การทำความสะอาดโซฟาอย่างถูกวิธีและปลอดภัย ต้องเลือกวิธีการที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับ “ประเภทวัสดุ” ของโซฟาเป็นหลัก . โซฟาเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกใช้งานอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งพักผ่อน รับแขก หรือใช้เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมภายในบ้าน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดคราบสกปรก ฝุ่นสะสม และกลิ่นอับ การทำความสะอาดโซฟาอย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยให้โซฟาดูสะอาดน่าใช้งาน แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากการใช้น้ำยาหรือวิธีที่ไม่เหมาะสม หัวใจสำคัญของการทำความสะอาดโซฟาอย่างปลอดภัย คือ “การรู้จักวัสดุของโซฟาก่อนลงมือ” . . 1) ตรวจสอบวัสดุของโซฟาให้ชัดเจน ก่อนเริ่มทำความสะอาด ควรตรวจสอบก่อนว่าโซฟาของคุณทำจากวัสดุประเภทใด โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ ๐ โซฟาผ้า: ดูดซับน้ำได้ดี แต่ไวต่อคราบและความชื้น ๐ โซฟาหนังแท้: มีความทนทาน แต่ต้องการการดูแลที่อ่อนโยน ๐ โซฟาหนังเทียม: ทำความสะอาดง่ายกว่า แต่ไม่ทนต่อสารเคมีรุนแรง . หากมีป้ายกำกับจากผู้ผลิต (Care Label) ควรอ่านคำแนะนำอย่างละเอียด เพราะจะระบุวิธีทำความสะอาดที่เหมาะสมกับวัสดุนั้นโดยเฉพาะ ดังนี้ W (Water): ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบได้ S (Solvent): ต้องใช้สารทำความสะอาดที่ไม่มีน้ำ (Dry Cleaning Solvent) เท่านั้น W/S: ใช้ได้ทั้งแบบน้ำและแบบสารทำความสะอาด X: ต้องดูดฝุ่นเท่านั้น ห้ามใช้น้ำหรือสารเคมีใดๆ . . 2) กำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกแห้งก่อนเสมอ ไม่ว่าโซฟาจะเป็นวัสดุชนิดใด ขั้นตอนแรกที่ควรทำคือการกำจัดฝุ่น เศษผง และสิ่งสกปรกแห้งออกก่อน ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดทั่วพื้นที่โดยเฉพาะตามซอกมุมโซฟา การข้ามขั้นตอนนี้อาจทำให้ฝุ่นผงกลายเป็นคราบฝังแน่นเมื่อโดนน้ำ ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดทั่วพื้นที่โดยเฉพาะตามซอกมุมโซฟา ภาพ: ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดทั่วพื้นที่โดยเฉพาะตามซอกมุมโซฟา . . 3) เลือกวิธีทำความสะอาดให้เหมาะกับวัสดุ เมื่อทราบชนิดของวัสดุแล้ว ควรเลือกวิธีและน้ำยาทำความสะอาดให้สอดคล้องกัน . ๐ โซฟาผ้า (Fabric Sofas) หากโซฟามีรหัส W หรือ W/S สามารถใช้วิธีทำความสะอาดแบบเปียกได้ แต่หากเป็นรหัส S หรือ X ให้เน้นการทำความสะอาดแบบแห้งเท่านั้น ทำความสะอาดแบบแห้ง: เหมาะสำหรับผ้าที่ไวต่อความชื้น เช่น ผ้าไหม หรือผ้ากำมะหยี่ โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นร่วมกับน้ำยาทำความสะอาดแบบผง (Powder Cleaner) หรือใช้สารทำความสะอาดเฉพาะทาง (Solvent-based Cleaner) ทาลงบนผ้าสะอาดแล้วเช็ดออก ทำความสะอาดทั่วไป: ใช้น้ำยาสูตรอ่อนหรือน้ำผสมน้ำสบู่อ่อนๆ ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำบิดหมาด เช็ด และหลีกเลี่ยงการทำให้ผ้าเปียกชุ่ม หรืออาจใช้เครื่องทำความสะอาดโซฟาโดยเฉพาะอย่าง Hoover Clean slate Pro Max จัดการคราบเฉพาะจุด: สำหรับคราบหนัก เช่น คราบราดำ ให้ผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อยกับน้ำเปล่า (อัตราส่วน 1:1) ใส่ในขวดสเปรย์ พ่น และใช้แปรงสีฟันขัดเบาๆ จากนั้นเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำสะอาดบิดหมาด เคล็ดลับ: การใช้น้ำยาทำความสะอาดเอนไซม์ (Enzyme Cleaners) กำลังเป็นที่นิยมในการกำจัดคราบอินทรีย์และกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นสัตว์เลี้ยง กลิ่นอับ เนื่องจากปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายสารอินทรีย์ ไม่เหมาะกับคราบหมึก สี หรือคราบสารเคมี ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดโซฟาผ้าไหม ภาพ: ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดโซฟาผ้าไหม น้ำยาทำความสะอาดเอนไซม์ Enzyme Cleaners ภาพ: ใช้น้ำยาทำความสะอาดเอนไซม์ (Enzyme Cleaners) ขัดช่วยกำจัดกลิ่นสัตว์เลี้ยงและกลิ่นอับ . ๐ โซฟาหนัง (Leather Sofas) เป็นวัสดุจากธรรมชาติ มีรูพรุน สามารถดูดซึมความชื้นและน้ำมันได้ หากโดนน้ำหรือน้ำยามากเกินไป หนังอาจแห้ง แข็ง หรือแตกลายได้ การทำความสะอาดโซฟาหนังจึงต้องใช้ความอ่อนโยนเป็นพิเศษ ทำความสะอาดทั่วไป: ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำสะอาดบิดหมาดเช็ดทำความสะอาดตามแนวของหนัง (ระวังชื้นหรือน้ำค้างบนพื้นผิวหนัง) หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับหนังแท้โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงน้ำยาที่มีแอลกอฮอล์ แอมโมเนีย หรือสารกัดกร่อน บำรุงรักษา: หลังทำความสะอาด ควรใช้ครีมบำรุงหนัง (Leather Conditioner) เพื่อให้หนังมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่น ป้องกันการแตกร้าว น้ำยาทำความสะอาดสำหรับหนังแท้ ภาพ: ใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับหนังแท้โดยเฉพาะขัดและใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ด . ๐ โซฟาหนังเทียม (PU Sofas) เป็นวัสดุสังเคราะห์ ผิวเรียบ ไม่มีรูพรุน ดูดซึมน้ำน้อย ทำให้ทำความสะอาดง่ายกว่าหนังแท้ ทำความสะอาดทั่วไป: สามารถใช้น้ำสบู่อ่อนๆ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไปที่ไม่รุนแรงได้ แต่ไม่ควรใช้น้ำยาที่มีแอลกอฮอล์หรือสารกัดกร่อน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไป ภาพ: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไปที่ไม่มีแอลกอฮอล์หรือสารกัดกร่อนทำความสะอาดโซฟาหนังเทียม . . 4) ทดสอบน้ำยากับจุดเล็กๆ ก่อนใช้งานจริง เพื่อความปลอดภัย ควรทดสอบน้ำยาหรือวิธีทำความสะอาดกับบริเวณที่มองไม่เห็น เช่น ด้านหลังหรือใต้เบาะก่อน หากไม่เกิดการเปลี่ยนสีหรือผิววัสดุเสียหาย จึงค่อยทำความสะอาดบริเวณอื่น . สนใจ น้ำยาทำความสะอาดโซฟา คลิก\ . . 5) เช็ดซ้ำและปล่อยให้แห้งอย่างเหมาะสม หลังทำความสะอาด ควรใช้ผ้าแห้งสะอาดเช็ดซ้ำเพื่อดูดความชื้นส่วนเกิน และเปิดหน้าต่างหรือใช้พัดลมช่วยระบายอากาศ หลีกเลี่ยงการตากแดดจัดโดยตรง เพราะอาจทำให้วัสดุซีดหรือแข็งกระด้าง . . เมื่อไหร่ควรจ้างมืออาชีพ… หากโซฟาเริ่มมีคราบฝังลึก กลิ่นอับ เป็นวัสดุที่ดูแลยาก (โซฟาหนังกลับ ผ้าที่ละเอียดอ่อน) หรือมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ การเลือกใช้บริการทำความสะอาดโซฟาจากผู้เชี่ยวชาญถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและปลอดภัย ช่วยรักษาคุณภาพโซฟาและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับบ้านในระยะยาว text ภาพ: หากโซฟาใช้มานานมีคราบฝังลึกควรใช้บริการทำความสะอาดโซฟาจากผู้เชี่ยวชาญ . สนใจ บริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคโซฟา คลิก\ . การทำความสะอาดโซฟาไม่จำเป็นต้องรอให้สกปรกมาก การดูดฝุ่นเป็นประจำและเช็ดทำความสะอาดเบาๆ จะช่วยลดการสะสมของคราบและยืดอายุการใช้งานของโซฟาได้ในระยะยาว การเลือกวิธีทำความสะอาดรวมถึงน้ำยาที่เหมาะสมกับวัสดุช่วยให้โซฟาสวยงามปลอดภัยและอยู่คู่บ้านไปได้อีกยาวนาน . . SCGHOME.COM มีบริการทำความสะอาด ดูดไรฝุ่น และพ่นฆ่าเชื้อ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและจองสำรวจได้ ที่นี่\ . . อ่านเพิ่มเติม: 4 วิธีป้องกันและฆ่าเชื้อในบ้าน ให้สบายใจห่างไกลเชื้อโรค\ . อ่านเพิ่มเติม: Checklist: งานดูแลรักษาบ้านประจำปี มีอะไรบ้าง? ครบจบทุกส่วน บ้านใหม่น่าอยู่\
แนะนำแนวทางการปรับปรุงบ้านให้เป็นพื้นที่สำหรับเล่นพิลาทิสหรือเป็นสตูดิโอสอนพิลาทิส . สำหรับเจ้าของบ้านที่กำลังฝันอยากเปลี่ยนพื้นที่ในบ้านให้กลายเป็น “สตูดิโอพิลาทิส” แบบเล็กๆ เพื่อใช้งานเองหรือเปิดคลาสสอน การเริ่มต้นอาจดูยาก แต่ถ้าวางแผนเป็นขั้นตอนก็สามารถเปลี่ยนบ้านหลังเดิมให้เป็นสตูดิโอที่ทั้งสวย ใช้งานได้จริง และมีบรรยากาศชวนฝึกได้ไม่ยากเลย . . 1. ลักษณะของสตูดิโอพิลาทิส พิจารณาพื้นที่ภายในบ้านที่สามารถดัดแปลงได้ เช่น ห้องอเนกประสงค์ ห้องนั่งเล่นเก่า หรือโซนต่อเติมหลังบ้าน ๐ ขนาดพื้นที่: ให้คำนึงถึงอุปกรณ์หรือเครื่องเล่นพิลาทิสที่มี เพื่อเตรียมพื้นที่หรือจัดวางได้อย่างเหมาะสม สำหรับพิลาทิสแบบรวมอุปกรณ์ เช่น Reformer ควรมีพื้นที่ราว 12–20 ตร.ม. ขึ้นไป ๐ แสงธรรมชาติ: เป็นพื้นที่ที่แสงธรรมชาติเข้าถึง มีช่องเปิด (ประตูหรือหน้าต่าง) ที่มองเห็นภายนอก จะช่วยให้ห้องโปร่งและดูมีพลัง ๐ เพดานสูงโปร่ง: พิลาทิสต้องใช้การเหยียด ช่วงจังหวะการยืดตัว จึงควรมีเพดานอย่างน้อย 2.4 เมตรเพื่อให้เคลื่อนไหวได้อย่างสบาย เลือกพื้นที่ในบ้านที่มีขนาดเหมาะสม ภาพ: เลือกพื้นที่ในบ้านที่มีขนาดเหมาะสม แสงธรรมชาติเข้าถึง ฝ้าเพดานสูงพอให้ยืดเหยียดตัวบนเครื่องพิลาทิสได้ . . 2. เลือกตำแหน่งสตูดิโอพิลาทิสที่เหมาะสม ตำแหน่งพื้นที่เล่นพิลาทิสควรเป็นห้องที่แยกออกจากกิจกรรมอื่นในบ้าน เพราะการเล่นพิลาทิสต้องใช้สมาธิโฟกัสกับอุปกรณ์เครื่องเล่นและตัวเอง และเพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกเป็นส่วนตัว ๐ ห้องชั้นล่าง: เข้าถึงได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้มาเรียนหลายคน ๐ ห้องชั้นบน: เหมาะสำหรับการฝึกพิลาทิสแบบส่วนตัว แต่ต้องคำนึงถึงเสียงอุปกรณ์กระแทกพื้นและความแข็งแรงของพื้น รวมถึงกรณีอุปกรณ์เครื่องเล่นชำรุดจำเป็นต้องขนย้าย ๐ โซนต่อเติมด้านหน้า/หลังบ้าน: พื้นที่ต่อเติมใหม่สามารถทำได้ตามต้องการ เช่น เป็นห้องกระจกเปิดรับแสงธรรมชาติ บรรยากาศเหมือนสตูดิโอจริง . . 3. ออกแบบบรรยากาศให้เอื้อต่อการเล่นพิลาทิส สตูดิโอพิลาทิสต้องให้ความรู้สึกสงบ และช่วยสร้างสมาธิ สิ่งสำคัญในการออกแบบที่ต้องคำนึงถึงคือ ๐ โทนสี: การใช้โทนสีสว่างแต่สบายตา เช่น โทนสีครีม ขาวนวล เทาอ่อน หรือแนวสีเอิร์ธโทนที่ไม่มืดหรือเข้มจนเกินไปก็ให้ความรู้สึกสงบ ๐ แสงสว่าง: เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะห้องต้องสว่างเพื่อการมองเห็นแต่ไม่รบกวนสายตา โดยเฉพาะในขณะเล่นอุปกรณ์เครื่องเล่นที่มีการโหน/ห้อยหัว แสงไฟต้องไม่แยงตาที่อาจส่งผลให้เกิดอันตรายได้ในขณะเล่น ดังนั้นจะเห็นว่าพื้นที่การฝึกพิลาทิสจึงมักมีหน้าต่างกระจกเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้าถึง ส่วนแสงไฟออกแบบซ่อนไฟหรือเป็น Down Light ที่หน้าโคมเป็นกระจกฝ้าซ่อนแสง และควรเลือกใช้แสง Soft Light ที่ให้แสงอบอุ่นนุ่มนวล ๐ กระจกเงาเต็มผนัง: จำเป็นต้องมีเพราะช่วยให้ผู้ฝึก/เรียนพิลาทิสสามารถมองเห็นตนเองได้เพื่อจัดท่าทางให้ถูกต้องสวยงาม นอกจากนั้นกระจกเงาเต็มผนังจะช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น ๐ แต่งน้อยแต่ดูดี: อาจตกแต่งด้วยต้นไม้ฟอกอากาศ ของตกแต่งไม้ หรือผ้าม่านกรองแสงฟีลเรียบง่าย ตัวอย่างสตูดิโอพิลาทิสในบ้าน ภาพ: ตัวอย่างสตูดิโอพิลาทิสในบ้าน เลือกใช้โทนสีสว่าง แสงธรรมชาติเข้าถึง โปร่งสบายตา ตกแต่งต้นไม้เล็กน้อย . . 4. ปรับพื้นให้รองรับการเคลื่อนไหว พื้นเป็นส่วนที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะพิลาทิสเกี่ยวข้องกับแรงกด การลงน้ำหนัก และการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ประเภทพื้นที่เหมาะสม ได้แก่ พื้นลามิเนต พื้นไม้ SPC พื้นไวนิล พื้นลดแรงกระแทก ส่วนโซนที่วางเครื่องเล่นพิลาทิสอย่าง Reformer และ Cadillac อาจเลือกใช้พื้นยางหรือใช้แผ่นรองปูพื้นสำหรับวางอุปกรณ์หรือเครื่องเล่นเพื่อช่วยลดแรงกระแทกของอุปกรณ์ออกกำลังกาย ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงพื้นกระเบื้องเพราะแข็ง ลื่น และเย็นเท้า การใช้แผ่นรองปูพื้น ภาพ: การใช้แผ่นรองปูพื้นสำหรับวางอุปกรณ์หรือเครื่องเล่นเพื่อช่วยลดแรงกระแทก . สนใจ พื้นลามิเนต พื้นไม้SPC พื้นไวนิล คลิก\ . สนใจ พื้นยาง/ แผ่นรองปูพื้น คลิก\ . . 5. เตรียมพื้นที่และจัดวางเครื่องพิลาทิสอย่างเป็นระบบ สำหรับการฝึกหรือการเล่นพิลาทิสนั้นมีอุปกรณ์ให้เลือกใช้หลายอย่าง ตั้งแต่ขนาดเล็กอย่างยางยืดหรือบอลฝึกจนถึงขนาดใหญ่อย่างเครื่อง Reformer หรือ Cadillac ซึ่งควรจัดวางในระยะที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้เรียนสามารถขึ้น–ลงเครื่องได้สะดวกและมีพื้นที่รอบด้านให้ครูเดินตรวจท่าได้ ทั้งนี้ พื้นที่โดยรอบเครื่องพิลาทิสควรมีอย่างน้อย 60 ซม. ระยะห่างระหว่างเครื่องอย่างน้อย 1.20 ม. ยกตัวอย่างเครื่องพิลาทิสมีดังนี้ ๐ Reformer: เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ฝึกสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำ ช่วยสร้างความแข็งแรง เพิ่มความยืดหยุ่น และส่งเสริมการจัดระเบียบร่างกายที่เหมาะสม ขนาดโดยประมาณ กว้าง 70 ซม. ยาว 240 ซม. สูง 70 ซม. Pilates Reformer ภาพ: ตัวอย่างเครื่องพิลาทิส Pilates Reformer . ๐ Cadillac: หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า Pilates Trapeze Table เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ฝึกความยืดหยุ่น สร้างความแข็งแรง และการทรงตัว ขนาดโดยประมาณ กว้าง 75 ซม. ยาว 230 ซม. สูง 200 ซม. Pilates Cadillac ภาพ: ตัวอย่างเครื่องพิลาทิส Pilates Cadillac . ๐ Wunda Chair: เก้าอี้วุนด้า เป็นอุปกรณ์ที่เน้นการสร้างความแข็งแรงของแกนกลางลำตัว ความสมดุล และการควบคุมการเคลื่อนไหว ฝึกได้ทั้งท่านั่ง ยืน ดัน กด ยืดเหยียด และพลิกแพลงได้หลายรูปแบบ ขนาดโดยประมาณ กว้าง 50 ซม. ยาว 70 ซม. สูง 110 ซม. Wunda Chair ภาพ: ตัวอย่างเครื่องพิลาทิส Wunda Chair . ๐ Ladder Barrel: เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการฝึกท่าที่ท้าทายความแข็งแรง ยืดหยุ่น และความสมดุลของร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลัง หรือผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ขนาดโดยประมาณ กว้าง 65 ซม. ยาว 120 ซม. สูง 100 ซม. Ladder Barrel ภาพ: ตัวอย่างเครื่องพิลาทิส Ladder Barrel . ๐ อุปกรณ์อื่นๆ เช่น เสื่อยางพิลาทิสสำหรับปูรองนอนยืดเหยียด ยางยืดสำหรับดึงต้านแรง วงแหวน บอลฝึก ฯลฯ เสื่อยางพิลาทิส และบอลฝึก ภาพ: เสื่อยางพิลาทิส และบอลฝึก . สนใจ อุปกรณ์เครื่องเล่นพิลาทิส คลิก\ . . 6. สตูดิโอพิลาทิสควรมีระบบอากาศที่ดีและสะอาด สำหรับพื้นที่การฝึก/เล่นพิลาทิสควรมีการระบายอากาศที่ดี ไม่ควรอับ หรือมีกลิ่นที่รู้สึกว่าไม่สะอาด ควรมีช่องเปิดหรือหน้าต่างเพื่อสามารถถ่ายเทอากาศได้ดี อาจมีพัดลมเพดานเพื่อเปิดช่วยหมุนเวียนอากาศ ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศหรือเครื่องเติมอากาศเพื่อควบคุมฝุ่น กลิ่น และเชื้อโรค ที่สำคัญควรทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องเล่นหลังคลาสเรียนทุกครั้ง อาจเพิ่มชั้นวางน้ำยาฆ่าเชื้อไว้ในห้องแบบเป็นระเบียบ . สนใจ เครื่องฟอกอากาศ/เครื่องเติมอากาศ คลิก\ . สนใจ พัดลมเพดาน คลิก\ . . 7. สตูดิโอพิลาทิสควรเก็บเสียงและเป็นส่วนตัว เพราะพิลาทิสคือการโฟกัสอารมณ์และร่างกาย การมีพื้นที่เงียบและเป็นส่วนตัวจึงสำคัญ ดังนั้นพื้นที่ควรเป็นสัดส่วนอาจกั้นด้วยบานเลื่อนกระจกหรือกั้นห้องโปร่ง การเลือกใช้วัสดุซับเสียงหรือช่วยลดเสียงสะท้อนในห้อง เช่น ฝ้าเพดานดูดซับเสียง แผ่นอะคูสติกตกแต่งผนังดูดซับเสียง ฝ้าเพดานเลือกใช้แผ่นยิปซัมเอคโค่บล็อค ตราช้าง ภาพ: ฝ้าเพดานเลือกใช้แผ่นยิปซัมเอคโค่บล็อค ตราช้าง (ลดเสียงสะท้อน) Cylence Zandera ภาพ: ติดตั้งวัสดุอะคูสติก เอสซีจี รุ่น Cylence Zandera (แผ่นซับเสียง ลดเสียงก้อง) ที่ผนังห้อง . . 8. ฟังก์ชันเสริมที่ช่วยเพิ่มความเป็นสตูดิโอพิลาทิส แม้จะอยู่ในบ้าน แต่เมื่อเพิ่มรายละเอียดการตกแต่งหรือพื้นที่ใช้งานเล็กน้อยก็ทำให้ดูเป็นมืออาชีพขึ้นได้ เช่น มุมต้อนรับเล็กๆ มุมถ่ายรูปหลังคลาส (ช่วยโปรโมตได้ด้วย) ที่นั่งพักก่อนเข้าเรียน กระดานตารางเวลาหรือแผนผังคลาสแบบมินิมอลเก๋ๆ กั้นพื้นที่หน้าห้องเรียนพิลาทิสเป็นมุมต้อนรับ ภาพ: กั้นพื้นที่หน้าห้องเรียนพิลาทิสเป็นมุมต้อนรับหรือที่นั่งพักคอย การตกแต่งเล็กน้อย อย่างแจกันใบใหญ่ เก้าอี้นั่งเก๋ๆ ภาพ: การตกแต่งเล็กน้อย อย่างแจกันใบใหญ่ เก้าอี้นั่งเก๋ๆ ก็ทำให้ภายในห้องสวยน่าใช้ ชั้นวางของแบบโปร่ง ภาพ: ชั้นวางของแบบโปร่งมี่ช่วยจัดระเบียบและหยิบใช้งานง่าย . . ลองนึกภาพพื้นที่ในบ้านที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสตูดิโอพิลาทิส บรรยากาศอบอุ่นด้วยแสงธรรมชาติและโทนไม้ที่มองแล้วรู้สึกผ่อนคลายทันทีที่ก้าวเข้าไป เลือกอุปกรณ์ที่พอดีกับพื้นที่ ทำให้มุมออกกำลังกายดูสวยและเป็นระเบียบ บานกระจกขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ปรับท่าทางได้แม่นยำ พร้อมเพิ่มความโปร่งสบายให้ห้องดูใหญ่ขึ้น ตกแต่งต้นไม้เล็กๆ แสงไฟละมุน เพียงเท่านี้ก็ได้สตูดิโอพิลาทิสที่ทั้งสวย ตอบโจทย์การใช้งาน และชวนให้อยากเล่นทุกวัน จะเป็นสตูดิโอส่วนตัวหรือใช้สำหรับสอนก็ลงตัวดูเป็นมืออาชีพแล้ว . SCGHOME.COM มีบริการให้คำปรึกษาเรื่องบ้านที่หน้างาน ออกแบบบ้าน ก่อสร้าง รีโนเวท ต่อเติม ปรับปรุงสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและจองสำรวจได้ ที่นี่\ . . อ่านเพิ่มเติม: 10 ประโยชน์รู้งี้… ฝึกพิลาทิสตั้งนานแล้ว\ . อ่านเพิ่มเติม: 6 วิธีเคลียร์ใจ คลายกล้ามเนื้อ หลีกหนีออฟฟิศซินโดรม\
เล่าถึงมุ้งลวดนิรภัยทั้งในแง่ของคุณสมบัติ ความแข็งแรงของวัสดุ การใช้งานและประโยชน์ต่างๆ ที่เจ้าของบ้านควรรู้ มุ้งลวดนิรภัยเป็นอุปกรณ์กันแมลงที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้านไปในตัว ทนต่ออุปกรณ์ทั่วไปของผู้บุกรุก กรีดไม่ขาด เจาะไม่ทะลุ งัดทำลายให้หลุดได้ยากมาก โดยเฉพาะบ้านที่ไม่อยากติดเหล็กดัด แต่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากการงัดแงะ โจรกรรม มาถึงตรงนี้เจ้าของบ้านคงเริ่มสงสัยแล้วว่า.... มุ้งลวดนิรภัยทำจากอะไร ทำไมจึงกรีดไม่ขาด ผืนมุ้งลวดนิรภัยโดยทั่วไปผลิตจากวัสดุสเตนเลสเกรด 304 ซึ่งทนต่อแรงกระแทก ทนแรงกรีดจากมีด คัตเตอร์ รวมถึงการแทงของชะแลงและไขควงได้ ทั้งยังทนต่อทุกสภาพอากาศ ไม่เป็นสนิม นอกจากนี้มุ้งลวดนิรภัยคุณภาพสูงบางรุ่นยังมีการเคลือบสารที่ช่วยดูดซับความร้อนจากแสงแดดที่ส่องผ่านประตูหน้าต่าง จึงมีส่วนช่วยให้บ้านเย็น ประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น Single Image วัสดุมุ้งลวดนิรภัยสเตนเลส ภาพ: ตัวอย่างวัสดุมุ้งลวดนิรภัย มุ้งลวดนิรภัยและมุ้งลวดอื่นๆพร้อมติดตั้ง คลิก\ บานกรอบมุ้งลวดนิรภัย ทำไมจึงแข็งแรงงัดยาก บานกรอบของมุ้งลวดนิรภัยมักเป็นวัสดุอะลูมิเนียมที่นอกจากจะหนาเป็นพิเศษและแข็งแรงทนทานแล้ว ยังมีตัวล็อกพิเศษซึ่งแข็งแกร่งกว่าระบบล็อกมาตรฐานทั่วไป พร้อมระบบล็อกระบบล็อคที่ซับซ้อน มีจำนวนหลายจุด (Multipoint lock) ทั้งยังอยู่ในตำแหน่งหลบสายตาที่มองเห็นได้ยาก ทำให้ผู้บุกรุกคาดเดาโครงสร้างไม่ถูก และเสียเวลานานมากในการค้นหาเพื่อทำลายจุดล็อกแต่ละจุด นอกจากนี้ บางกรอบมุ้งลวดนิรภัยคุณภาพสูงบางรุ่นยังมีกลไกอัจฉริยะที่ช่วยป้องกันการยกถอดบานได้ Singleimage ระบบล็อกป้องกันงัดแงะ ภาพ: ตัวอย่างระบบป้องกันงัดแงะของบานกรอบมุ้งลวดนิรภัย ด้วยตัวล็อกพิเศษ ซับซ้อนหลายจุด พร้อมระบบบานรอบรางคู่ตรึงแน่น ป้องกันการถอดล้อ มุ้งลวดนิรภัยและมุ้งลวดอื่นๆพร้อมติดตั้ง คลิก\ ติดตั้งมุ้งลวดนิรภัยแทนเหล็กดัดดีไหม มุ้งลวดนิรภัยคุณภาพสูง ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งกับประตูหน้าต่างได้ลงตัว สามารถเลือกสีบานกรอบให้เข้ากับการตกแต่งบ้านได้ ดูสวยงามกว่าติดเหล็กดัด มองวิวภายนอกได้ไม่บดบังทัศนียภาพ และสำหรับบ้านที่กังวลว่าหากติดเหล็กดัดแล้ว จะไม่สามารถหากุญแจมาไขเพื่อหลบหนีได้ทันท่วงทีหากเกิดเหตุไฟไหม้ การใช้มุ้งลวดนิรภัยแทนเหล็กดัดจะตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้ Singleimage สีบานกรอบมุ้งลวดนิรภัย ภาพ: ตัวอย่างมุ้งลวดนิรภัยพร้อมบานกรอบสีต่างๆ ให้เลือก ใช้เป็นมุ้งลวดสำหรับสัตว์เลี้ยงได้หรือไม่ มุ้งลวดนิรภัยทนต่อแรงดันและตะกุยของสัตว์เลี้ยงได้ โดยมุ้งลวดนิรภัยคุณภาพสูงเคลือบสีเทคนิคพิเศษที่ติดทนแน่นกับผิวสเตนเลสทุกซอกมุม สามารถทนแรงข่วนจากคมเล็บของสัตว์เป็นประจำได้นานประมาณ 2-3 ปี หลังจากนั้นอาจเกิดการหลุดลอกของสีได้ อย่างไรก็ตามเจ้าของบ้านสามารถใช้สเปรย์สำหรับพ่นซ่อมเก็บรอยสีลอกได้ด้วยตัวเอง มุ้งลวดนิรภัยและมุ้งลวดอื่นๆพร้อมติดตั้ง คลิก\ มุ้งลวดนิรภัยใช้งานได้กี่ปี ติดตั้งกับประตูหน้าต่างแบบไหนได้ ในสภาวะปกติที่ไม่ต้องเผชิญกับการกัดกร่อน (เช่น โดนไอน้ำทะเล น้ำยาล้างห้องน้ำ) มุ้งลวดนิรภัยโดยทั่วไปมักใช้งานได้นานเป็น 10 ปี หรือหากเป็นรุ่นคุณภาพสูงพร้อมระบบมาตรฐานยุโรป อาจใช้งานได้ยาวนานประมาณ 20-30 ปี มุ้งลวดนิรภัยสามารถติดตั้งกับประตูหน้าต่างได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าต่างบานเปิด บานเลื่อนเดี่ยว บานเลื่อนคู่ บานเลื่อนซ้อน หน้าต่างบานติดตาย หน้าต่างบานกระทุ้ง รวมถึงประตูบานเฟี้ยม Singleimage ประเภทประตูหน้าต่างที่ติดมุ้งลวดนิรภัย ภาพ: ตัวอย่างมุ้งลวดนิรภัยที่ติดตั้งกับประตูหน้าต่างแบบต่างๆ จะเห็นได้ว่ามุ้งลวดนิรภัยเป็นตัวช่วยในการกันแมลง ที่มาพร้อมความปลอดภัย ป้องกันการบุกรุกจากภายนอกได้ดี ใช้แทนเหล็กดัดโดยไม่ทำให้ทัศนียภาพภายนอกเสียหาย และยังไม่ต้องกังวลเรื่องการหนีไฟ ใช้งานได้นาน ทนต่อสภาพอากาศและการขีดข่วนจากสัตว์เลี้ยงได้ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการรักษาความปลอดภัยและความสะดวกและสบายใจสำหรับสมาชิกในบ้าน อ่านเพิ่มเติม: เลือกมุ้งลวดอย่างไรให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์\
ทำไมเสียงรบกวนถึงผ่านผนังบ้านผนังห้องของเราเข้ามาได้และจะป้องกันยังไง แล้วตัวช่วยอย่าง ผนังกันเสียง ผนังกั้นเสียง ช่วยกันเสียงรบกวนได้อย่างไร... รู้ก่อนทำผนังกันเสียง เสียงรบกวนในบ้านผ่านผนังมาได้อย่างไร? เสียงรบกวนในบ้าน หลักๆ จะมาจาก 2 ช่องทาง ได้แก่ 1) เสียงที่ลอดผ่านอากาศตามช่องรอยต่อผนัง >โดยทั่วไปมักเป็นรอยต่อตามประตูหน้าต่าง รอยต่อบริเวณปลั๊กไฟกรณีห้องติดกัน 2) เสียงที่ทะลุผ่านผนังเข้ามาในบ้านหรือในห้องของเรา >โดยจะเสียงนั้นจะดังแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าผนังของเรามีค่ากันเสียงมากน้อยเพียงใด ดังนั้นหลักการทำผนังกันเสียง จะเป็นการป้องกันเสียงจาก 2 ช่องทางดังกล่าว ซึ่งก็คือ “การอุดช่องว่างที่ผนังไม่ให้เสียงลอด” และ “การเพิ่มค่ากันเสียงให้กับผนัง” ทำผนังกันเสียง ผนังกั้นเสียง โดยอุดช่องว่างป้องกันเสียงลอด ช่องว่างบริเวณประตูหน้าต่าง >สามารถติดตั้งเทปกันเสียง\เพื่อป้องกันเสียงลอดตามรอยต่อระหว่างขอบประตูหน้าต่างกับวงกบ หรือขอบประตูกับพื้น นอกจากนี้ หากพบช่องว่างระหว่างรอยต่อผนังกับประตูหน้าต่างควรอุดซ่อมแซมให้เรียบร้อย ช่องว่างระหว่างผนังกับใต้ท้องพื้น >หากเปิดฝ้าเพดานดูแล้วพบว่าผนังห้องของเราไม่ชนกับท้องพื้นหรือท้องคานชั้นบน กลายเป็นช่องว่างให้เสียงจากห้องติดกันทะลุผ่านฝ้าเพดานเข้ามาในห้องเราได้ กรณีนี้แนะนำให้ใช้ก่อผนังหรือผนังเบา\ปิดช่องดังกล่าวให้เรียบร้อย เทปกันเสียง SCG Noise Zeal ภาพ: ตัวอย่างเทปกันเสียงสำหรับติดที่ขอบหน้าต่าง เสียงรบกวนจากรอยต่อปลั๊กไฟบนผนังห้อง ภาพ: เสียงรบกวนจากรอยต่อปลั๊กไฟระหว่างห้องที่ใช้ผนังร่วมกัน ปิดช่องผนังเหนือฝ้าเพดาน ป้องกันเสียงรบกวนจากห้องติดกัน ภาพ: การปิดช่องระหว่างผนังกับใต้ท้องพื้น/ท้องคาน บริเวณเหนือฝ้าเพดาน เพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากห้องที่อยู่ติดกัน เลือกซื้อ เทปกันเสียง ฉนวนกันเสียง แผ่นซับเสียงก้อง คลิก\ ทำผนังกันเสียง ผนังกั้นเสียง โดยเพิ่มค่า STC ให้กับผนัง ทำความเข้าใจกันก่อนว่า ขณะเสียงเดินทางผ่านอากาศ หากมีวัสดุมากั้น เสียงที่ทะลุผ่านวัสดุไปจะเบาลง แต่จะเบาลงแค่ไหนขึ้นอยู่กับ “ค่าการกันเสียง” หรือที่เรียกกันว่า “ค่า STC” ของวัสดุนั้น โดยค่า STC ยิ่งสูงจะยิ่งกันเสียงได้มาก ทั้งนี้ เราสามารถเพิ่มค่า STC ให้ผนังเดิมได้ด้วยการทำผนังเพิ่มอีกชั้น หากผนังเดิมเป็นผนังก่ออิฐ อาจใช้วิธีก่อผนังอิฐซ้อนเพิ่มอีกชั้น หรืออีกวิธีที่นิยมคือทำผนังโครงเบาทับผนังเดิม แล้วซ่อนฉนวนกันเสียง\ซึ่งมีค่า STC สูง ไว้ระหว่างโครงผนังเบาเพื่อป้องกันเสียงจากภายนอกเข้ามารบกวนภายในห้อง ทำผนังกันเสียง ผนังกั้นเสียง ด้วยผนังเบาซ่อนฉนวนกันเสียง ภาพ: ตัวอย่างการทำผนังกันเสียง ผนังกั้นเสียง ที่มีค่า STC เหมาะกับการใช้งานสำหรับแต่ละห้อง ทำผนังกันเสียง ผนังกั้นเสียง ด้วยผนังเบาซ่อนฉนวนกันเสียง ภาพ: ตัวอย่างการทำผนังกันเสียง ผนังกั้นเสียง โดยติดตั้งโครงผนังเบา+ฉนวนกันเสียงวัสดุใยแก้วทับผนังเดิม ก่อนจะปิดทับด้วยแผ่นผนังเบาแล้วตกแต่งให้เรียบร้อย อ่านเพิ่มเติม: ทำผนังกันเสียงรบกวนจากข้างบ้าน ด้วยฉนวนกันเสียง SCG รุ่น Cylence Zoundblock\ บริการติดตั้งผนังกันเสียง คลิก\ ทำห้องประชุม โฮมเธียเตอร์ ห้องคาราโอเกะในบ้าน ด้วยผนังกันเสียง+ผนังซับเสียง ทั้งนี้ นอกจากการทำผนังกันเสียงเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงทะลุผ่านผนังแล้ว ควรคำนึงเรื่องการลดเสียงก้องเสียงสะท้อนในห้องด้วยการทำผนังซับเสียงโดยติดตั้งแผ่นซับเสียง\ตามปริมาณที่เหมาะสม โดยอาจใช้หลักการคร่าวๆ เบื้องต้น ได้แก่ ห้องประชุม ประมาณ 30% ของพื้นที่ผนังห้อง ห้องคาราโอเกะหรือห้องฟังเพลง ประมาณ 50% ของพื้นที่ผนังห้อง ห้องโฮมเธียเตอร์ ประมาณ 70% ของพื้นที่ผนังห้อง แผ่นซับเสียง แผ่นวัสดุอะคูสติก เอสซีจี รุ่น Cylence Zandera ภาพ: ตัวอย่างการใช้แผ่นซับเสียง ช่วยลดเสียงก้องเสียงสะท้อน แผ่นซับเสียง แผ่นวัสดุอะคูสติก เอสซีจี รุ่น Cylence Zandera ภาพ: ตัวอย่างตารางแสดงพื้นที่ที่เหมาะสมกับการติดตั้งแผ่นซับเสียง วัสดุอะคูสติก เอสซีจี รุ่น Cylence Zandera เลือกซื้อ เทปกันเสียง ฉนวนกันเสียง แผ่นซับเสียงก้อง คลิก\ อ่านเพิ่มเติม: แก้ปัญหาเสียงก้อง: ต้องติดแผ่นซับเสียงในห้องแค่ไหน? คำนวณอย่างไรให้ได้ผล\ ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป อีกทางสะดวกทดแทนผนังกันเสียง ในทางกลับกัน สำหรับบ้าน โฮมออฟฟิศ พื้นที่สำนักงาน ที่เต็มไปด้วยเสียงรบกวน และไม่สะดวกทำผนังกันเสียงด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่หรือสภาพแวดล้อม อาจเลือกติดตั้งห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปแทน เพื่อใช้ในเวลาที่ต้องการสมาธิและความเงียบสงบ เช่น งานที่ต้องใช้ความคิดสูง การประชุมออนไลน์ คุยโทรศัพท์สายสำคัญ ผนังกันเสียง ผนังกั้นเสียง ในรูปของห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป SCG Acoustic Pod ภาพ: ตัวอย่างห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปพร้อมติดตั้ง คลิก\ จะเห็นว่า การทำผนังกันเสียง ผนังกั้นเสียง รวมถึงผนังซับเสียง ไม่ใช่เรื่องยาก... อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของบ้านต้องการระดับค่าการกันเสียง การซับเสียงก้องเสียงสะท้อน ให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะ แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบห้องกันเสียง ซึ่งมีเครื่องมือเฉพาะทางและสามารถออกแบบระบบผนังกันเสียงที่ตรงตามความต้องการได้อย่างถูกต้องตามหลักการ เลือกซื้อฉนวนกันเสียง แผ่นซับเสียง ทำผนังกันเสียง บริการติดตั้งผนังกันเสียงด้วยทีมงานมืออาชีพแบบครบวงจร วัสดุอุปกรณ์ทำผนังกันเสียง ผนังกั้นเสียง ทั้งแผ่นซับเสียง ฉนวนกันเสียง วัสดุทำผนังโครงเบา โครงคร่าว แผ่นผนังเบายิปซัม แผ่นผนังไฟเบอร์ซีเมนต์ พร้อมรับข้อเสนอและโปรโมชันพิเศษทั้งสินค้าและบริการได้ที่ SCGHOME.COM หรือ SCGHOME APP ติดต่อเรา โทร: 02-586-1222 Line: @scghome E-mail-contact@scg.com เวลาทำการ จันทร์-อาทิตย์ เวลา 08:00 - 17:30 น.
ทบทวนการใช้งานพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาหารในครัวเล็กๆ เพื่อจัดสรรพื้นที่ใช้สอยสำหรับห้องครัวขนาดเล็กในบ้านซึ่งมีพื้นที่จำกัด... คนยุคใหม่นิยมอยู่อาศัยในพื้นที่ที่เล็กลง ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม หรือบ้านเดี่ยวขนาดเล็ก กิจกรรมในครัวถูกลดบทบาทและมักหันมาประกอบอาหารง่ายๆ ในห้องครัวเล็กๆ มากขึ้น ครัวขนาดเล็กและเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ จึงตอบโจทย์สำหรับพื้นที่จำกัดภายใต้ 4 ฟังก์ชั่นใช้งานหลักซึ่งประกอบด้วย 1) พื้นที่ทำอาหารในห้องครัวขนาดเล็ก การทำอาหารในครัวเล็กๆ มีตั้งแต่แบบง่ายๆ อย่างการทำแซนด์วิซ ใช้กระติกน้ำร้อน/กาน้ำร้อน ชงกาแฟ ทำอาหารกึ่งสำเร็จรูป ใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหาร หรือใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ อย่าง เตาอบ หม้อทอดไร้น้ำมัน กะทะไฟฟ้า เตาไฟฟ้า ไปจนการทำอาหารแบบจัดเต็มใช้เตาแก๊สพร้อมเครื่องดูดควัน อย่าลืมว่าอุปกรณ์ ขนาดเคาน์เตอร์ครัว และพื้นที่ที่มี ทั้งหมดนี้จะต้องสัมพันธ์กันด้วย Singleimageเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆอุปกรณ์น้อยในห้องครัวขนาดเล็ก ห้องครัวเล็กๆ จัดห้องครัวสวยๆ ขนาดเล็ก >ภาพ: การเตรียมอาหารง่ายๆ ใช้อุปกรณ์น้อย เหมาะกับห้องครัวขนาดเล็ก สนใจ บริการต่อเติมห้องครัว คลิก\ 2) ซิงค์ล้างจานกับห้องครัวขนาดเล็ก ซิงค์ล้างจาน จัดห้องครัวเล็กๆ\ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของเคาน์เตอร์ครัว ยกเว้นบางบ้านที่มีซิงค์ล้างจานแยกอยู่นอกบ้านหรือระเบียงใกล้เคียง ก็อาจไม่จำเป็นต้องมีซิงค์ล้างจานที่เคาน์เตอร์ครัว ซึ่งนับว่าช่วยประหยัดพื้นที่ตรงนี้ได้สำหรับห้องครัวเล็กๆ Singleimageซิงค์ล้างจานสำหรับห้องครัวขนาดเล็ก ครัวเล็กๆ >ภาพ: ตัวอย่างการจัดวางซิงค์ล้างจานบนเคาน์เตอร์ในห้องครัวขนาดเล็กซึ่งมีความยาว 1.6 เมตร (ขวา) และ 1.2 เมตร (ซ้าย) เลือกซื้อ อ่างล้างจานและอุปกรณ์\ 3) พื้นที่ผึ่งภาชนะสำหรับห้องครัวขนาดเล็ก ห้องครัวเล็กๆ ควรจัดสรรพื้นที่สำหรับวางตะแกรงผึ่งภาชนะที่เพิ่งล้างเสร็จ หากพื้นที่จำกัดมากอาจต้องหมั่นเช็ดภาชนะให้แห้งเพื่อย้ายไปเก็บในตู้หรือชั้นวางแทน Singleimageตะแกรงผึ่งภาชนะในเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ >ภาพ: ตะแกรงผึ่งภาชนะที่ติดตั้งเข้ากับตู้บานเปิดเพื่อใช้เป็นที่เก็บภาชนะไปในตัว นับเป็นอีกไอเดียประหยัดพื้นที่สำหรับห้องครัวขนาดเล็ก เลือกซื้อ เฟอร์นิเจอร์ครัว ชุดครัวสำเร็จรูป\ 4) ที่เก็บอุปกรณ์และเครื่องปรุง สำหรับห้องครัวเล็กๆ เพื่อความเรียบร้อยเป็นสัดส่วน ตู้ครัวติดลอยบนผนัง และชั้นวางแบบ Built-in\ กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ที่ช่วยให้เราใช้พื้นที่แนวตั้งในห้องครัวเล็กๆ ได้คุ้มค่า บางตำแหน่งอาจมีบานตู้ปิดเปิดตามความเหมาะสม Singleimageตู้ครัวพลาสติกติดผนังเหนือเคาน์เตอร์ครัว จัดห้องครัวเล็กๆ >ภาพ: ตู้ครัวสำเร็จรูปสำหรับติดผนัง ช่วยเพิ่มพื้นที่แนวตั้งในห้องครัวขนาดเล็ก ทั้งนี้ หากเจ้าของบ้านต้องการเพียงฟังก์ชั่นพื้นฐานดังกล่าว อาจหาซื้อชุดเคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูป\พร้อมบริการติดตั้ง ซึ่งมีขนาดต่างๆ ให้เลือกตามความเหมาะสมของพื้นที่ ก็นับเป็นอีกทางเลือกซึ่งสะดวกง่ายดายดี ส่วนเจ้าของบ้านที่มีพื้นที่จำกัด อยากจะทำห้องครัวขนาดเล็ก แต่ก็ต้องการพื้นที่ใช้สอยเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่เล่าไป แนะนำให้ปรึกษานักออกแบบเพื่อหาวิธีจัดสรรพื้นที่ใช้สอยในครัวเล็กๆ ที่ลงตัวและคุ้มค่ามากที่สุด อ่านเพิ่มเติม: สารพัดวัสดุพื้นผนัง ตกแต่งห้องครัว\ สนใจ บริการต่อเติมห้องครัว คลิก\ เลือกซื้อเครื่องครัวและอุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร คลิก\ . เลือกซื้อวัสดุอุปกรณ์สำหรับสร้างและตกแต่งห้องครัว แผ่นเคาน์เตอร์ครัวมวลเบา เคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูป ตู้ครัว ซิงค์ล้างจาน ทั้งสินค้าและบริการติดตั้ง บริการปรับปรุงห้องครัว วัสดุก่อสร้าง สินค้าและบริการเพื่อบ้านอื่นๆ พร้อมรับข้อเสนอและโปรโมชันพิเศษทั้งสินค้าและบริการได้ที่ SCGHOME.COM หรือ SCGHOME APP ติดต่อเรา โทร: 02-586-1222 Line: @scghome E-mail-contact@scg.com เวลาทำการ จันทร์-อาทิตย์ เวลา 08:00 - 17:30 น.
ประตูหน้าต่างมุ้งลวดถือเป็นหน้าตาสำคัญอันหนึ่งของบ้าน นอกจากประโยชน์ใช้สอยในการป้องกันสัตว์และฝุ่นละอองแล้ว การเลือกประเภทและรูปแบบยังสามารถสะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านได้อีกด้วย >สิ่งหนึ่งที่มักถูกหลงลืมไประหว่างขั้นตอนการออกแบบก็คือมุ้งลวดประตูหน้าต่าง ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับที่พักอาศัยในเขตร้อนชื้นอย่างบ้านเรา ประโยชน์หลักก็เพื่อป้องกันแมลงและสัตว์พาหะที่ไม่พึงประสงค์ และช่วยกันเศษฝุ่นละอองที่อาจลอยมาจากท้องถนนภายนอก นอกจากนี้ยังช่วยลดความเข้มข้นของแสงแดดที่สาดสะท้อนเข้าตัวบ้าน โดยที่อากาศภายในยังคงหมุนเวียนถ่ายเทได้ดี >ปัจจุบันมุ้งลวดมีหลากหลายประเภทมากขึ้น ทั้งรูปแบบและวัสดุ จึงต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้าน มุ้งลวด ป้องกันแมลง สัตว์พาหะ กันเศษฝุ่นละออง ลดความเข้มของแสงแดด อากาศภายในหมุนเวียนถ่ายเทได้ดี >ภาพ: ประโยชน์หลักของมุ้งลวดคือ ช่วยป้องกันแมลง-สัตว์พาหะ และช่วยกันเศษฝุ่นละออง อีกทั้งช่วยลดความเข้มของแสงแดด โดยที่อากาศภายในยังคงหมุนเวียนถ่ายเทได้ดี >## รูปแบบของมุ้งลวดประตูหน้าต่างที่พบเห็นได้บ่อย >1. มุ้งลวดบานเปิด เป็นรูปแบบมาตรฐานที่พบเห็นได้มากที่สุด ข้อดีคือไม่ต้องมีการติดตั้งรางเพิ่มเติม ราคาไม่แพง แต่อาจเกะกะพื้นที่ในกรณีที่ต้องการเปิดมุ้งลวดหน้าต่างทิ้งไว้ เพราะวงเปิดมักจะอยู่ภายในบ้าน >2. มุ้งลวดบานเลื่อน มีความทันสมัยและเป็นที่นิยมเช่นเดียวกับแบบบานเปิด ต้องติดตั้งตัวรางเพิ่มเติม แต่ประหยัดพื้นที่มากกว่า และสามารถเปิดหน้าต่างบานเลื่อนค้างไว้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้สอยภายใน >3. มุ้งลวดจีบ โดดเด่นในเรื่องความสวยงามของการจับจีบ สามารถรวบเก็บตัวมุ้งไว้ด้านข้างในเวลาที่ไม่ต้องการใช้งาน จึงยืดหยุ่นมากกว่า สามารถติดตั้งกับบานประตูหน้าต่างขนาดใหญ่พิเศษได้ ข้อเสียคือมีอายุการใช้งานสั้นกว่ามุ้งลวดสองแบบแรก รวมไปถึงการทำความสะอาดที่ยากกว่าด้วย >## วัสดุที่ใช้ผลิตมุ้งลวดมีกี่ประเภท และแตกต่างกันอย่างไร >วัสดุมุ้งลวดที่นิยมในตลาดมีทั้งหมด 4 แบบ ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันดังนี้ >1. อะลูมิเนียม ผลิตจากเส้นอะลูมิเนียม จึงมีความเหนียวและแข็งแรงตามสมควร เป็นมุ้งลวดมาตรฐานที่นิยมใช้กับบ้านเรือนมายาวนานที่สุด ราคาถูกกว่าวัสดุประเภทอื่น แต่ก็ผุกร่อนและเกิดสนิมง่ายกว่าด้วยเช่นกัน จึงไม่เหมาะสมกับบ้านพักตากอากาศชายทะเล ซึ่งมีปัจจัยเรื่องความชื้นและเกลือสูง >2. ไนลอน ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ เหนียวและทนทาน มีความยืดหยุ่นสูง แต่มีความโปร่งน้อยกว่าวัสดุประเภทอื่น เนื่องจากเส้นไนลอนค่อนข้างหนา เหมาะกับการนำมาทำมุ้งจีบเพราะสามารถคงตัวได้ดี >3. ไฟเบอร์ หรือใยแก้ว มีความยืดหยุ่นแข็งแรง คุณสมบัติเด่นคือทนต่อการกัดกร่อน ลดปัญหาการเกิดสนิม จึงสามารถใช้ในที่พักอาศัยริมทะเลได้ แต่อาจฉีกขาดจากแรงกระแทกได้ง่ายกว่าแบบอะลูมิเนียม >4. นิรภัยสเตนเลส เป็นวัสดุที่อยู่กึ่งกลางระหว่างมุ้งลวดทั่วไปและเหล็กดัด ผลิตจากตาข่ายสเตนเลสหรือเหล็กไร้สนิม คุณสมบัติแข็งแร็งและมีอายุการใช้งานยาวนาน ทนทานต่อแรงกระแทก จึงเหมาะกับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่ ข้อเสียสำคัญคือราคาสูง รูปแบบ มุ้งลวดจีบ >ภาพ: ตัวอย่างรูปแบบ มุ้งลวดจีบ รูปแบบ มุ้งลวดบานเลื่อน >ภาพ: ตัวอย่างรูปแบบ มุ้งลวดบานเลื่อน >## ไลฟ์สไตล์ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเลือกมุ้งลวด >นอกจากรูปแบบและประเภทวัสดุที่กล่าวมาแล้วนี้ ไลฟ์สไตล์ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เช่นเดียวกับบริบทของสภาพแวดล้อมและค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมุ้งลวดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาและเพิ่มความสะดวกสบายได้ >อาทิ บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะน้องหมาน้องแมวแสนซน วัสดุของมุ้งลวดที่เลือกควรจะทนทานต่อการขีดข่วนและเล็บสัตว์ เช่นมุ้งลวดนิรภัยสเตนเลส หรือโพลีเอสเตอร์ที่ระบุเจาะจงว่า Pet Screen หรือ Pet Mesh เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานให้ยืนยาวขึ้น ปัจจุบันมีการผลิตประตูมุ้งลวดที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรักสัตว์ในรูปแบบที่หลากหลาย ยกตัวอย่างเช่นการเพิ่มช่องแมวลอด หรือ Pet Door บนบานประตู เพื่อให้น้องหมาน้องแมวขนาดเล็กสามารถเดินเข้าออกได้เอง โดยที่เจ้าของบ้านไม่ต้องเสียเวลาลุกไปเปิดปิดประตูให้ทุกครั้ง แต่ข้อจำกัดคือไม่สามารถติดตั้งบนประตูมุ้งลวดบานเลื่อนได้ จึงต้องเลือกใช้รูปแบบประตูบานเปิดแทน ประตูมุ้งลวด Pet Screen สำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงแสนซน >ภาพ: ประตูมุ้งลวดสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงแสนซน ที่มีช่องสำหรับน้องแมวน้องหมาให้เดินเข้าออกได้เอง >ในบางพื้นที่อาจจะมีปัญหาแตกต่างกันในเรื่องของสัตว์ไม่พึงประสงค์ นอกจากยุงแล้ว ยังมีจิ้งจกเป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญ หลายบ้านอาจประสบปัญหาว่าจิ้งจกยังคงเล็ดรอดเข้ามาได้ แม้จะติดมุ้งลวดแล้วก็ตาม ทั้งนี้เกิดจากลักษณะของบานประตูหน้าต่าง รวมถึงมุ้งลวดที่เลือกใช้ ซึ่งต้องไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่น้อย เพราะจิ้งจกสามารถลอดผ่านรูขนาดเล็กได้อย่างไม่น่าเชื่อ หากยังไม่แน่ใจในประสิทธิภาพ ก็สามารถเลือกรุ่นมุ้งลวดที่แจ้งคุณสมบัติว่าป้องกันจิ้งจกได้ ซึ่งมีหลายผู้ผลิตรับประกัน มุ้งลวดป้องกันจิ้งจก >ภาพ: มุ้งลวดป้องกันจิ้งจก ที่ออกแบบมาสำหรับการป้องกันจิ้งจกเข้าบ้านโดยเฉพาะ โดยจะไม่มีรูหรือช่องว่างเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังสามารถช่วยกันงูเข้าบ้านได้อีกด้วย >หรือแม้แต่ปัญหามลพิษและฝุ่นละอองที่กลายมาเป็นประเด็นสำคัญในช่วงปีที่ผ่านมา ยังผลให้เกิดการผลิตมุ้งลวดเพื่อป้องกัน PM2.5 โดยเฉพาะ ซึ่งถ้าเจ้าของบ้านมีไลฟ์สไตล์ที่คำนึงถึงสุขภาพอนามัยเป็นหลัก รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวและประวัติภูมิแพ้ ก็อาจเลือกมุ้งลวดโดยยึดประเด็นนี้เป็นสำคัญ >ประตูหน้าต่างมุ้งลวดจึงถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่ไม่อาจมองข้าม ต้องพิจารณาเลือกสรรอย่างรัดกุม เพื่อประโยชน์ใช้สอยที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับเจ้าของบ้าน สนใจ มุ้งลวดพร้อมบริการติดตั้ง คลิก\
เล่าถึงการทำผนังเบากั้นห้องเพื่อรองรับพื้นที่ใช้สอยเพิ่มเติมภายในบ้าน ทั้งส่วนประกอบของตัวผนังเบา การตกแต่ง รวมถึงการทำผนังเบาเพื่อการใช้งานพิเศษ อย่างผนังเบากั้นห้องน้ำ ผนังเบากั้นห้องกันเสียง การทำผนังกั้นห้องภายในบ้าน นิยมใช้ “ผนังเบา” (ผนังโครงเบา) เนื่องด้วยน้ำหนักที่เบา สามารถติดตั้งในตำแหน่งต่างๆ ได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะต้องมีแนวคานรองรับน้ำหนักอย่างผนังก่ออิฐ และยังใช้เวลาติดตั้งได้รวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับผนังก่ออิฐด้วย โครงคร่าวและแผ่นผนังเบากั้นห้อง ภาพ: ตัวอย่างผนังเบากั้นห้องในบ้าน ซึ่งประกอบด้วยโครงคร่าวและแผ่นผนัง สร้างผนังเบากั้นห้องภายในบ้าน การทำผนังเบากั้นห้องภายในบ้านมี 2 ส่วนประกอบหลักคือ “โครงคร่าวผนัง” และ “แผ่นผนัง” สำหรับโครงคร่าวผนังอาจเป็นได้ทั้งโครงคร่าวไม้ โครงคร่าวเหล็ก โครงคร่าวกัลวาไนซ์ ส่วนแผ่นผนังสามารถเลือกใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น แผ่นผนังไม้อัด แผ่นผนังยิปซัมบอร์ด\ แผ่นผนังซีเมนต์บอร์ดอย่างไฟเบอร์ซีเมนต์ ไม้อัดซีเมนต์ หรืออาจจะใช้ในรูปของไม้ฝาที่เป็นไม้จริง หรือวัสดุไม้เทียมในรูปของไม้ฝา ไม้ตกแต่งผนังรูปแบบต่างๆ วัสดุแผ่นผนังเบากั้นห้องในบ้าน ภาพ: ตัวอย่างวัสดุแผ่นผนัง และวัสดุตกแต่งทำผนังเบากั้นห้องในบ้าน เลือกซื้อ แผ่นสมาร์ทบอร์ด ซีเมนต์บอร์ด SCG คลิก\ ตกแต่งผนังเบากั้นห้อง มีวิธีตกแต่งหลากหลายขึ้นอยู่กับตัววัสดุแผ่นผนัง อย่างผนังยิปซัมบอร์ดโดยทั่วไปจะตกแต่งโดยฉาบรอยต่อให้เรียบแล้วทาสีหรือติดวอลเปเปอร์ ส่วนแผ่นผนังไม้อัดซีเมนต์ซึ่งมีผิวเรียบมันในลุคปูนเปลือย อาจเลือกโชว์ผิวโดยไม่ต้องตกแต่งเพิ่ม ในขณะที่แผ่นผนังไฟเบอร์ซีเมนต์จะเน้นการติดตั้งแบบเว้นร่องแล้วตกแต่งด้วยวิธีต่างๆ ตั้งแต่ทาสี ติดวอลเปเปอร์ ฉาบปูนแต่งผิว หรือจะปูกระเบื้องเซรามิกก็ยังทำได้ ส่วนไฟเบอร์ซีเมนต์ที่มาในรูปของไม้ฝาตกแต่ง\ ไม้ตกแต่งผนัง จะถูกออกแบบรูปทรงและพื้นผิวให้มีลักษณะสวยงามอยู่แล้วเพียงแค่ทาสีทับก็พอ ไม้ตกแต่งไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ ทำผนังเบากั้นห้องในบ้าน ภาพ: ตัวอย่างไม้ฝาและไม้ตกแต่งผนังไฟเบอร์ซีเมนต์ ซึ่งใช้ทำผนังเบากั้นห้องได้ เลือกซื้อ วัสดุตกแต่งผนังไม้เทียม คลิก\ ทำผนังเบากั้นห้องอะไรได้บ้าง เราสามารถทำผนังเบากั้นห้องเพื่อเป็นพื้นที่ใช้สอยทั่วไป เช่น ห้องอเนกประสงค์ ห้องเก็บของ เพียงแต่ตั้งโครงคร่าว ติดตั้งแผ่นผนังและตกแต่งผิว แต่หากเป็นผนังกั้นห้องที่เป็นการใช้งานพิเศษ จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมในการติดตั้ง ดังนี้ • ผนังเบากั้นห้องน้ำ >ก่อนจะติดตั้งผนังเบาที่เป็นผนังห้องน้ำจะต้องมีการทำคันกั้นบนพื้น (ก่ออิฐ หรือหล่อคอนกรีตเสริมเหล็ก) สูง 10 ซม. และติดตั้งระบบกันซึมให้เรียบร้อยก่อนจะติดตั้งโครงคร่าวและแผ่นผนัง ซึ่งเราสามารถเลือกใช้แผ่นผนังไฟเบอร์ซีเมนต์ แล้วปูทับด้วยกระเบื้องเซรามิก โดยปูเข้ากับด้านที่มีผิวขรุขระ ดังนั้นการติดตั้งแผ่นผนังในกรณีนี้จะต้องนำด้านที่มีผิวขรุขระออกด้านนอก (ต่างกับการทำผนังเบากั้นห้องทั่วไปซึ่งเน้นที่จะติดตั้งด้านผิวเรียบออกเพื่อเตรียมตกแต่งผิว ทำผนังเบากั้นห้องน้ำในบ้านพร้อมปูกระเบื้อง ภาพ: ตัวอย่างการติดตั้งวัสดุทำผนังเบากั้นห้องน้ำ • ผนังเบากั้นห้องกันเสียง >ไม่ว่าจะเป็น “การป้องกันเสียงเข้า” เช่น ห้องทำงาน ห้องนอน ที่เน้นความเงียบสงบมากเป็นพิเศษ หรือ “ป้องกันเสียงออก” อย่างห้องดูหนัง ฟังเพลง ร้องเพลง ซึ่งไม่ต้องการให้เสียงดังในห้องลอดออกมา ก็สามารถซ่อนฉนวนกันเสียงไว้ระหว่างช่องโครงคร่าวได้ รวมถึงติดตั้งเทปกันเสียงที่ประตูหน้าต่าง เพื่อช่วยป้องกันเสียงลอดอีกทาง และอาจมีการติดตั้งแผ่นซับเสียงกันเสียงก้องเสียงสะท้อนเพิ่มเติมตามความเหมาะสม หรือหากเน้นเรื่องการกันเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอย่างจริงจัง อาจต้องศึกษาเรื่องประสิทธิภาพการกันเสียงของผนัง อย่างค่า STC ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกใช้วัสดุ ฉนวนกันเสียง แผ่นซับเสียง SCG ภาพ: ตัวอย่างการติดตั้งวัสดุกันเสียง (บน) และการติดตั้งวัสดุซับเสียง (ล่าง) สำหรับผนังเบากั้นห้อง ค่า STC ทำผนังกันเสียงด้วยฉนวนกันเสียง SCG ภาพ: ตัวอย่างการใช้วัสดุทำผนังเบากั้นห้อง ให้สอดคล้องกับค่า STC ซึ่งแสดงประสิทธิภาพการกันเสียง ที่เหมาะสมสำหรับห้องต่างๆ อ่านเพิ่มเติม: ทำผนังกันเสียงรบกวนจากข้างบ้าน ด้วยฉนวนกันเสียง SCG รุ่น Cylence Zoundblock\ บริการติดตั้งผนังกันเสียง คลิก\ เลือกซื้อ ฉนวนกันเสียง วัสดุทำห้องกันเสียง คลิก\ ทำผนังเบากั้นห้องภายในบ้าน มีทางเลือกที่หลากหลาย... ทั้งการเลือกใช้วัสดุโครงคร่าว วัสดุแผ่นผนัง การตกแต่งพื้นผิว เพียงแต่จะต้องคำนึงปัจจัยเฉพาะบางอย่าง โดยเฉพาะการทำผนังเบากั้นห้องที่ใช้งานเฉพาะ อย่างห้องน้ำ ห้องกันเสียง อย่างที่ได้เล่าไป ทั้งนี้หากเจ้าของบ้านเน้นรายละเอียดเรื่องการใช้งานให้ตรงวัตถุประสงค์เป็นพิเศษ ก็อาจต้องศึกษารายเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เลือกซื้อวัสดุติดตั้งผนังเบา โครงผนังเบา แผ่นผนังเบา โครงคร่าวเหล็ก เหล็กชุบสังกะสี กัลวาไนซ์ แผ่นผนังยิปซัม ผนังซีเมนต์บอร์ด แผ่นผนัง ไม้ฝา ไม้ตกแต่งไฟเบอร์ซีเมนต์ ฉนวนกันเสียงสำหรับผนัง บริการติดตั้งผนังกันเสียงด้วยทีมงานมืออาชีพแบบครบวงจร พร้อมรับข้อเสนอและโปรโมชันพิเศษทั้งสินค้าและบริการได้ที่ SCGHOME.COM หรือ SCGHOME APP ติดต่อเรา โทร: 02-586-1222 Line: @scghome E-mail-contact@scg.com เวลาทำการ จันทร์-อาทิตย์ เวลา 08:00 - 17:30 น.
รวมวิธีลดฝุ่นในบ้านและป้องกันฝุ่นเข้าบ้าน ทั้งการทำความสะอาดบ้าน ดูดไรฝุ่น ล้างแอร์ ใช้ผ้าม่านแบบไม่อมฝุ่น ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ มุ้งลวด และอุปกรณ์ที่ช่วยให้บ้านระบายอากาศได้แม้จะปิดบ้านมิดชิดหนีฝุ่นอยู่ตลอด >ฝุ่นในบ้านเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากหลีกเลี่ยง เพราะนอกจากทำให้บ้านดูสกปรกแล้วยังกระทบกับสุขภาพ เป็นสาเหตุของภูมิแพ้และปัญหาระบบทางเดินหายใจของสมาชิกในบ้านได้ ทั้งนี้วิธีหลีกเลี่ยงฝุ่นในบ้าน จะมีทั้ง “การลดฝุ่นในบ้าน” และ “การป้องกันฝุ่นเข้าบ้าน” ซึ่ง SCG HOME นำมาฝากทั้งหมด 8 วิธี ดังต่อไปนี้ >## 1) ลดฝุ่นในบ้านโดย...ทำความสะอาดบ้าน >ปัดกวาดเช็ดถูบ้านให้สะอาดเป็นประจำก็จะขจัดฝุ่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่มักจะลืม เช่น ซอกมุมของเฟอร์นิเจอร์ ขอบประตูหน้าต่าง หลังตู้ ชั้นวางของ >## 2) ลดฝุ่นในบ้านโดย...ดูดไรฝุ่นที่นอน ผ้าม่าน โซฟา และพรม >นับเป็นอีกแหล่งสะสมฝุ่นซึ่งเจ้าของบ้านทั่วไปทำความสะอาดเองได้ยาก แนะนำให้พึ่งบริการผู้เชี่ยวชาญผู้มีอุปกรณ์เฉพาะ เช่น น้ำยา สเปรย์ฆ่าเชื้อ ผงทำความสะอาด โฟมทำความสะอาด ที่ไม่ทิ้งสารตกค้างอันตราย รวมถึงหลอดไฟฆ่าเชื้อ UV-C แปรงขัดระดับอุตสาหกรรมที่สามารถดึงเอาฝุ่นและไรฝุ่นออกมาได้หมดจด ดูดไรฝุ่น เครื่องดูดไรฝุ่น ฆ่าเชื้อในบ้าน >ภาพ: ตัวอย่างบริการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคและดูดไรฝุ่นที่นอน โซฟา พรม และม่าน โดยมืออาชีพ ดูดไรฝุ่น เครื่องดูดไรฝุ่น ฆ่าเชื้อในบ้าน >ภาพ: ตัวอย่างเปรียบเทียบปริมาณไรฝุ่น ก่อน (ซ้าย) และหลัง (ขวา) เมื่อใช้บริการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคและดูดไรฝุ่นที่นอนโดยมืออาชีพ บริการทำความสะอาดบ้าน บริการดูดไรฝุ่นที่นอน ผ้าม่าน โซฟา และพรม คลิก\ >## 3) ลดฝุ่นในบ้านโดย...ล้างเครื่องปรับอากาศ + ใช้แผ่นกรองอากาศ >ภายในเครื่องปรับอากาศเมื่อใช้ไปนานๆ จะกลายเป็นอีกแหล่งที่สะสมฝุ่น แนะนำให้ล้างเครื่องปรับอากาศ โดยเลือกบริการช่างที่ได้มาตรฐานและมีความละเอียดในการล้างส่วนประกอบต่างๆ ภายในเครื่อง นอกจากนี้อาจใช้แผ่นกรองอากาศสำหรับติดเครื่องปรับอากาศ โดยเลือกชนิดที่เพิ่มประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อโรค และดักจับอนุภาคฝุ่นรวมถึงมลพิษในอากาศ ได้มากกว่าแผ่นกรองทั่วไป >## 4) ลดฝุ่นในบ้านโดย...ติดตั้งผ้าม่านไม่อมฝุ่น (ANTI-DUST) >ผ้าม่านนับเป็นอีกแหล่งสะสมฝุ่นชั้นดี หากต้องการให้ฝุ่นสะสมบนม่านน้อยลง สามารถเลือกใช้ผ้าม่านไม่อมฝุ่นซึ่งมีนวัตกรรม Anti-Allergy เป็นชั้นฟิล์มใสเคลือบ ช่วยลดการเกาะติดของฝุ่นตามร่องบนเนื้อผ้าได้สูงถึง 83.3% เมื่อเทียบกับผ้าที่ไม่ได้เคลือบ และเมื่อฝุ่นเกาะตามผ้าม่านน้อยลง ก็จะตกลงสู่ส่วนอื่นๆ ของบ้านที่ทำความสะอาดได้บ่อยแทน ฝุ่นจึงถูกกำจัดออกได้มากกว่าบ้านที่ใช้ผ้าม่านทั่วไป ลดฝุ่นในบ้าน ม่านไร้ฝุ่น >ภาพ: ตัวอย่างม่านไม่อมฝุ่น (บน) และหลักการการทำงานเมื่อเปรียบเทียบกับม่านธรรมดา (ล่าง) >อ่านเพิ่มเติม: ผ้าม่านเพื่อสุขภาพ ลดสาเหตุเกิดภูมิแพ้ >## 5) ลดฝุ่นในบ้านโดย....ใช้เครื่องฟอกอากาศ >ไม่ว่าจะเป็นการใช้ เครื่องฟอกอากาศแบบธรรมดา ที่สามารถซื้อมาวางในห้องต่างๆ (โดยเลือกรุ่นที่เหมาะกับขนาดพื้นที่ห้องและมีคุณสมบัติตามต้องการ) กับอีกทางเลือกหนึ่งคือ ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ Air-e X ซึ่งมาพร้อมบริการสำรวจ เสนอแบบ และติดตั้งบนเพดาน เครื่องฟอกอากาศ Air-e X จะที่มีเทคโนโลยี nanoe™ X ปล่อยอนุภาค OH Radicals จับตัวกับฝุ่นในอากาศ รวมถึงจับโปรตีนที่ห่อหุ้มไวรัสแล้วเปลี่ยนให้เป็นน้ำ ส่งผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา สารก่อภูมิแพ้ ละอองเกสร ฝุ่นมลพิษ PM 2.5 เครื่องฟอกอากาศ Air-e X ติดตั้งกับเพดานในบ้าน ใช้งานได้นานกว่า 10 ปี ลดฝุ่นในบ้าน เครื่องฟอกอากาศ ระบบกรองอากาศในบ้าน เครื่องฟอกอากาศpm เครื่องกรองอากาศ pm >ภาพ: เครื่องฟอกอากาศแบบธรรมดา ซึ่งมีหลายรุ่น หลายขนาด หลายคุณสมบัติให้เลือก เครื่องฟอกอากาศ รุ่นต่างๆ คลิก\ ลดฝุ่นในบ้าน เครื่องฟอกอากาศAir-e X ระบบกรองอากาศในบ้าน เครื่องฟอกอากาศpm เครื่องกรองอากาศ pm >ภาพ: เครื่องฟอกอากศ Air-e X และหลักการทำงานของอนุภาคในการดักจับเชื้อโรค (หากมีฝุ่นในอากาศ อนุภาคนี้ก็จะดักจับฝุ่นให้ตกลงด้านล่างด้วยเช่นกัน) >5 ข้อที่เล่ามานี้ เป็นการลดฝุ่นที่มีในบ้านให้น้อยลง อย่างไรก็ตามเราควรหาวิธีช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าบ้านเพิ่มเติม เจ้าของบ้านบางท่านใช้วิธีปิดประตูหน้าต่างหนีฝุ่น ซึ่งอาจทำให้บ้านระบายอากาศได้ไม่เพียงพอ จนส่งผลเสียต่อสุขภาพ และยังรู้สึกร้อนอบอ้าวอีกด้วย ดังนั้นข้อ 6-8 จะเป็นการแนะนำวิธีที่ช่วยป้องกันฝุ่นเข้าบ้านในขณะที่บ้านยังคงระบายอากาศได้ >## 6) ป้องกันฝุ่นเข้าบ้านโดย...ติดตั้งมุ้งลวด >มุ้งลวดนอกจากจะกันแมลงและสัตว์เล็กเข้าบ้านในระหว่างที่เราเปิดประตูหน้าต่างรับลมระบายอากาศได้แล้ว ยังช่วยดักจับและกรองฝุ่นบางส่วนไม่ให้เข้าบ้านได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ควรมีการทำความสะอาดมุ้งลวดเพื่อขจัดฝุ่นออกเป็นประจำ มุ้งลวดพร้อมบริการติดตั้ง คลิก\ >## 7) ป้องกันฝุ่นเข้าบ้านโดย...ติดตั้งระบบปรับคุณภาพอากาศ Active AIR Quality >ขณะที่เราปิดบ้านมิดชิด ระบบ Active Air Quality จะใช้อุปกรณ์ Supply Air Ventilator ดูดอากาศภายนอกบ้านมากรองเอาเชื้อโรคและฝุ่นออกก่อนจะนำเข้าในบ้าน และภายใต้หลักการ Positive Pressure อากาศดีที่เข้ามาจะทำให้อากาศเสียในบ้านถูกดันออกทางช่องว่างต่างๆ ของบ้าน เช่น ตามขอบรอยต่อประตูหน้าต่าง จนมลภาวะนอกบ้านไม่สามารถเข้าสู่ภายในบ้านได้ >อ่านเพิ่มเติม: ปิดบ้านหนีฝุ่นกันเชื้อโรค แต่ยังระบายอากาศในบ้านได้ด้วย SCG Active AIR Quality ป้องกันฝุ่นเข้าบ้าน ระบบ SCG Active Air Quality ระบบระบายอากาศในบ้าน >ภาพ: การทำงานของระบบ Active Air Quality ที่ช่วยป้องกันฝุ่นเข้าบ้านรวมถึงเชื้อโรคต่างๆ โดยอากาศที่นำเข้าบ้านจะต้องผ่านเครื่องกรองจนสะอาดก่อน ติดตั้ง ระบบปรับคุณภาพอากาศภายในบ้าน SCG Active AIR Quality คลิก\ >จะเห็นว่าการลดฝุ่นในบ้านและป้องกันฝุ่นเข้าบ้านนั้นมีหลากหลายวิธี แม้บางวิธีอาจดูเป็นเรื่องธรรมดาง่ายๆ แต่ก็ควรอาศัยความละเอียดใส่ใจในการขจัดฝุ่นทุกซอกทุกมุม อย่างการล้างเครื่องปรับอากาศ การปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดบ้าน การล้างทำความสะอาดมุ้งลวด ซึ่งบางครั้งการพึ่งผู้ที่มีความชำนาญอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการลงมือทำเอง เพื่อให้สามารถขจัดฝุ่นได้หมดจดยิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อสุขอนามัยของคนในบ้าน
รวมถามตอบ การรีโนเวตบ้าน เพื่อทราบถึงหลักการ การดำเนินการ และการเตรียมตัวเรื่องต่าง ๆ ให้พร้อมก่อนปรับปรุงบ้าน . สารบัญบทความ 1) รีโนเวตบ้านต่างจากการทุบบ้านหลังเดิมเพื่อสร้างใหม่อย่างไร? 2) รีโนเวตบ้านควรเริ่มต้นจากอะไร มีขั้นตอนอย่างไร? 3) เตรียมงบประมาณเท่าไหร่ในการรีโนเวตบ้าน? 4) ใช้เวลานานแค่ไหนในการรีโนเวตบ้าน? 5) รีโนเวตบ้านเก่าต้องขออนุญาตหรือไม่? 6) จะรู้ได้อย่างไรว่าบ้านเก่าของเราสามารถรีโนเวตได้หรือไม่? 7) ควรเลือกผู้รับเหมาหรือบริษัทรีโนเวตบ้านแบบไหนดี? 8) รีโนเวตบ้านเก่าให้ดูดีขึ้น ใช้งานได้จริงทำอย่างไรได้บ้าง? 9) ถ้าอยากรีโนเวตบ้านแต่ยังอยู่ในบ้านได้ไหม? 10) จะควบคุมไม่ให้งบรีโนเวตบานปลายได้อย่างไร? . . 1) รีโนเวตบ้านต่างจากการทุบบ้านหลังเดิมเพื่อสร้างใหม่อย่างไร? การรีโนเวตเป็นการปรับปรุงบ้านเดิม เช่น ซ่อมแซม ต่อเติม เปลี่ยนวัสดุ หรือปรับฟังก์ชันการใช้งาน เหมาะกับบ้านที่โครงสร้างยังแข็งแรง แต่ต้องการปรับฟังก์ชันหรือความสวยงาม ส่วนการรื้อบ้านเดิมแล้วสร้างใหม่ทั้งหมด เหมาะกับบ้านที่ทรุดโทรมหนัก หรือเจ้าของบ้านต้องการเปลี่ยนรูปแบบ . ๐ รีโนเวตบ้าน (Renovation) คือการปรับปรุงบ้านเดิมให้ดีขึ้น หรือใช้งานได้ตอบโจทย์มากขึ้น โดยยังคงโครงสร้างหลักของบ้านเอาไว้ เช่น เสา คาน ผนังบางส่วน ตามสภาพที่ตรวจสอบแล้วว่ายังแข็งแรงปลอดภัย ข้อดี ส่วนใหญ่ประหยัดกว่าการสร้างบ้านใหม่ ใช้เวลาไม่นานเท่าการสร้างบ้านใหม่ เก็บเสน่ห์หรือความทรงจำของบ้านเดิมไว้ได้ ไม่ต้องทำเรื่องเอกสารใหม่มากนัก ข้อจำกัด โครงสร้างบ้านเดิมต้องแข็งแรง บางอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ดังใจ อาจติดข้อจำกัดของบ้านเดิม อาจพบปัญหาที่มองไม่เห็นหรือคาดไม่ถึง เช่น โครงสร้างเสา/คานชำรุด ท่อประปารั่ว ไฟฟ้ารั่ว ฯลฯ . ๐ สร้างบ้านใหม่ (New Construction) คือการรื้อทั้งหมดแล้วสร้างใหม่ ซึ่งเริ่มออกแบบและก่อสร้างทุกอย่างตั้งแต่ศูนย์ ข้อดี ออกแบบได้ตามใจ 100% ทั้งฟังก์ชันและดีไซน์ อายุการใช้งานยาวนานเพราะโครงสร้างใหม่ทั้งหมด ระบบต่างๆ อย่างไฟฟ้า–ประปาได้มาตรฐานกว่า เพราะออกแบบวางใหม่ทั้งหมด ข้อจำกัด ส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรีโนเวต ส่วนใหญ่ใช้เวลานานกว่า ขั้นตอนเอกสารอาจมากกว่า (ขออนุญาตก่อสร้าง ฯลฯ) ก่อนการรีโนเวตบ้าน หลังการรีโนเวตบ้าน ภาพ: ตัวอย่างการรีโนเวตบ้าน . . 2) รีโนเวตบ้านควรเริ่มต้นจากอะไร มีขั้นตอนอย่างไร? การรีโนเวตบ้านให้ได้ดั่งใจควรเป็นไปตามลำดับขั้นตอนเพื่อให้ดำเนินการได้อย่างราบรื่นและควบคุมงบประมาณให้ได้มากที่สุด โดยมีขั้นตอนในภาพรวมดังนี้ . (1) ประเมินสภาพบ้าน สำรวจสภาพบ้านทั้งภายนอกภายในว่าบ้านมีปัญหาอะไรบ้าง เช่น หลังคารั่ว ผนังร้าว ระบบน้ำไฟเก่า โดยอาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างสถาปนิกหรือวิศวกรให้ช่วยประเมินโครงสร้างของบ้านร่วมด้วย . (2) กำหนดขอบเขตงานและงบประมาณ จัดรายการหมวดงาน เช่น โครงสร้าง พื้น ผนัง ฝ้า ประตู หน้าต่าง ระบบไฟ–น้ำ เฟอร์นิเจอร์ แยกให้ชัดเจนว่าอะไร “จำเป็นต้องซ่อมแซม” กับอะไร “อยากปรับให้สวยขึ้น” เพื่อวางงบประมาณได้อย่างเหมาะสม หากงบจำกัดให้จัดลำดับความสำคัญของงานที่จำเป็นต้องซ่อมแซมก่อนเพื่อความปลอดภัยหรือมีผลต่อการอยู่อาศัย เช่น โครงสร้าง งานระบบ . (3) ออกแบบ เป็นขั้นตอนที่เจ้าของบ้านมีส่วนร่วมได้มากที่สุด เพราะเป็นการกำหนดสิ่งที่เราต้องการ เช่น การเพิ่มพื้นที่ใช้งาน การกำหนด/ปรับเปลี่ยนกิจกรรม สไตล์แต่งบ้านที่ชอบ อาจหาภาพที่ชื่นชอบเพื่อสื่อสารกับผู้ออกแบบหรือผู้รับเหมาได้เข้าใจ . (4) ตรวจสอบข้อจำกัดด้านโครงสร้างและกฎหมาย สิ่งสำคัญในการรีโนเวตบ้านคือต้องคำนึงถึงโครงสร้างเป็นหลัก การต่อเติมหรือทุบผนังต้องแน่ใจว่าไม่กระทบกระเทือนต่อโครงสร้างเดิม เช่น ผนังนั้นเป็นผนังรับน้ำหนักหรือไม่ การต่อเติมเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้โครงสร้างเดิมหรือไม่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือวิศวกรเพื่อความปลอดภัย รวมถึงตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรีโนเวตไปจนถึงงานต่อเติม (ถ้ามี) . (5) เลือกผู้รับเหมา หาผู้รับเหมาที่ไว้ใจได้มีผู้แนะนำบอกต่อ หากไม่มี ควรตรวจสอบผลงานเก่า รีวิว หรือลองคุยเพื่อสื่อสารความเข้าใจ และควรขอใบเสนอราคา (BOQ) แบบละเอียดเพื่อพิจารณาก่อนเซ็นสัญญา ผู้รับเหมาที่ดีจะช่วยประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณได้ . (6) วางแผนและดำเนินงาน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของบ้าน เช่น จัดเก็บของให้เป็นระเบียบ ทิ้งสิ่งของที่ไม่จำเป็น ขนย้ายของ เตรียมพื้นที่เก็บเฟอร์นิเจอร์ หรือที่อยู่อาศัยชั่วคราวในกรณีที่ปรับปรุงซ่อมแซมใหญ่ไม่สามารถอยู่บ้านได้ วางลำดับทำงานในแต่ละส่วน เพื่อให้รีโนเวตเป็นไปอย่างราบรื่น การกำหนดตำแหน่งเสา-คาน ภาพ: ตัวอย่างการกำหนดตำแหน่งเสา-คานให้ชัดเจน เพื่อสรุปงานที่ต้องซ่อมแซมแก้ไขได้ตรงกัน . . 3) เตรียมงบประมาณเท่าไหร่ในการรีโนเวตบ้าน? งบประมาณในการรีโนเวตบ้าน “ไม่มีกำหนดตายตัว” เพราะขึ้นอยู่กับขนาดบ้าน วัสดุ ขอบเขตงาน และสภาพเดิม เช่น รีโนเวตเล็กน้อยอย่างทาสี เปลี่ยนวัสดุปูพื้น อาจเริ่มต้นด้วยหลักหมื่น แต่ถ้ารีโนเวตทั้งหลังหรือปรับโครงสร้างอาจใช้หลักแสน–หลักล้าน ที่สำคัญควรเผื่องบอย่างน้อย 10–15% สำหรับค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงไว้ด้วย . ๐ รีโนเวตเบื้องต้น ช่วงราคาโดยประมาณ 3,000–8,000 บาท/ตร.ม. เหมาะกับงานปรับปรุงให้สวยงามไม่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างและระบบ ได้แก่ ทาสี ปูพื้น เปลี่ยนโคมไฟ เปลี่ยนประตู ปรับปรุงห้องน้ำเฉพาะอุปกรณ์ (ไม่ทุบพื้น) . ๐ รีโนเวตระดับกลาง ช่วงราคาโดยประมาณ 8,000–18,000 บาท/ตร.ม. เป็นงานที่เริ่มเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานและแก้ระบบมากขึ้น ได้แก่ เปลี่ยนผังห้อง กั้นผนังใหม่ ปรับเปลี่ยนระบบไฟฟ้า/ประปาบางจุด ปรับปรุงห้องน้ำใหม่ทั้งหมด ทุบ/ก่อผนังบางจุด งานบิลต์-อินบางส่วน . ๐ รีโนเวตใหญ่/ทั้งหลัง ช่วงราคาโดยประมาณ 15,000–30,000+ บาท/ตร.ม. เหมาะกับบ้านเก่า 10–30 ปีที่ต้องการ “ยกเครื่องใหม่” เช่น เปลี่ยนระบบไฟฟ้า/ประปาทั้งหลัง ปรับโครงสร้างบางส่วน เปลี่ยนหลังคา ปรับผังบ้านใหม่ ตกแต่งใหม่ทั้งหลังพร้อมบิลต์-อิน . . 4) ใช้เวลานานแค่ไหนในการรีโนเวตบ้าน? สำหรับงานปรับปรุงต่อเติมเล็ก ๆ เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว จะใช้เวลาประมาณ 2–6 สัปดาห์ แต่หากรีโนเวตบ้านทั้งหลังอาจใช้เวลา 3–6 เดือน หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของงานและผู้รับเหมา ตลอดจนข้อจำกัดอื่น ๆ เช่น บางหมู่บ้านไม่อนุญาตให้ทำงานก่อสร้างในวันหยุด . . 5) รีโนเวตบ้านเก่าต้องขออนุญาตหรือไม่? การปรับปรุงต่อเติมบ้านจำเป็นต้องขออนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้องเช่นเดียวกับการสร้างบ้านใหม่ หากมีการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยหรือกระทบกับโครงสร้างเดิม ต้องขออนุญาตตามข้อกำหนดของกฎหมาย พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 . การรีโนเวตที่ไม่ต้องขออนุญาต เป็นการปรับปรุงพื้นที่ภายในบ้านเล็กน้อย เช่น ปรับปรุงห้องครัวเดิม ปรับปรุงห้องน้ำเดิม หรือเป็นการดัดแปลง เพิ่มเติม ที่ไม่ส่งผลต่อโครงสร้างบ้าน ดังนี้ การซ่อมแซมบ้านโดยใช้วัสดุเดิมที่มีขนาดเท่ากัน เช่น การเปลี่ยนพื้นหรือผนังไม้ผุโดยใช้ไม้แบบเดิม การปรับปรุงส่วนต่างๆ ที่ไม่ใช่โครงสร้าง โดยมีน้ำหนักเพิ่มเติมจากเดิมไม่เกิน 10% ของน้ำหนักอาคาร การเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบอาคาร เช่น ประตู หน้าต่าง ฝ้าเพดาน โดยมีน้ำหนักเพิ่มเติมไม่เกิน 10 % การเพิ่มขนาดพื้นที่ และการต่อเติมหลังคาไม่เกิน 5 ตารางเมตร โดยไม่มีการเพิ่มเติมหรือลดทอนเสาคาน . การรีโนเวตที่ต้องขออนุญาต หากเป็นการซ่อมแซมปรับปรุงที่นอกเหนือหรือเกินกว่าที่กล่าวไว้ข้างต้น เจ้าของบ้านจะต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาต พร้อมเอกสารประกอบการพิจารณาไปที่สำนักงานเขต เทศบาลตำบล หรือหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจพิจารณาภายใน 30 วัน เพิ่ม ลด ขยายขอบเขต รูปทรง น้ำหนัก ที่ไม่ใช่การซ่อมแซมหรือการดัดแปลงอาคารตามที่กฎหมายกำหนด เพิ่ม ลด เปลี่ยนเสา คาน บันได หรือส่วนอื่นที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างบ้าน การปรับปรุงส่วนต่างๆ ที่ไม่ใช่โครงสร้าง โดยมีน้ำหนักเพิ่มเติมจากเดิมเกิน 10% ของน้ำหนักอาคาร สถาปนิกหรือวิศวกรต้องคำนวณน้ำหนักโครงสร้างและเซ็นกำกับเพื่อแจ้งขออนุญาต . . 6) จะรู้ได้อย่างไรว่าบ้านเก่าของเราสามารถรีโนเวตได้หรือไม่? จริงแล้วควรให้วิศวกรหรือสถาปนิกตรวจสอบโครงสร้าง เช่น เสา คาน พื้น เพื่อประเมินว่ายังแข็งแรงพอจะรีโนเวตต่อหรือควรรื้อสร้างใหม่ แต่หากพิจารณาด้วยตนเองต้องคำนึง 4 ข้อสำคัญ ดังนี้ . ๐ สภาพโครงสร้างหลัก มีอาการผิดปกติหรือไม่ เช่น เสา/คานมีรอยร้าวลึก พื้นทรุด ผนังบวม/แอ่น หากมีควรให้วิศวกรตรวจสอบ . ๐ อายุบ้านและวัสดุเดิม บ้านอายุ 20–30 ปีขึ้นไป มักต้องตรวจระบบไฟ/น้ำใหม่ บ้านไม้หรือบ้านก่ออิฐรุ่นเก่า อาจต้องเสริมโครงสร้างก่อนทำงานตกแต่ง . ๐ ระบบไฟฟ้า/ประปา ถ้าสายไฟเก่ามาก/ท่อประปาเป็นสนิม/แรงดันน้ำมีปัญหา ต้องเปลี่ยนใหม่ก่อนเข้ารีโนเวต . ๐ ระดับความคุ้มค่า บางกรณีงบประมาณในการรีโนเวต “ใกล้เคียงกับการสร้างบ้านใหม่” เช่น โครงสร้างผุพังมาก ต้องรื้อแทบทั้งหมด ผังบ้านเดิมไม่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยเลย . . 7) ควรเลือกผู้รับเหมาหรือบริษัทรีโนเวตบ้านแบบไหนดี? ก่อนเลือกว่าจะใช้ผู้รับเหมารายย่อยหรือบริษัทรับเหมา/รีโนเวตบ้านแบบครบวงจร การเลือกให้เหมาะกับ “งาน + งบ + ความสบายใจ” เป็นเรื่องสำคัญ มีข้อแนะนำในการพิจารณา ดังนี้ . ๐ ขนาด และความซับซ้อนของงาน ถ้าเป็นงานรีโนเวตเล็กๆ เช่น ทาสี ติดตั้งพื้น/ผ้าม่าน/สุขภัณฑ์ ผู้รับเหมารายย่อยได้ แต่ถ้าเป็นการรีโนเวตใหญ่ อย่างมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ต่อเติมบ้าน เพิ่มพื้นที่ บริษัทที่มีทีมครบ (สถาปนิก, วิศวกร, ผู้รับเหมาช่างหลายสาขา) เหมาะสมกว่า . ๐ ความชำนาญ / ผลงาน / ความน่าเชื่อถือ ดูผลงานเก่า (Portfolio) ใกล้เคียงกับที่ต้องการ สไตล์ และคุณภาพผลงาน อาจดูรีวิวจากลูกค้าเก่าด้วยว่ามีปัญหาใดหรือไม่ และอาจตรวจสอบใบอนุญาต/การรับประกันผลงาน/คุณสมบัติต่าง ๆ (ถ้ามี) . ๐ การสื่อสาร / การวางแผน / สัญญา ถามให้ชัดเจนถึงขอบเขตงาน, รายการวัสดุ, ระยะเวลาทำงาน, ราคา, งวดการจ่ายเงิน, การประกันผลงาน และงานที่เสร็จเรียบร้อยแล้วจะเป็นอย่างไร หลีกเลี่ยงงานที่พูดปากเปล่า ควรมีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเพราะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังได้ . ๐ งบประมาณ & คุ้มค่าในระยะยาว อย่าเลือกแค่ “ราคาถูกสุด” เพราะอาจหมายถึงการใช้วัสดุคุณภาพต่ำ หรือการทำงานที่ไม่ได้มาตรฐาน เสี่ยงต่อปัญหาที่อาจตามมา ควรเปรียบต้นทุนระยะยาว (วัสดุ + งาน + การซ่อมบำรุง) ถ้าบริษัทมีคุณภาพดี อาจคุ้มค่าในระยะยาวกว่าแม้ค่าบริการจะสูงกว่าเล็กน้อย . . 8) รีโนเวตบ้านเก่าให้ดูใหม่ ใช้งานได้ดีขึ้น ทำอย่างไรได้บ้าง? การรีโนเวตบ้านเก่าให้ดูดีขึ้นแบบจับต้องได้ไม่จำเป็นต้องทุบทั้งหลังเสมอไป มักเป็นการปรับภาพรวมบางจุดให้บ้านดูโปร่ง สะอาด และใช้งานได้ดีขึ้น ซึ่งทำให้บ้านเก่าดูใหม่แบบทันตาเห็น . ๐ ปรับโทนสีบ้านใหม่ (ทั้งภายใน–ภายนอก) ทาสีหรือเลือกใช้วัสดุโทนสีสว่าง เช่น ขาว ครีม เทาอ่อน เบจ หรือเลือกสีโทนเอิร์ธโทนแนวโมเดิร์นมินิมอลก็ทำให้บ้านดูกว้าง โปร่ง และสมัยใหม่ เลือกใช้ผนังโทนสีขาว ภาพ: เลือกใช้ผนังโทนสีขาว และตกแต่งหัวเตียงด้วยวอลเปเปอร์สีพาสเทล . ๐ เปิดพื้นที่ให้โปร่ง (Open Plan) บ้านเก่ามักมีผนังแบ่งห้องเยอะทำให้ดูอึดอัด อาจเปิดพื้นที่นั่งเล่นกับพื้นที่รับประทานอาหารให้เชื่อมต่อกัน เอาผนังบางส่วนออกหรือขยายช่องเปิดให้ใหญ่ขึ้น ใช้ประตูกระจกแทนผนังทึบ บ้านจะดูสว่างโปร่งขึ้นทันที ทุบผนังภายในบางส่วน ภาพ: ทุบผนังภายในบางส่วนเพื่อให้พื้นที่นั่งเล่นกับพื้นที่รับประทานอาหารเชื่อมต่อกัน . ๐ เปลี่ยนหน้าต่าง/ประตูใหม่ เพิ่มแสงธรรมชาติ เปลี่ยนให้บานใหญ่ขึ้น บ้านดูทันสมัยและสว่าง เลือกใช้วัสดุยอดนิยมอย่างไวนิลสีขาวหรือสีดำ, อลูมิเนียมอบดำ ใช้กระจกเขียวตัดแสงหรือใสเพื่อให้บ้านดูโปร่งและไม่ทึบ . สนใจ ประตู คลิก\ . สนใจ หน้าต่าง คลิก\ . ๐ อัปเดตไฟส่องสว่างให้เป็นแบบยุคใหม่ ไฟช่วยเปลี่ยนบรรยากาศได้มากที่สุดแบบไม่ต้องทุบ แสงที่ดีจะช่วยให้บ้านดูแพงขึ้นทันที เช่น เลือกใช้ไฟโทนสี Warm White ใช้แสงไฟแบบ Indirect Light อย่างไฟหลืบซ่อนในฝ้าเพดาน/ผนัง . ๐ เปลี่ยนชุดครัว/ห้องน้ำให้เข้ายุค 2 ห้องนี้ช่วยบ่งบอกอายุบ้านมากที่สุด ห้องครัวใช้ดีไซน์เรียบเส้นตรง โทนขาว ดำ เทา ห้องน้ำปรับด้วยกระเบื้องลายเรียบ และเพิ่มพื้นที่กระจกใหญ่ เปลี่ยนสุขภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ . ๐ เปลี่ยน/ซ่อมแซมระบบไฟฟ้า ระบบประปา-ระบายน้ำ บ้านเก่าอายุเกิน 15 ปีมักมีปัญหาระบบประปา-ระบายน้ำ รวมถึงระบบไฟฟ้า-สายไฟที่เริ่มเสื่อมสภาพ ควรตรวจสอบและซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่เพื่อให้ใช้งานได้ในระยะยาว ก่อนปรับปรุง หลังปรับปรุง ภาพ: ตัวอย่างงานรีโนเวต เปลี่ยนหน้าต่าง เพิ่มช่องแสงธรรมชาติ เปลี่ยนโคมไฟ ราวบันไดและพื้นไม้ ทำให้บ้านดูทันสมัยขึ้น . . 9) ถ้าอยากรีโนเวตบ้านแต่ยังอยู่ในบ้านได้ไหม? เจ้าของบ้านสามารถอยู่อาศัยในบ้านได้หากเป็นงานตกแต่งเล็กน้อยหรือทำทีละส่วน ได้แก่ ทาสี ปูพื้นใหม่บางจุด ทำบิลต์-อินใหม่ รีโนเวตห้องน้ำทีละห้อง ปรับปรุงเฉพาะพื้นที่ (เช่น ห้องครัว, ห้องนอน) แต่ถ้าเป็นงานใหญ่อย่างงานทุบผนัง ปรับโครงสร้าง เดินระบบไฟฟ้า/ประปาใหม่ทั้งบ้าน งานก่อสร้างหนักที่มีฝุ่น เสียง สั่นสะเทือน แนะนำให้หาที่พักชั่วคราว . . 10) จะควบคุมไม่ให้งบรีโนเวตบานปลายได้อย่างไร? ต้องวางแผนและตรวจงานให้เป็นระบบ ไม่ปล่อยให้ผู้รับเหมาหรือสถานการณ์ลากเราไปไกลกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ ดังนี้ . ๐ วางแผนรายละเอียดตั้งแต่ต้น ทำรายการงานแบบละเอียดตั้งแต่ต้น ยิ่งละเอียดจะยิ่งคุมงบง่าย เช่น ทำพื้นบริเวณไหนบ้าง ใช้วัสดุอะไร ราคาเท่าไหร่, ต้องการงาน Built-in กี่จุด, เปลี่ยนหน้าต่าง/ประตูที่ตำแหน่งไหนบ้าง . ๐ เลือกวัสดุที่ตรงงบ เคล็ดลับช่วยให้บ้านดูดีขึ้นโดยไม่ต้องทุ่มเงินทั้งหลัง คือใช้หลัก 3 ระดับราคา (1)วัสดุหลักที่ต้องใช้เลือกของคุณภาพได้ตามงบ (2)วัสดุที่มองเห็นน้อยไม่จำเป็นต้องแพง (3)งานโชว์ เช่น ผนังหลังทีวี เลือกพรีเมียมเฉพาะจุด . ๐ ทำสัญญากับผู้รับเหมาให้ชัดเจน ในสัญญาควรระบุรายการงาน/รายการวัสดุครบ ราคารวม เงื่อนไขเปลี่ยนแปลงงาน วันที่ต้องเสร็จ ตารางจ่ายเงินตามความคืบหน้า (งวดงาน) หากมีงานเพิ่มเติมต้องทำใบเสนอราคาใหม่ก่อนทุกครั้ง . ๐ เผื่อค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน กันงบเผื่อ 10–15% ไว้สำหรับเรื่องไม่คาดคิด เช่น โครงสร้างชำรุด ท่อประปาแตกรั่วซึม การเผื่อเงินส่วนนี้ไว้ทำให้ไม่เครียดเมื่อเจอปัญหา . ๐ คุมการเปลี่ยนแปลงระหว่างงานให้น้อยที่สุด การเปลี่ยนดีไซน์หรือวัสดุหลังเริ่มงานคือสาเหตุใหญ่ของงบที่สูงขึ้นจนเกินที่กำหนดไว้ หากจำเป็นต้องเปลี่ยนจริง ๆ ให้ขอราคาใหม่ก่อนเสมอ ไม่ควรตกลงแบบปากเปล่า สภาพโครงสร้างเสาคานใต้พื้นทรุด ภาพ: สภาพโครงสร้างเสาคานใต้พื้นทรุดซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่มองไม่เห็น จึงไม่คาดคิดในการเตรียมค่าใช้จ่าย . . SCGHOME.COM มีบริการออกแบบก่อสร้างโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและจองสำรวจได้ ที่นี่\ . . อ่านเพิ่มเติม: รีวิวปรับปรุงบ้านไม้เก่า กับ 5 เรื่องที่ต้องเตรียมความพร้อม\ . อ่านเพิ่มเติม: สร้างบ้านใหม่/รีโนเวตบ้าน เจ้าของบ้านซื้ออะไรเองได้\
ข้อชี้แนะสำหรับผู้ที่อยากสร้างบ้านใหม่ ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ทั้งในเรื่องของแนวทางการสร้างบ้านและการจัดเตรียมงบประมาณเบื้องต้น >หากท่านคิดอยากจะมีบ้านซักหลัง ไม่ว่าจะซื้อหรือจะสร้างบ้านเอง เจ้าของบ้านหลายท่านอาจจะสับสนไม่น้อยและไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เจ้าของบ้านจึงควรศึกษาข้อมูลหลายๆ ด้านเพื่อประกอบการตัดสินใจ เนื่องจากบ้านนั้นเป็นเหมือนความฝันและความภาคภูมิใจของหลายๆ ท่านที่ต้องการสร้างมันขึ้นมาสักครั้งในชีวิตเลยทีเดียว >## อยากมีบ้านใหม่ เริ่มต้นอย่างไรดี >การที่เราจะมีบ้านซักหลังนั้นท่านสามารถพิจารณาตามเหตุผลและปัจจัยประกอบในการนำมาตัดสินใจของแต่ละท่านที่ต่างกันออกไป เพื่อเลือกใช้บริการในรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด เช่น ในกรณีที่ท่านต้องการบ้านพร้อมอยู่อาศัยหรือรอระยะเวลาผ่อนดาวน์ได้ การเลือกซื้อบ้านจัดสรรโครงการต่างๆ ก็สามารถตอบโจทย์ในส่วนนี้ โดยเจ้าของบ้านสามารถพิจารณาจากความเหมาะสมเรื่องทำเลที่ตั้งและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ดีไซน์ของบ้าน ความเชื่อมั่นในแบรนด์โครงการนั้น รวมถึงต้องการได้รับความสะดวกสบายในการใช้พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ และสุดท้ายราคาบ้านควรอยู่ในงบประมาณที่จัดเตรียมไว้หรือไม่เกินความสามารถในการกู้ธนาคารของผู้จะกู้ซื้อบ้าน รับสร้างบ้าน scg บริษัทรับสร้างบ้าน ขั้นตอนการสร้างบ้าน สร้างบ้านใหม่ สร้างบ้านสไตล์โมเดิร์น >ภาพ: ตัวอย่างบ้านสไตล์โมเดิร์นจากโครงการหมู่บ้านจัดสรร >## จะสร้างบ้านใหม่ เริ่มต้นอย่างไรดี >ในกรณีที่เจ้าของบ้านมีที่ดินเปล่าอยู่แล้ว สามารถหาผู้ออกแบบหรือก่อสร้างได้หลายลักษณะ อาทิ บริษัทรับสร้างบ้านที่ให้บริการครบวงจรตั้งแต่ให้คำปรึกษา ออกแบบ ควบคุมงานก่อสร้าง จนสร้างแล้วเสร็จ กรณีนี้จะให้ความสะดวกสบายกับเจ้าของบ้านในแง่ของการติดต่อประสานงานกับบริษัทรับสร้างบ้านเพียงเจ้าเดียว แต่อาจจะมีข้อจำกัดเรื่องแบบบ้านที่ยังไม่ตอบโจทย์เรื่องดีไซน์ ซึ่งการปรับแก้ไขแบบรวมถึงวัสดุที่ทางบริษัทมักมีมาตรฐานให้เลือกนั้นจะขึ้นอยู่กับงบประมาณ จึงไม่สามารถปรับแก้ได้มากนัก อีกทั้งรูปแบบการก่อสร้างก็จะต้องสร้างตามความถนัดของบริษัทรับสร้างบ้านนั้นๆ ด้วย รับสร้างบ้าน scg บริษัทรับสร้างบ้าน Design Connext >ภาพ: ตัวอย่างบ้านแบบต่างๆ จากผู้ให้บริการรับสร้างบ้านครบวงจร ซึ่งมีหลากหลายแบบให้ลูกค้าเลือก สนใจ บริการออกแบบก่อสร้าง คลิก\ >หรือเจ้าของบ้านหลายท่านอาจเลือกที่จะว่าจ้างสถาปนิกและผู้รับเหมาเอง เพราะต้องการแบบบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งด้านดีไซน์ ผ่านการวิเคราะห์แบบตั้งแต่ตำแหน่งที่ตั้ง ทิศทางการวางอาคารให้เหมาะสมกับทิศทางแดด ลม พฤติกรรมการใช้สอยพื้นที่ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และการเลือกใช้วัสดุที่หลากหลาย รวมไปถึงต้องการเลือกผู้รับเหมาที่มีความสามารถในการก่อสร้างตามแบบสถาปนิกและความถนัดในการก่อสร้างที่ต่างกันออกไปในแต่ละเจ้า และกรณีนี้เจ้าของบ้านจะต้องเป็นผู้คัดหาสถาปนิกและผู้รับเหมาที่มีคุณภาพงานที่ดี มีความรับผิดชอบ รวมถึงต้องประสานงานด้วยตนเอง และต้องมีระยะเวลาเผื่อสำหรับการออกแบบและก่อสร้างจนแล้วเสร็จ รวมถึงควรกำหนดงบประมาณให้ดีไม่บานปลายอีกด้วย แบบบ้าน แบบสถาปัตยกรรม ขั้นตอนการสร้างบ้าน >ภาพ: ตัวอย่างแบบสถาปัตยกรรมที่จัดทำโดยสถาปนิก สนใจ บริการออกแบบก่อสร้าง คลิก\ >## จะสร้างบ้านใหม่ เตรียมงบประมาณอย่างไรดี >ในส่วนการเตรียมงบประมาณ หากเลือกที่จะซื้อบ้านโครงการนั้น กรณีไม่ซื้อด้วยเงินสดและจะขอสินเชื่อบ้านกับธนาคาร ควรประเมินความสามารถและสภาพคล่องทางการเงินของตัวเอง รวมถึงภาระหนี้สินอื่นที่มีอยู่ เพื่อขอวงเงินกู้ที่เหมาะสม และควรมีเงินดาวน์อย่างน้อย 10-20% ของมูลค่าบ้าน เนื่องจากธนาคารมักปล่อยสินเชื่อที่ 80-90% ของมูลค่าบ้านซึ่งนอกจากราคาบ้านแล้วต้องเผื่องบสำหรับตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ฟ้าต่างๆ ที่จำเป็น ค่าส่วนกลาง รวมถึงค่าต่อเติมเพิ่มพื้นที่ใช้สอยหากมีแผนในอนาคตอีกด้วย >ส่วนกรณีต้องการว่างจ้างสถาปนิกออกแบบและหาผู้รับเหมาเองนั้น ค่าใช้จ่ายจะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ ค่าบริการวิชาชีพสถาปนิกและค่าก่อสร้าง ในส่วนค่าบริการวิชาชีพสถาปนิกหรือค่าจ้างสถาปนิกเพื่อออกแบบนั้นหมายรวมถึงค่าจ้างวิศวกรคำนวณโครงสร้าง งานระบบต่างๆ เรียบร้อยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 7.5% ของมูลค่าก่อสร้างบ้าน สำหรับการออกแบบบ้านพักอาศัยทั่วไปที่มูลค่าก่อสร้างไม่เกิน 10 ล้านบาท (อ้างอิงจากคู่มือสถาปนิก พ.ศ. 2547 โดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์) หากมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาทก็จะมีวิธีการคิดค่าบริการตามสัดส่วน ทั้งนี้แต่ละบริษัทออกแบบหรือสถาปนิก Freelance แต่ละท่านจะอ้างอิงตามราคามาตรฐานหรือ อาจจะแตกต่างจากนี้ได้ตามประสบการณ์การทำงาน และความยากง่ายของงานออกแบบหรือปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ซึ่งท่านต้องสอบถามและศึกษารายละเอียดราคา สัญญาการทำงานกับทางบริษัทออกแบบหรือสถาปนิกท่านนั้นๆโดยตรง สร้างบ้านใหม่ ขั้นตอนการสร้างบ้าน สถาปนิก ตรวจรับบ้าน >ภาพ: นอกเหนือจากการออกแบบแล้ว สถาปนิกอาจเป็นผู้ตรวจสอบความเรียบร้อยของงานก่อสร้างบ้านด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขอบเขตงานในสัญญาว่าจ้าง >ในส่วนของค่าก่อสร้างบ้านนั้น ปกติจะมีแนวโน้มที่สูงขึ้นทุกปี ขึ้นอยู่กับค่าวัสดุและค่าแรงงานก่อสร้างในปัจจุบัน เจ้าของบ้านสามารถประเมินราคาค่าก่อสร้างเบื้องต้นเพื่อเตรียมงบประมาณก่อสร้างได้จากราคาค่าก่อสร้างต่อตร.ม. ของพื้นที่ใช้สอย ยกตัวอย่างเช่น ในปัจจุบัน (พ.ศ. 2564) ค่าก่อสร้างบ้านโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 15,000-18,000 บาทต่อตร.ม. (อาจมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นกับปัจจัยอื่นๆ ได้ เช่น สร้างบ้านใน กทม. และปริมณฑล อาจมีราคาที่สูงกว่าสร้างในพื้นที่ต่างจังหวัดเนื่องจากค่าแรงที่แตกต่างกัน หรือแหล่งที่มาของวัสดุ ค่าขนส่งวัสดุ) ดังนั้น หากบ้านมีพื้นที่ใช้สอย 200 ตร.ม. ค่าก่อสร้างเบื้องต้นจะอยู่ที่ 200 x (15,000-18,000) บาท = 3,000,000-3,600,000 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวนี้จะยังไม่ใช่ราคาค่าก่อสร้างที่แท้จริง แต่ใช้สำหรับประมาณการในการเตรียมงบประมาณได้ สำหรับราคาค่าก่อสร้างที่แท้จริงนั้นเจ้าของบ้านต้องพิจารณาจากแบบก่อสร้าง และ BOQ หรือรายการแสดงปริมาณงานและราคาวัสดุก่อสร้างที่ถอดมาจากแบบก่อสร้างอย่างละเอียดโดยผู้ออกแบบหรือผู้รับเหมารายที่เจ้าของบ้านเลือกว่าจ้างให้ดำเนินการก่อสร้างให้ และนอกจากค่าว่าจ้างสถาปนิกออกแบบและค่าก่อสร้างดังที่กล่าวมาแล้ว เจ้าของบ้านควรเตรียมงบประมาณเผื่อสำหรับค่าออกแบบตกแต่งภายใน ค่าเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ หรือสำรองค่าใช้จ่ายในกรณีที่บานปลายไว้อีกด้วย สนใจ บริการออกแบบก่อสร้าง คลิก\ >ทั้งหมดที่กล่าวมาเบื้องต้น น่าจะช่วยให้เจ้าของบ้านหลายๆ ท่านมีแนวทางในการตัดสินใจเลือกซื้อบ้านหรือใช้บริการออกแบบก่อสร้างรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับตนเองได้ รวมถึงสามารถคำนวณงบประมาณค่าแบบ ค่าก่อสร้างเบื้องต้นเพื่อให้เป็นไปตามแผนและงบประมาณที่ตั้งไว้อีกด้วย >เรื่องโดย: วิลาวัณย์ ประมวลวรกิจ จาก SCG HOME Experience >อ่านเพิ่มเติม: 4 แนวทางสร้างบ้านใหม่ ทำอย่างไรได้บ้าง