เปรียบเทียบการเลือกใช้กระจกที่ช่องแสงประตูหน้าต่างระหว่างกระจกลามิเนตกับกระจกธรรมดาติดฟิล์ม หากต้องการเพิ่มคุณสมบัติในการช่วยลดความร้อนและเรื่องนิรภัยต่าง ๆ
ประตูหน้าต่างและช่องแสงที่เป็นกระจก เป็นส่วนที่แสงและความร้อนสามารถส่องผ่านเข้ามาได้ ทั้งยังมีความเปราะบาง เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ยิ่งหากเป็นกระจกบานใหญ่ด้วยแล้ว หากเกิดการแตกเสียหาย ก็อาจส่งผลต่อร่างกายของสมาชิกในบ้านได้ ปัจจุบันมีกระจกที่มีคุณสมบัติทั้งช่วยลดร้อนและเป็นกระจกนิรภัยในตัว นั่นก็คือ “กระจกลามิเนต” นอกจากนี้ยังมีอีกทางเลือกคือ “กระจกธรรมดามาติดฟิล์มเพิ่มที่ด้านใน” การตัดสินใจว่าจะเลือกใช้แบบไหนดี คงต้องดูข้อมูลหลายๆ ส่วนมาประกอบกัน
มาทำความรู้จักกับกระจกทั้งสองแบบ
กระจกลามิเนต (Laminated Glass) เป็นกระจกรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากการนำกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบกันโดยมีแผ่นฟิล์มนิรภัย PVB (Poly Vinyl Butyral) อยู่ระหว่างกลางเพื่อยึดกระจกให้มีความแข็งแรงทนทานมากยิ่งขึ้น มีคุณสมบัติเด่นคือ เมื่อกระจกได้รับความเสียหายจนเกิดการแตกจะยังคงรูปเป็นแผ่นดังเดิม ไม่ร่วงหล่นเป็นเศษเล็กๆ เพราะแผ่นฟิล์มตรงกลางทำหน้าที่เป็นตัวยึดเกาะไม่ให้เศษกระจกหลุดร่วงลงมาที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้ จึงมีความปลอดภัยต่อสมาชิกในบ้านหรือคนที่เดินผ่านไปมา
นอกจากนี้ยังมีข้อดีเรื่องช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกและเก็บเสียงได้ดีกว่ากระจกธรรมดา (ที่มีความหนากระจกรวมเท่ากัน) ช่วยป้องกันความร้อนได้ดีและกันรังสียูวีได้มากกว่า 90% ทนต่อแรงดังลมในที่สูง ทนต่อแรงอัดกระแทก ช่วยป้องกันการบุกรุกจากการโจรกรรมได้ (ขึ้นอยู่กับสเปคของกระจกและฟิล์ม) อีกทั้งสามารถเคลือบสีได้ตามความต้องการอีกด้วย
*มีข้อควรคำนึงคือ ตัวฟิล์ม PVB มีคุณสมบัติดูดความชื้น หากใช้กระจกนี้ในบริเวณที่มีความชื้นสูง จะทำให้การยึดเกาะระหว่างกระจกและฟิล์มไม่ดี และอาจเกิดการแยกตัวออกจากกันได้
ภาพ: กระจกลามิเนต เกิดจากการนำกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบกันโดยมีแผ่นฟิล์มนิรภัย PVB (Poly Vinyl Butyral) อยู่ระหว่างกลางเพื่อยึดกระจกให้มีความแข็งแรงทนทาน
ภาพ: กระจกลามิเนตตอนเมื่อได้รับความเสียหายจนเกิดการแตกจะยังคงรูปเป็นแผ่นดังเดิม
กระจกธรรมดาที่ติดฟิล์มทีหลัง ฟิล์มจะถูกติดที่กระจกฝั่งด้านในบ้าน ซึ่งมีทั้งฟิล์มกรองแสงและฟิล์มนิรภัยให้เลือกใช้
ฟิล์มกรองแสง จะมีเฉดสีต่าง ๆ มีความทึบแสง โปร่งแสง ค่าการสะท้อนแสงที่หลากหลาย ช่วยลดแสงจ้า ให้ความรู้สึกสบายตา ลดความเครียดของดวงตา ช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้า ช่วยชะลอความซีดจางของเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน เพิ่มความสวยงามให้กับบ้านหรืออาคารได้อีกด้วย อีกทั้งดูแลรักษาง่าย กันรอยขีดข่วนที่จะเกิดบนผิวกระจก
ฟิล์มนิรภัย เหมาะสำหรับกรณีที่เน้นเรื่องความแข็งแรงปลอดภัยเป็นหลัก ควรเลือกใช้ฟิล์มนิรภัย*จากผู้ผลิตฟิล์มที่ได้มาตรฐาน (ขึ้นอยู่กับคุณภาพของฟิล์มแต่ละยี่ห้อด้วย) เพราะจะช่วยลดการแตกกระจายของเศษกระจก และลดโอกาสการถูกโจรกรรมได้ (ฟิล์มกันร้อนก็ช่วยทำให้เศษกระจกเกาะตัวกันได้ประมาณหนึ่ง แต่ไม่มากเท่ากับฟิล์มนิรภัย)
ติดฟิล์มกันร้อน ฟิล์มนิรภัย บ้าน อาคาร คอนโด คลิก
ภาพ: กระจกธรรมดา มีความหนาให้เลือกหลากหลาย
ภาพ: กระจกธรรมดาตามอาคารบ้านเรือน มาติดฟิล์มทีหลัง
