม่เห็น จึงไม่คาดคิดในการเตรียมค่าใช้จ่าย >. >## 5: คุณค่าของบ้าน >ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการตีราคาหรือมูลค่าที่สูงจนน่าเสียดายหากต้องทุบสร้างใหม่ แต่หมายถึงการมีคุณค่าทางจิตใจ เช่น เป็นบ้านที่อยู่อาศัยต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ต้นตระกูล หรือการมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมควรคู่กับการเก็บอนุรักษ์ไว้ แบบนี้ก็อาจเลือกรีโนเวตมากกว่า >บ้านไม้โบราณที่มีเอกลักษณ์ >ภาพ: บ้านไม้โบราณที่มีเอกลักษณ์ ควรรีโนเวตมากกว่าการทุบสร้างใหม่ >. >เชื่อว่าหากพิจารณาทั้ง 5 ข้อนี้แล้ว เจ้าของบ้านน่าจะมีคำตอบในใจว่าจะทุบสร้างใหม่หรือรีโนเวต ทั้งนี้ นอกจากประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณแล้ว ความผูกพันหรือคุณค่าทางจิตใจอาจมีผลกระทบต่อบางคนในบ้านได้ ดังนั้นจึงควรปรึกษาหารือและตัดสินใจร่วมกันในครอบครัว เพื่อให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของทุกคนให้อยู่กันได้อย่างมีความสุข >. >อ่านเพิ่มเติม: รีวิวปรับปรุงบ้านไม้เก่า กับ 5 เรื่องที่ต้องเตรียมความพร้อม >อ่านเพิ่มเติม: รีโนเวตบ้านเก่า เล่าเรื่องใหม่ ด้วยสเปซและแสงเงา
ความแตกต่างของพื้นหล่อในที่กับพื้นสำเร็จรูป >เรื่องพื้นๆ ที่หลายคนยังสงสัยว่า “พื้นหล่อในที่” กับ “พื้นสำเร็จรูป” ต่างกันอย่างไร เพราะมองด้วยตาและลองเดินดูแล้วก็เหมือนกัน จริงแล้วพื้นทั้ง 2 ชนิดเป็นพื้นปูนเหมือนกัน มีความแตกต่างกันที่วิธีการติดตั้งและความเหมาะสมของพื้นที่ใช้งาน >. >## พื้นหล่อในที่ >หรือพื้นคอนกรีตหล่อในที่ เป็นพื้นที่ใช้คอนกรีตมาเทหน้างาน เหมาะกับบริเวณพื้นที่เสี่ยงต่อการรั่วซึม อาทิ พื้นห้องน้ำ พื้นระเบียง พื้นดาดฟ้า โดยสามารถออกแบบให้ใช้ได้กับทั้งโครงสร้างชนิดที่วางบนคานและวางบนดิน >๐ ชนิดวางบนคาน จะใช้กับโครงสร้างระบบเสาคาน เป็นโครงสร้างที่นิยมใช้งานกับอาคารทั่วไป รับน้ำหนักได้ดี >๐ ชนิดวางบนดิน เป็นการหล่อพื้นลงบนพื้นดินหรือทรายบดอัดแน่นโดยตรง ไม่มีโครงสร้างใต้ดินรองรับ ทั้งนี้ต้องบดอัดดินหรือทรายให้แน่น เพราะคอนกรีตจะแตกร้าวได้หากดินหรือทรายด้านล่างเกิดการยุบตัว จึงควรอยู่อย่างอิสระจากโครงสร้างส่วนอื่นๆ มักเป็นพื้นที่ภายนอกตัวอาคาร เช่น ลานซักล้าง ที่จอดรถ ถนนหน้าบ้าน >สำหรับการทำงานของพื้นหล่อในที่นั้น ก็จะประกอบไปด้วย การผูกเหล็ก ตีไม้แบบ เทคอนกรีต เมื่อเทเสร็จแล้วก็ต้องมีระยะเวลารอปูนเซตตัวรวมถึงอาจต้องมีการบ่มคอนกรีตด้วยเพื่อให้โครงสร้างมีความแข็งแรง ดังนั้นก็จะใช้เวลาดำเนินการที่มากกว่าพื้นสำเร็จรูป >พื้นหล่อในที่ต้องมีการผูกเหล็ก-ตีไม้แบบ >ภาพ: พื้นหล่อในที่ต้องมีการผูกเหล็ก-ตีไม้แบบ-เทคอนกรีต และรอคอนกรีตเซตตัว >พื้นหล่อในที่ชนิดวางบนคาน >ภาพ: พื้นหล่อในที่ชนิดวางบนคานสำหรับเป็นพื้นชั้น 2 >พื้นหล่อในที่ชนิดวางบนดิน >ภาพ: พื้นหล่อในที่ชนิดวางบนดินสำหรับเป็นพื้นที่จอดรถ >. >## พื้นสำเร็จรูป >หรือพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป เป็นพื้นสำเร็จรูปจากโรงงาน โดยหล่อคอนกรีตขึ้นเป็นแผ่นและเสริมด้วยลวดอัดแรงกำลังสูง ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทาน มีทั้งแบบตัน แบบสามขา (ท้องลอน) และแบบกลวง (Hollow Core) ติดตั้งได้เฉพาะกับโครงสร้างชนิดวางบนคานเท่านั้น จากนั้นวางตะแกรงเหล็ก (Wire Mesh) เสริมด้านบน แล้วเทคอนกรีตทับหน้า (Topping) ประมาณ 5 ซม จึงช่วยประหยัดเวลาในการก่อสร้าง เพราะไม่ต้องทำไม้แบบและผูกเหล็ก แต่ไม่ควรใช้ในพื้นที่ภายนอกบ้าน และพื้นที่เปียก เช่น ระเบียง ห้องน้ำ เนื่องจากมีรอยต่อระหว่างแผ่นพื้นมาก เสี่ยงต่อการรั่วซึมได้ >พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปแบบตัน >ภาพ: พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปแบบตัน >พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปแบบกลวง >ภาพ: พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปแบบกลวง (Hollow Core) >พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปติดตั้งวางบนคาน >ภาพ: พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปติดตั้งวางบนคาน >. >“พื้นหล่อในที่” กับ “พื้นสำเร็จรูป” เป็นพื้นคอนกรีตเหมือนกัน แต่มีวิธีการติดตั้งและความเหมาะสมของพื้นที่ใช้งานต่างกัน ทั้งนี้วิศวกรจะเป็นผู้เลือกระบบพื้นและคำนวนขนาดที่เหมาะสมกับงบประมาณและการออกแบบพื้นที่ใช้สอย >. >สนใจ แผ่นพื้นสำเร็จรูป คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >สนใจ บริการปรับพื้นคอนกรีต คลิก\{.button .newtab} {.centered} >. >อ่านเพิ่มเติม: คอนกรีตผสมเสร็จ 1 คิว เทพื้นได้กี่ตารางเมตร? >อ่านเพิ่มเติม: พื้นโรงรถทรุดแตกร้าวอย่าตกใจ ปรับปรุงใหม่ได้ให้ดูดี
ไม่ต้องไปนอนเรียวกังถึงเกียวโต ก็สามารถพักผ่อนในบ้านเก๋ ๆ สไตล์มูจิ ด้วย 6 ไอเดียดีไซน์บ้านแบบญี่ปุ่น >เชื่อว่าหลายท่านต้องเคยนึกอยากอยู่บ้านสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยบรรยากาศสงบเรียบง่ายและเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่อาจจะยังนึกไม่ออกว่าองค์ประกอบแต่ละส่วนของบ้านญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง บทความนี้จึงขอช่วยถอดรหัสเอกลักษณ์บ้านญี่ปุ่นเป็นไอเดียง่าย ๆ ที่สามารถประยุกต์ใช้ในบ้านเรา >## 1. ทำพื้นต่างระดับที่โถงทางเข้าบ้าน >บ้านญี่ปุ่นจะมีเอกลักษณ์ตั้งแต่ส่วนนี้เลย คือมีการทำระดับพื้นให้ต่างกัน ระหว่างพื้นหน้าประตูที่เชื่อมกับภายนอก และพื้นเรือนที่เชื่อมกับภายใน โดยวัสดุปูพื้นจะต่างกันด้วย เพื่อกำหนดขอบเขตพื้นที่อย่างชัดเจน สื่อความหมายว่า ‘กลับถึงบ้านแล้วนะ’ >หากเป็นบ้านญี่ปุ่นดั้งเดิม พื้นในตัวเรือนมักปูด้วยเสื่อตาตามิหรือไม้ ซึ่งปัจจุบันสามารถประยุกต์ใช้ลามิเนตลายไม้ หรือวัสดุเลียนแบบลายไม้อื่น ๆ แทนได้ ส่วนพื้นที่หน้าประตูมักจะเป็นหิน กระเบื้อง หรือวัสดุทนน้ำที่ทำความสะอาดได้ง่าย โถงทางเข้าบ้านญี่ปุ่น อินทีเรีย ตกแต่งภายใน พื้นไม้ บ้านญี่ปุ่น บ้านสไตล์ญี่ปุ่น ไอเดีย เฟอร์นิเจอร์ ประตู หน้าต่าง จัดสวน >ภาพ: โถงทางเข้าบ้านญี่ปุ่น สนใจ วัสดุตกแต่งปูพื้นภายใน พร้อมบริการติดตั้ง คลิก\{.button .newtab} {.centered} >## 2. เลือกใช้ประตูหน้าต่างบานเลื่อน >พบเห็นได้บ่อยในบ้านญี่ปุ่น โดยเฉพาะบ้านเก่าแก่ที่ยังมีการใช้ประตูบานเลื่อนไม้กรุกระดาษที่เรียกว่าโชจิอยู่ ทั้งนี้ก็เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อย จึงพยายามใช้องค์ประกอบที่มีน้ำหนักเบาเพื่อความปลอดภัย >อย่างไรก็ดี บ้านญี่ปุ่นยุคใหม่ไม่ได้ใช้บานโชจิเป็นหลักแล้ว แต่บานเลื่อนยังคงเป็นที่นิยม เพราะสามารถใช้ในพื้นที่จำกัดได้ดี ประตูโชจิแบบดั้งเดิม อินทีเรีย ตกแต่งภายใน พื้นไม้ บ้านญี่ปุ่น บ้านสไตล์ญี่ปุ่น ไอเดีย เฟอร์นิเจอร์ ประตู หน้าต่าง จัดสวน >ภาพ: ประตูโชจิแบบดั้งเดิม ประตูบานเลื่อนกั้นห้องในบ้านญี่ปุ่นสมัยใหม่ >ภาพ: ประตูบานเลื่อนกั้นห้องในบ้านญี่ปุ่นสมัยใหม่ สินค้า ประตู หน้าต่าง และอุปกรณ์ คลิก\{.button .secondary} {.centered} >## 3. เลือกโทนสีอบอุ่นตามวัสดุธรรมชาติ >วัสดุธรรมชาติคือใจความสำคัญ แต่บ้านญี่ปุ่นสมัยใหม่ไม่จำเป็นต้องทำโครงสร้างไม้ทั้งหลังเหมือนในอดีตแล้ว แต่ยังคงมีกลิ่นอายเรียบง่ายที่สะท้อนถึงกันอยู่ โทนสีภายในส่วนมากนิยมยึดจากวัสดุตามธรรมชาติที่ค่อนข้างอบอุ่น เช่น ไม้ หิน กระดาษโชจิ และอาจมีการใช้โทนสีพาสเทลในการตกแต่งภายในเพิ่มเติม ซึ่งพบเห็นได้บ่อยในชุดถ้วยกาต่าง ๆ โทนสีตกแต่งภายในแนวพาสเทล อินทีเรีย ตกแต่งภายใน พื้นไม้ บ้านญี่ปุ่น บ้านสไตล์ญี่ปุ่น ไอเดีย เฟอร์นิเจอร์ ประตู หน้าต่าง จัดสวน >ภาพ: โทนสีตกแต่งภายในแนวพาสเทล เฉดสีเครื่องปั้นดินเผาและกระเบื้องเคลือบ อินทีเรีย ตกแต่งภายใน พื้นไม้ บ้านญี่ปุ่น บ้านสไตล์ญี่ปุ่น ไอเดีย เฟอร์นิเจอร์ ประตู หน้าต่าง จัดสวน >ภาพ: เฉดสีเครื่องปั้นดินเผาและกระเบื้องเคลือบ >## 4. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางได้อย่างยืดหยุ่น หรือออกแบบช่องหน้าต่างให้ใกล้เคียงระดับสายตายามนั่งพื้น >พฤติกรรมการใช้ชีวิตภายในบ้านของคนญี่ปุ่นนั้นผูกพันกับพื้นเป็นอย่างมาก ทั้งการนั่งบนเสื่อตาตามิ นอนบนฟูก (ฟูตอง) หรือกินอาหารแบบนั่งพื้นกับโต๊ะพับญี่ปุ่น (โต๊ะโคเท็ตสึ) เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ในบ้านญี่ปุ่นจะมีไม่เยอะนัก ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องเรือนที่พับเก็บได้เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานพื้นที่ นอกเหนือจากเรื่องเฟอร์นิเจอร์ บ้านญี่ปุ่นบางหลังยังมีการออกแแบบช่องหน้าต่างให้พอดีกับระดับสายตายามนั่งบนพื้น >หากต้องการนำกลิ่นอายส่วนนี้มาประยุกต์ใช้กับบ้านเรา ต้องแน่ใจว่าเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ชีวิตหรือไม่ หากไม่ได้มีปัญหาเรื่องขนาดพื้นที่บ้าน แค่เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีระดับสายตาใกล้เคียงกับการนั่งพื้นก็เพียงพอ ตัวอย่างที่พบเห็นได้บ่อยคือการยกฐานพื้นขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อวางฟูกนอน รวมถึงการใช้โซฟาและเตียงทรงเตี้ยเพื่อรักษาระดับสายตา ไลฟ์สไตล์บนพื้นเรือน อินทีเรีย ตกแต่งภายใน พื้นไม้ บ้านญี่ปุ่น บ้านสไตล์ญี่ปุ่น ไอเดีย เฟอร์นิเจอร์ ประตู หน้าต่าง จัดสวน >ภาพ: ไลฟ์สไตล์บนพื้นเรือน กับการใช้งานเฟอร์นิเจอร์ที่มีความยืดหยุ่นต่อพื้นที่สูง โซฟาทรงเตี้ยในห้องนั่งเล่น อินทีเรีย ตกแต่งภายใน พื้นไม้ บ้านญี่ปุ่น บ้านสไตล์ญี่ปุ่น ไอเดีย เฟอร์นิเจอร์ ประตู หน้าต่าง จัดสวน >ภาพ: โซฟาทรงเตี้ยในห้องนั่งเล่น เตียงนอนแบบยกฐานเตี้ย อินทีเรีย ตกแต่งภายใน พื้นไม้ บ้านญี่ปุ่น บ้านสไตล์ญี่ปุ่น ไอเดีย เฟอร์นิเจอร์ ประตู หน้าต่าง จัดสวน >ภาพ: เตียงนอนแบบยกฐานเตี้ย สินค้า เตียงนอน คลิก\{.button .secondary} {.centered} >## 5. ทำระเบียงทางเดินรอบบ้าน >อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ของญี่ปุ่นมักมีระเบียงไม้รอบบ้าน ซึ่งเป็นสเปซกึ่งกลางที่กั้นระหว่างภายในและภายนอก และยังเป็นทางเดินที่เชื่อมพื้นที่ส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ในบ้านยุคใหม่ที่มีขนาดเล็กลงอาจไม่มีพื้นที่พอจะทำระเบียงรอบบ้าน จึงมีการเลือกยื่นระเบียงเฉพาะพื้นที่ที่จำเป็น เช่น ห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกับสวน ระเบียงบ้านสไตล์ญี่ปุ่น >ภาพ: ระเบียงบ้านสไตล์ญี่ปุ่น สนใจ สินค้าหลากสไตล์ เพื่อพื้นภายนอก พร้อมบริการติดตั้ง คลิก\{.button .newtab} {.centered} >## 6. จัดสวนญี่ปุ่น >หากกล่าวถึงหัวข้อนี้ หลายท่านอาจจะนึกถึงสวนกรวดหรือสวนเซน (Zen) เนื่องจากเป็นจุดเด่นที่ชัดเจนในสถานที่ท่องเที่ยวของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในวัดวาอาราม เพราะเป็นสวนที่มีความหมายเชิงปริศนาธรรม >แต่สวนอีกแบบที่แพร่หลายญี่ปุ่นไม่แพ้กันคือ สวนสไตล์พิคเชอะเรสค์ (Picturesque Garden) ที่นำธรรมชาติมาจัดสรรให้งดงามกว่าธรรมชาติจริง ๆ พูดได้ว่าแม้แต่ตะไคร่น้ำยังอาจถูกออกแบบมาเลยทีเดียว สวนแบบนี้เป็นที่นิยมมากในบ้านญี่ปุ่น เพราะให้ความร่มรื่นสบายตา และนำมาประยุกต์ใช้กับเมืองร้อนชื้นอย่างบ้านเราได้ดี โดยสามารถผสมผสานกับสวนเซนในบางส่วนได้ สวนกรวดสไตล์เซน Zen อินทีเรีย ตกแต่งภายใน พื้นไม้ บ้านญี่ปุ่น บ้านสไตล์ญี่ปุ่น ไอเดีย เฟอร์นิเจอร์ ประตู หน้าต่าง จัดสวน >ภาพ: สวนกรวดสไตล์เซน (Zen) สวนญี่ปุ่นแบบ Picturesque อินทีเรีย ตกแต่งภายใน พื้นไม้ บ้านญี่ปุ่น บ้านสไตล์ญี่ปุ่น ไอเดีย เฟอร์นิเจอร์ ประตู หน้าต่าง จัดสวน >ภาพ: สวนญี่ปุ่นแบบ Picturesque รายละเอียดตกแต่งสวนญี่ปุ่น >ภาพ: ตัวอย่างรายละเอียดตกแต่งในสวนญี่ปุ่น >แม้เราจะไม่สามารถถอดองค์ประกอบบ้านสไตล์ญี่ปุ่นมาใช้ได้ทั้งหมด เนื่องจากที่ตั้งและบริบทต่างกัน แต่ 6 ไอเดียด้านบนถือเป็นวิธีง่าย ๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ได้ ใครชื่นชอบเสน่ห์บ้านญี่ปุ่นก็ลองนำไปผสมผสานดู ไม่แน่ว่าอาจจะถูกใจกว่าบ้านที่ญี่ปุ่นจริง ๆ ก็ได้
ไอเดียปรับปรุงบ้านในจุดต่างๆ สำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการปรับโฉมบ้านเก่าให้ดูดี สวยงาม ได้บรรยากาศใหม่ๆ แบบที่ใช้เวลาไม่นานและขั้นตอนไม่ยุ่งยากจนเกินไป บ้านที่เราอยู่มานานแม้ไม่ได้มีปัญหาให้ซ่อมแซมแต่ก็อาจดูเก่าโทรม เราสามารถปรับปรุงบ้านเฉพาะส่วนให้ดูดีขึ้นเพื่อสร้างบรรยากาศอันน่าอยู่น่าชม เวลามีแขกไปใครมาก็ยืดอกต้อนรับได้อย่างมั่นใจ มาดูกันว่าถ้าเราจะปรับปรุงบ้านในจุดต่างๆ แบบง่ายๆ จะทำอะไรได้บ้าง > ปรับปรุงบ้านจุดที่ 1: ทาสีบ้านส่วนผนังภายนอก > การทาสีบ้านเป็นอีกวิธีแปลงโฉมปรับปรุงบ้านที่แสนเรียบง่าย ผนังที่ดูเก่าโทรมแค่ทาสีใหม่ก็ดูสวยดูดีขึ้นทันตาเห็น หรือหากต้องการลดความร้อนให้กับผนังบ้านด้วย ก็สามารถเลือกใช้สีทาภายนอกที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน ซึ่งนอกจากผนังจะดูสวยใหม่แล้ว ยังช่วยทำให้บ้านเย็นขึ้นได้ > ปรับปรุงบ้าน ทาสีบ้าน ทาสีผนัง ภาพ: ตัวอย่างการทาสีบ้านและทาสีรั้ว ช่วยปรับลุคบ้านให้ดูร่วมสมัยและสวยใหม่ขึ้น > ทาสีผนังภายนอกบ้าน ภายในบ้าน คลิก\{.button .newtab} {.centered} > ปรับปรุงบ้านจุดที่ 2: ทาสีหลังคาบ้าน > การปรับปรุงหลังคาที่ดูเก่า สีซีด คราบฝุ่นเกาะสะสมให้ดูสวยใหม่นั้น หากไม่ได้มีปัญหารั่วซึม ก็อาจไม่จำเป็นต้องรื้อเปลี่ยนกระเบื้องเพื่อให้ดูสวยใหม่เสมอไป เพียงแค่ทาสีหลังคาทับลงบนกระเบื้องเดิม ก็สามารถเปลี่ยนโฉมหลังคาบ้านให้ดูใหม่ขึ้น ซึ่งเราอาจจะเลือกสีที่ต่างจากเดิมเพื่อเปลี่ยนลุคไปเลยก็ได้ > ปรับปรุงบ้าน ทาสีหลังคา SCG Roof Repaint ภาพ: ตัวอย่างการทาสีหลังคาบ้านโดยเปลี่ยนเฉดสีให้ต่างจากสีหลังคาเดิม > ทาสีหลังคา คลิก\{.button .newtab} {.centered} > อ่านเพิ่มเติม: รีวิว แปลงโฉมบ้านเก่าให้กลับมาสวยใหม่ ง่ายๆ กับบริการทาสีหลังคา SCG Roof Repaint > ปรับปรุงบ้านจุดที่ 3: ตกแต่งผนังภายในบ้าน > การปรับปรุงผนังภายในบ้าน นอกจากทาสีใหม่แล้วยังสามารถตกแต่งผนังวิธีอื่นๆ ให้ดูมีสไตล์ต่างจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นการติดวอลเปเปอร์ลวดลายสีสันต่างๆ การทำผนังปูนเปลือยสไตล์ลอฟต์ ด้วยปูนซีเมนต์ขัดมันสำเร็จรูปสำหรับตกแต่งผนังได้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน ซึ่งออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เจ้าของบ้านที่รักงาน DIY สามารถลงมือทำเองได้โดยไม่ต้องพึ่งช่าง เป็นต้น > ปรับปรุงบ้าน ตกแต่งผนัง ผนังปูนเปลือย ปูนซีเมนต์ขัดมัน สำเร็จรูป เสือ เดคอร์ ลอฟท์ วอลล์ ภาพ: การเปลี่ยนผนังธรรมดา ให้เป็นผนังปูนเปลือยสไตล์ลอฟต์ ด้วยปูนซีเมนต์ขัดมันสำเร็จรูป มาพร้อมอุปกรณ์สำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการลงมือทำเองได้ไม่ยาก > บริการฉาบตกแต่งผนังปูนเปลือยสไตล์ลอฟต์ คลิก\{.button .newtab} {.centered} > อ่านเพิ่มเติม: 6 ขั้นตอนฉาบผนังปูนขัดมัน (ปูนเปลือย) ทำเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งช่าง > ปรับปรุงบ้านจุดที่ 4: ปูพื้นลายไม้ในบ้าน > อีกหนึ่งในวิธีปรับปรุงพื้นภายในบ้านที่ง่ายและเป็นที่นิยมคือ ปูพื้นลายไม้ด้วยวัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นลามิเนต พื้น SPC กระเบื้องยางลายไม้หรือพื้นไม้ไวนิลซึ่งให้ลุคอบอุ่นสวยงามใกล้เคียงไม้จริง มีเฉดสีให้เลือกหลากหลาย หากพื้นเดิมอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็สามารถปูทับได้อย่างง่ายดายรวดเร็ว ไม่ต้องรื้อวัสดุพื้นเดิมให้ยุ่งยาก และยังให้ผิวสัมผัสที่ดีกว่าพื้นผิวที่แข็งลื่นอย่างพื้นกระเบื้อง พื้นปูนเปลือย พื้นหินขัดอีกด้วย > สำหรับบ้านที่มีเด็ก ผู้สูงวัย อาจเลือกใช้เป็น “พื้นลดแรงกระแทก” ที่มีคุณสมบัติช่วยซับแรงกระแทกกรณีพลัดตกหกล้ม รวมถึงพื้นผิวยังมีความฝืดจึงลดโอกาสการการลื่นล้มได้ และวัสดุชนิดนี้ยังเหมาะสำหรับบ้านที่เลี้ยงสัตว์ภายในบ้านด้วย เนื่องจากพื้นผิวของวัสดุจะช่วยให้สัตว์วิ่ง เดิน ได้สะดวก ช่วยลดโอกาสบาดเจ็บที่ข้อสะโพกในระยะยาว > ปรับปรุงบ้าน พื้นลายไม้ กระเบื้องยางลายไม้ พื้นไม้ไวนิล พื้นลามิเนต พื้นSPC พื้นลดแรงกระแทก peel & Place ภาพ: ตัวอย่างการปูพื้นลายไม้ในบ้าน ซึ่งติดตั้งได้ง่าย สามารถปูทับพื้นเดิมได้ > อ่านเพิ่มเติม: 5 วัสดุปูพื้นลายไม้ เปลี่ยนพื้นในบ้านใหม่ลดความแข็ง-ลื่น คืนความอบอุ่น > พื้นลายไม้ภายในบ้าน พื้นกันกระแทก พร้อมติดตั้ง คลิก\{.button .newtab} {.centered} > ปรับปรุงบ้านจุดที่ 5: ปูพื้นรอบบ้าน จัดสวนรอบบ้าน > การปรับปรุงบ้านให้ดูดีบางครั้งอาจหมายถึงตกแต่งพื้นที่รอบบ้านให้ดูสวยน่ามอง ไม่ว่าจะเป็นการปูพื้นรอบบ้านด้วยไม้เทียม เป็นพื้นที่นั่งเล่นผ่อนคลายในบรรยากาศคล้ายรีสอร์ท ไปจนถึงการปรับปรุงจัดสวนรอบบ้านเพื่อความสดชื่น ในทางกลับกันหากเป็นบ้านที่เคยจัดสวนรอบบ้านไว้แต่ไม่มีเวลาดูแลจนสภาพทรุดโทรม ก็สามารถปรับปรุงใหม่ให้ดูแลง่ายขึ้น เช่น ปูพื้นด้วยบล็อกปูพื้น กระเบื้องคอนกรีต โดยอาจโรยกรวดประดับ และปูหญ้าเทียมบางส่วนเพื่อคงพื้นที่สีเขียวในลุคธรรมชาติให้ดูสบายตา และหากในสวนมีต้นไม้ที่ล้อมมาตกแต่ง อาจพิจารณา ติดตั้งค้ำยันต้นไม้ช่วยป้องกันต้นไม้ล้ม > ปรับปรุงบ้าน ปูพื้นรอบบ้าน บล็อกปูพื้น อิฐตัวหนอน พื้นไม้เทียม SCG ภาพ: ตัวอย่างการปูพื้นรอบบ้านด้วยวัสดุต่างๆ > ปรับปรุงบ้าน ปูพื้นรอบบ้าน บล็อกปูพื้น อิฐตัวหนอน ภาพ: ตัวอย่างเปรียบเทียบก่อนและหลังการปรับปรุงพื้นที่รอบบ้านด้วยบล็อกปูพื้น > อ่านเพิ่มเติม: 7 วัสดุปูพื้นที่ส่วนต่อเติมนั่งเล่นนอกบ้าน > ตกแต่งพื้นนอกบ้านด้วยบล็อกปูพื้น กระเบื้องคอนกรีต พื้นไม้เทียม คลิก\{.button .newtab} {.centered} > ออกแบบภูมิทัศน์ แต่งสวนรอบบ้าน คลิก\{.button .newtab} {.centered} > > ไอเดียอื่นๆ: ปรับปรุงบ้านจุดเล็กๆ เพิ่มความสวยงามและการใช้สอย > เช่น ตกแต่งผนังหลังทีวี เปลี่ยนหรือติดตั้งม่าน ติดฉากกั้นอาบน้ำในห้องน้ำ ติดฟิล์มกันร้อนซึ่งนอกจากช่วยกรองแสงแดดแล้ว ยังเสริมลุคประตูหน้าต่างบ้านเราให้ดูใหม่ขึ้นด้วย ส่วนเหล็กดัดที่หน้าต่างหากดูไม่สวยงามและบังทัศนียภาพอาจเป็นมุ้งลวดนิรภัยแทน เหล่านี้ล้วนเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งทำให้บ้านดูดีขึ้นพร้อมตอบโจทย์การงานในขณะเดียวกัน > รวมบริการเพื่อบ้าน แต่งผนังหลังทีวี ติดม่าน มุ้งลวด ฉากกั้นอาบน้ำ ฟิล์มกันร้อน คลิก\{.button .newtab} {.centered} > จะเห็นว่าการปรับปรุงบ้านเก่าให้ดูสวยขึ้น ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นรีโนเวทบ้านทั้งหลังหรือรื้อถอนใหญ่โตอะไรให้ยุ่งยากเสมอไป เพียงแค่เลือกทำบางส่วนบางมุม ก็สามารถสร้างบรรยากาศสวยใหม่หลีกหนีความซ้ำซากจำเจได้ ให้สมาชิกในบ้านชื่นตาชื่นใจ และยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดูดีเมื่อมีผู้มาเยือน สามารถรับแขกได้อย่างมั่นอกมั่นใจ ยิ่งถ้าเป็นเจ้าของบ้านที่รักงาน DIY ชอบลงมือทำเอง ก็จะรู้สึกสนุกท้าทายขณะลงมือปรับปรุงบ้าน และเกิดความภาคภูมิใจหลังทำสำเร็จ ในทางกลับกันหากเป็นงานปรับปรุงบ้านที่ต้องพึ่งช่าง แนะนำให้เลือกทีมช่างที่ชำนาญ มีผลงานอ้างอิงน่าเชื่อถือได้ และมีการรับประกัน เพื่อให้งานปรับปรุงบ้านเป็นไปอย่างมีมาตรฐาน เรียบร้อยสวยงาม ลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาหน้างานและปัญหาการใช้งานระยะยาว
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างเครื่องทำน้ำอุ่นและน้ำทำน้ำร้อน ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อใช้งาน >เครื่องทำน้ำอุ่นเป็นอุปกรณ์ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดีและมักจะคุ้นเคยมากกว่า.. นิยมใช้กับบ้านพักอาศัยในเขตพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น เช่น บ้านทางภาคเหนือของไทย ที่มักจะติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ใช้งานในช่วงฤดูหนาว หรือใครที่ชื่นชอบการอาบน้ำอุ่นกันอยู่แล้วก็จะขาดไอเทมนี้ไปไม่ได้เช่นกัน แต่สำหรับเครื่องทำน้ำร้อน เรามักจะได้ใช้งานเมื่อไปพักตามโรงแรมหรือรีสอร์ต ส่วนการใช้งานในบ้านพักอาศัยยังมีอยู่เป็นส่วนน้อย ทั้งนี้ การเลือกใช้งานที่แตกต่างกันมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง SCGHOME.COM จะพามาทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างเครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อนเพื่อจะได้เลือกใช้งานให้เหมาะสม เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน >ภาพ: การใช้งานฝักบัวอาบน้ำที่มาจากเครื่องทำน้ำอุ่นหรือเครื่องทำน้ำร้อน เครื่องทำน้ำอุ่น vs เครื่องทำน้ำร้อน >## เครื่องทำน้ำอุ่น\{.newtab} >## การทำงาน: >- น้ำอุณหภูมิปกติ ไหลผ่านตัวทำความร้อนในเครื่อง เช่น ขดลวดหรือหม้อต้ม และออกมาเป็นน้ำอุ่นซึ่งเราสามารถปรับอุณหภูมิน้ำได้ที่ตัวเครื่องเลย >## การใช้งาน: >- เครื่องทำน้ำอุ่น 1 ตัวใช้งานได้เพียง 1 จุดเท่านั้น เช่น ฝักบัวสำหรับอาบน้ำในห้องน้ำ >## การติดตั้ง: >- ติดตั้งง่าย สามารถติดตั้งเพิ่มได้ในภายหลังสร้างบ้าน เพียงเตรียมท่อประปาและระบบไฟฟ้าพร้อมใช้งาน >## เหมาะสำหรับ: >- บ้านพักอาศัยทั่วไปหรือต้องการใช้งานเฉพาะจุด >## ข้อดี: >- ติดตั้งง่าย ไม่ต้องเดินระบบท่อน้ำร้อน >- ค่าใช้จ่ายโดยรวมย่อมเยากว่าเครื่องทำน้ำร้อน >## ข้อจำกัด: >- ใช้งานได้ 1 เครื่องต่อ 1 จุดเท่านั้น >- หากต้องการเลือกใช้คู่กับชุดฝักบัวเรนชาวเวอร์ (Rain Shower) ต้องเลือกกำลังวัตต์ตั้งแต่ 4500W ขึ้นไป >- สำหรับการใช้งานในห้องน้ำ ตัวเครื่องจะติดตั้งคู่กับชุดฝักบัวเพื่อให้ใช้งานง่าย จึงควรเลือกรูปแบบและสีสันที่เข้ากับสไตล์การแต่งห้องน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน >ภาพ: เครื่องทำน้ำอุ่นสามารถปรับอุณหภูมิที่ต้องการได้ที่ตัวเครื่องเลย เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน >ภาพ: ห้องน้ำที่ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น >สนใจ เครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องน้ำร้อน คลิก\{.button .newtab} {.centered} >## เครื่องทำน้ำร้อน\{.newtab} >## การทำงาน: >- น้ำอุณหภูมิปกติผ่านเข้าหม้อต้มหรือขดลวดในเครื่อง ออกมาเป็นน้ำร้อนผ่านท่อน้ำร้อนแล้วมาผสมกับน้ำเย็นที่เดินไว้อีกท่อนึง ซึ่งเราสามารถควบคุมอุณหภูมิที่ต้องการได้ที่ก๊อกผสมตอนเปิดใช้น้ำ >- ความร้อนของน้ำจะเร็ว/ช้า หรือร้อนน้อย/ร้อนมาก ขึ้นอยู่กับจำนวนก๊อกที่เปิดใช้งานและระยะทางจากเครื่องไปยังก๊อกต่าง ๆ ดังนั้นจึงควรเลือกกำลังวัตต์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน >## การใช้งาน: >- เครื่องทำน้ำร้อน 1 เครื่องสามารถใช้งานได้หลายจุดพร้อมกัน เช่น ฝักบัว อ่างล้างมือ และอ่างล้างจาน >## การติดตั้ง: >- ต้องวางแผนและเตรียมระบบท่อน้ำร้อน น้ำเย็น และก๊อกผสมตั้งแต่ช่วงก่อสร้างรวมถึงเลือกก๊อกแบบผสมไว้แต่แรกเพื่อติดตั้งก่อนปูกระเบื้องหรือปิดผิว >## เหมาะสำหรับ: >- บ้านพักอาศัยทั่วไปที่มีความต้องการใช้น้ำร้อนหลายจุด โดยเฉพาะหากมีอ่างอาบน้ำ หรือล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ทำครัว >- โรงแรมและรีสอร์ต ซึ่งต้องการจ่ายน้ำร้อนให้กับห้องพักหลายห้องพร้อมกัน >- ร้านอาหาร หรือ ร้านกาแฟ ที่ต้องการใช้น้ำร้อนสำหรับประกอบอาหารหรือล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ >## ข้อดี: >- ใช้น้ำร้อนได้หลายจุดพร้อมกัน >- เหมาะสำหรับบ้านหรือกลุ่มธุรกิจที่ต้องการความสะดวกสบายสูง >- เครื่องทำน้ำร้อนสามารถซ่อนไว้ในจุดลับตาคนได้ เช่น ใต้ฝ้าเพดานหรือใต้อ่างล้างหน้า/อ่างล้างจาน >## ข้อจำกัด: >- การติดตั้งซับซ้อนกว่าจึงต้องตัดสินใจเลือกใช้ก่อนลงมือสร้างบ้าน >- น้ำอาจร้อนช้าลงหรืออุณหภูมิไม่คงที่หากใช้งานหลายจุดพร้อมกัน >- มีค่าใช้จ่ายโดยรวมสูงกว่า เพราะต้องเดินท่อน้ำร้อนเพิ่มเติม และเลือกใช้ก๊อกผสมซึ่งมักมีราคาสูงกว่า เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน >ภาพ: ห้องน้ำที่ติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อน เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน >ภาพ: โรงแรมที่ต้องการจ่ายน้ำร้อนให้กับห้องพักหลายห้องพร้อมกัน >สนใจ เครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อน คลิก\{.button .newtab} {.centered} >สรุปเครื่องทำน้ำอุ่นและน้ำร้อนที่กล่าวไปข้างต้นมีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของการทำงาน การใช้งาน การติดตั้ง ข้อดีและข้อควรคำนึง ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจซื้อควรเลือกตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานเป็นหลัก หรือหากเลือกเพราะความสวยงามหรือความสะดวกสบายก็จำเป็นต้องทราบข้อมูลในเรื่องข้อควรคำนึงก่อนเป็นอันดับแรก ที่สำคัญคือการเตรียมระบบไฟฟ้าให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นการเดินสายไฟ การแยกเบรกเกอร์ต่างหาก หรือสายดิน ควรติดตั้งอย่างถูกวิธีตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน >สนใจ เครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อน คลิก\{.button .newtab} {.centered}
การสร้างบ้านที่จะทำให้เราสามารถอาศัยอยู่ได้อย่างสบายกายสบายใจ และยังมั่นใจว่าเราได้หายใจเอาอากาศที่มีคุณภาพเข้าเต็มปอดนั้น สามารถทำได้ตั้งเริ่มต้นออกแบบบ้านโดยอาศัย 3 แนวทางที่เรานำเสนอ ซึ่งยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย >เพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อน ที่มีอากาศร้อนและร้อนมากตลอดเกือบทั้งปี การสร้างบ้านให้เราสามารถอาศัยอยู่ได้อย่างสบายนั้น นอกจากจะเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์เราแล้ว อากาศภายในบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าเราจะมองไม่เห็น แต่เราก็สามารถสัมผัสได้ว่าเราสบายตัวหรือเปล่า ซึ่ง “สภาวะน่าสบาย” หรือเรียกง่ายๆ ว่า ความรู้สึกสบายตัว ไม่ร้อน ไม่เหนียวเหนอะหนะนั้น จะประกอบไปด้วย อุณหภูมิ ความชื้น และแรงลมที่มากระทบอย่างเหมาะสม ทั้งยังรวมถึงเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ และกิจกรรมที่เรากำลังทำอีกด้วย ซึ่งเราสามารถทำได้ง่ายๆ ให้เราอาศัยอยู่ในบ้านได้อย่างรู้สึกสบายตัว ดังนี้ >## 1. ป้องกันความร้อนก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน >ส่วนมากความร้อนจะผ่านเข้ามาทางหลังคา ฝ้าเพดาน และผนังบ้าน โดยจะผ่านเข้ามาทางหลังคามากที่สุด เราเองก็สามารถเตรียมรับมือกับความร้อนจากส่วนหลังคาได้ ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อน เอสซีจี ที่เลือกได้ว่าจะติดตั้งบนแปหรือใต้แปบริเวณโครงหลังคา การติดตั้งฉนวนกันความร้อน เอสซีจี รุ่น STAY COOL บริเวณเหนือฝ้าเพดาน รวมถึงการทำช่องระบายความร้อนภายในโถงหลังคาให้ออกสู่ภายนอกบ้านได้ เช่น การทำช่องระบายอากาศทางหน้าบัน การใช้ฝ้าสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี รุ่นระบายอากาศ การทำระแนงระบายอากาศ หรือการทำหลังคาสองชั้นเพื่อให้ความร้อนระบายออก เป็นต้น >ในส่วนผนัง เราสามารถเลือกวัสดุผนังที่สะสมความร้อนต่ำ เช่น อิฐมวลเบา Q-CON ทาสีผนังนอกบ้านด้วยสีโทนอ่อนหรือโทนสว่าง เช่น สีขาว สีครีม สีพาสเทล หรือจะเลือกประเภทสีที่สะท้อนความร้อนได้ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกติดตั้งผนังเบาพร้อมฉนวนกันความร้อนเพิ่มที่ผนังฝั่งที่โดนแดดจัด เพื่อลดความร้อนที่จะผ่านเข้ามาทางผนังลงได้ แผ่นสะท้อนความร้อนและฉนวนใยแก้วเอสซีจีรุ่นSTAYCOOL >ภาพ: แผ่นสะท้อนความร้อน เอสซีจี และฉนวนใยแก้วกันความร้อน เอสซีจี รุ่น STAY COOL สนใจ บริการติดตั้งฉนวนกันความร้อน STAY COOL คลิก\{.button .newtab} {.centered} ช่องระบายความร้อนบริเวณหลังคา >ภาพ: การทำช่องระบายความร้อนบริเวณหลังคา เป็นการช่วยลดความร้อนด้วยกลไกทางธรรมชาติ ฝ้าชายคาระบายอากาศ >ภาพ: ตัวอย่างการเลือกใช้ฝ้าชายคาแบบที่ช่วยระบายอากาศ สนใจ ฝ้าภายนอกแบบเรียบ และระบายอากาศ พร้อมบริการติดตั้ง คลิก\{.button .newtab} {.centered} การลดความร้อนที่ผนัง >ภาพ: การลดความร้อนที่ผนัง โดยการเลือกใช้วัสดุที่สะสมความร้อนต่ำ เลือกสีทาผนังด้านนอกด้วยสีโทนอ่อนหรือสีสะท้อนความร้อน รวมถึงการติดตั้งฉนวนเพิ่มเติม >## 2. ทำให้มีการระบายถ่ายเทอากาศภายในบ้านที่ดี >การระบายอากาศมีส่วนช่วยให้เรารู้สึกสบายตัวขึ้น ไม่อับชื้น สำหรับบ้านที่มีหน้าต่างอยู่แล้ว อากาศจะไหลเวียนถ่ายเทได้ดี ส่วนเวลาที่จำเป็นต้องปิดหน้าต่างหรือในกรณีที่บ้านเรามีหน้าต่างน้อยซึ่งอากาศจะไหลเวียนได้ไม่ดีเท่าไรนัก อาจทำให้เรารู้สึกร้อนอบอ้าวและตัวเหนียวเหนอะหนะ วิธีหนึ่งที่จะช่วยถ่ายเทอากาศและระบายความร้อนในบ้านคือ การเลือกติดตั้งระบบที่ช่วยให้เกิดการระบายอากาศในบ้าน อย่างเช่น Active AIRflow™ System ซึ่งเป็นนวัตกรรมการถ่ายเทอากาศและระบายความร้อนออกจากตัวบ้านและโถงหลังคา โดยใช้กลไกเร่งการระบายอากาศและความร้อนออกจากตัวบ้านได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บ้านมีอากาศถ่ายเทตลอดเวลาแม้ว่าจะปิดบ้านไว้ทั้งวัน นอกจากจะช่วยให้บ้านไม่ร้อนอบอ้าวหรืออับชื้นแล้ว ยังช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคและอากาศเสียภายใน เมื่อเปิดแอร์ก็จะช่วยให้ห้องเย็นได้เร็วขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ เรายังสามารถติดตั้งเครื่องฟอกอากาศเพื่อคุณภาพอากาศภายในบ้านที่ดีต่อสุขภาพเราอีกด้วย การระบายความร้อนออกจากตัวบ้านActiveAIRflow™System >ภาพ: ตัวอย่างทิศทางการหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน และการระบายความร้อนออกจากตัวบ้านของ Active AIRflow™ System สนใจ ระบบระบายอากาศ Active Airflow System คลิก\{.button .newtab} {.centered} >## 3. จัดให้มีพื้นที่สีเขียวรายรอบบ้าน >พื้นที่สีเขียว นอกจากจะให้ความสดชื่นร่มรื่นแล้ว ยังช่วยลดความร้อนรอบๆ บ้านได้อีกด้วย พื้นที่สีเขียวจึงมีส่วนช่วยให้บ้านเย็นขึ้นได้ สำหรับบ้านที่มีพื้นที่น้อยก็สามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้เช่นการทำส่วนแนวตั้ง ซึ่งสามารถเลือกใช้เป็นสวนแนวตั้ง เอสซีจี รุ่น Modular Green Hive ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งดูแลรักษาง่าย เหมาะกับชีวิตคนเมือง ต้นไม้ใหญ่ช่วยสร้างร่มเงาให้บ้าน >ภาพ: พื้นที่สีเขียวรอบๆ บ้าน และต้นไม้ใหญ่ สร้างบรรยากาศที่สดชื่น ร่มรื่น และให้ร่มเงากับบ้าน สวนแนวตั้ง >ภาพ: สวนแนวตั้ง ใช้พื้นที่น้อยและดูแลรักษาง่าย สามารถเลือกพรรณไม้ที่ชอบมาจัดแต่งผสมผสานให้มีหลากสีสันได้ตามต้องการ >การสร้างบ้านให้อยู่สบายนี้ นอกจากจะช่วยให้เราสบายตัวขณะอยู่อาศัยในบ้านแล้ว ยังช่วยลดการใช้พลังงานได้อีกทางหนึ่งด้วย