ทั้งนี้ ฟิล์มนิรภัยก็มีคุณสมบัติเรื่องการลดความร้อนด้วยเช่นกัน โดยช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้สูงถึง 79% (ขึ้นอยู่กับฟิล์มแต่ละรุ่น) ป้องกันรังสียูวีได้มากกว่า 99% และยังสามารถเลือกได้หลายสีหลายชนิดตามความต้องการ
*ฟิล์มนิรภัยที่มีคุณภาพจะต้องหนาตั้งแต่ 4 มิล. (mil) หรือ 100 ไมครอนขึ้นไป และฟิล์มนิรภัยไม่สามารถป้องกันการแตกของกระจกได้
ภาพ: ตัวอย่างฟิล์มกรองแสงของลามิน่า เป็นฟิล์มที่มี “ชั้นกาวพิเศษ (Mounting Adhesive)” ที่ยึดโพลีเอสเตอร์และอณูกระจกไว้ด้วยกัน, “ชั้นแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์คุณภาพเยี่ยม (ชั้นที่ 1)” เคลือบโลหะและ UV Absorbent ช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้เกือบ 80% ป้องกันรังสียูวีมากกว่า 99%, “ชั้นกาว (Laminating Adhesive)” ช่วยยึดแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ไว้ด้วยกัน, “ชั้นแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์คุณภาพเยี่ยม (ชั้นที่ 2)” ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดความร้อน มีความเหนียวทนทาน, “ชั้นสารกันรอยขูดขีดชนิดผลึกคริสตัลโปร่งใสพิเศษ” ป้องกันไม่ให้ฟิล์มเป็นรอยขูดขีด
ภาพ: ตัวอย่างฟิล์มนิรภัยของลามิน่า ซึ่งเป็นฟิล์มที่ผ่านขั้นตอนการผลิตแบบเดียวกันกับฟิล์มกรองแสงติดอาคารทั่วไป มีความแตกต่างตรงการเพิ่มชั้นโพลีเอสเตอร์ และปริมาณกาวชนิดพิเศษที่มี คุณสมบัติในการยึดติดอย่างเหนียวแน่นให้มีมากกว่าชั้นฟิล์มทั่วไป การเพิ่มชั้นโพลีเอสเตอร์ และปริมาณกาวจะมากกว่าในปริมาณเท่าใด ขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแรงทนทานที่ต้องการ การติดตั้งฟิล์มนิรภัยที่กระจกธรรมดาจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความแข็งแรงในการลดแรงกระแทกจากวัตถุภายนอกได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ การระเบิด แผ่นดินไหว พายุ ฯลฯ
ภาพ: กระจกติดฟิล์มนิรภัย เมื่อถูกของกระแทกจะยังคงรูปเป็นแผ่นดังเดิมเช่นเดียวกัน
โดยรวมแล้ว อาจสรุปข้อมูลสำหรับการเลือกใช้ระหว่างกระจกลามิเนต และกระจกธรรมดาที่ติดฟิล์ม ได้ดังนี้
รูปแบบบ้าน หากเป็นบ้านที่กำลังสร้าง หรือบ้านเดิมที่กำลังจะรื้อเปลี่ยนประตูหน้าต่างใหม่ สามารถเลือกได้เลยว่าจะใช้กระจกแบบไหน แต่หากเป็นบ้านที่ยังไม่ต้องการรื้อเปลี่ยนประตูหน้าต่างใหม่ หรือคอนโดมิเนียมที่ไม่สามารถแก้ไขชุดประตูหน้าต่างได้ ควรเลือกติดฟิล์มที่กระจกเดิม
งบประมาณ จะขึ้นอยู่กับความหนากระจกที่เลือกใช้ สำหรับความหนากระจกที่นิยมใช้ในบ้านพักอาศัยนั้น ราคากระจกลามิเนตจะสูงกว่ากระจกธรรมดา โดยค่าฟิล์มพร้อมติดตั้งสำหรับฟิล์มกรองแสงจะเริ่มต้นที่ 135 บาทต่อตารางฟุต ฟิล์มนิรภัยจะเริ่มต้นที่ 150 บาทต่อตารางฟุต
การดูแลรักษา ในด้านนี้จะพิจารณากันที่ฟิล์มซึ่งเป็นตัวเพิ่มคุณสมบัติให้กับกระจกเป็นหลัก อายุการใช้งานของฟิล์มมักขึ้นอยู่กับคุณภาพของเนื้อฟิล์มที่ใช้และกาวประสาน กระจกลามิเนตหากใช้งานผิดประเภทอาจมีการเสื่อมสภาพของฟิล์ม จะไม่สามารถแก้ไขได้ ต้องรื้อเปลี่ยนทั้งกระจกซึ่งยุ่งยากพอสมควร โดยอายุการใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 10 ปี (กรณีที่มีการใช้งานถูกประเภท) ส่วนการติดฟิล์มในภายหลัง หากฟิล์มเสื่อมสภาพ หรือเสียหาย หลุดลอก สามารถรื้อเปลี่ยนใหม่ได้ โดยมีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ 12-13 ปี และยังมีการรับประกันตามเงื่อนไขของบริษัทผู้ติดตั้งอีกด้วย
ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ น่าจะพอเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ว่าจะเลือกกระจกแบบไหนให้ตอบโจทย์และเหมาะกับบ้านเรามากที่สุดนะคะ
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล: