เก้าอี้นวดไฟฟ้าจะเลือกซื้อแบบไหนดีให้ใช้งาน คุ้มราคา และที่สำคัญต้องมาพร้อมความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน…
เมื่อเกิดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายไม่ว่าจะมาจากความเครียด ออฟฟิศซินโดรมหรือการนั่งนอนท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานาน แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เรามักจะนึกถึง คือ “การไปนวด” เพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย กระตุ้นให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้นและยังช่วยให้หลับสบาย แต่หากจะให้เข้าร้านนวดบ่อย ๆ ก็คงต้องเสียเงินชั่วโมงละหลายร้อยบาทกันไปยาว ๆ บ้างก็ไม่สะดวกจะไปร้านนวดบ่อย ๆ อีกทั้งการหาหมอนวดที่ถูกใจนั้นยิ่งยากเข้าไปอีก… ดังนั้นคนเลยเริ่มมองหา “เก้าอี้นวดไฟฟ้า” ไปใช้ที่บ้านกันมากขึ้น
เก้าอี้นวดไฟฟ้าแม้จะมีราคาที่สูงแต่หากเลือกให้ดีก็สามารถใช้งานกันได้ยาว ๆ แต่จะเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าอย่างไรให้คุ้มค่า คุ้มราคา วันนี้ SCG Home มี 7 วิธีเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้ามาแนะนำ…
1. เลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์การใช้งาน
โดยส่วนมากเก้าอี้นวดไฟฟ้ามักจะมาพร้อมฟังก์ชันการนวดทั้งตัวตั้งแต่หัวไปจนถึงเท้า และมีโหมดที่เซตให้นวดได้แบบเฉพาะจุดที่เราต้องการได้ เช่น การนวดคอ บ่า ไหล ขา และเท้า นอกจากนี้ยังมีโหมดต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งโปรแกรมการนวดอาจจะมีโหมดให้เลือกสูงถึง 10 โหมด (แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อ) ดังนั้นควรเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่มีโหมดหรือโปรแกรมการนวดที่ตอบโจทย์กับการใช้งานของเราเป็นหลัก
ยกตัวอย่างโหมดการทำงานของเก้าอี้นวดไฟฟ้าในปัจจุบัน
- โหมดโยคะหรือยืดตัวเพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อเสมือนเล่นโยคะ
- โหมดการนวดประคบร้อนเพื่อช่วยผ่อนคลายเส้น
- โหมดนวดแรงเพิ่อกระตุ้นกล้ามเนื้อ
- โหมดการนวดเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
- โหมดการนวดกดจุดหรือการกดเฉพาะจุดที่ปวดหนัก ๆ
- โหมดปรับเอนนอนได้ตามองศาที่ต้องการ
ภาพ: เก้าอี้นวดไฟฟ้าจากแบรนด์ TOYOKI ที่มาพร้อมโปรมแกรมการนวดตั้งแต่หัวจนถึงเท้า
ภาพ: เก้าอี้นวดไฟฟ้าจากแบรนด์ TOYOKI กับระบบการนวดด้วยลูกกลิ้ง 14 หัว เน้นนวดหลังเป็นพิเศษ
ภาพ: เก้าอี้นวดไฟฟ้าจากแบรนด์ TOKUYO มีระบบการนวดแบบประคบร้อนและนวดเฉพาะจุด>
สนใจ เก้าอี้นวดและอุปกรณ์นวดไฟฟ้า คลิก
2. มีคุณสมบัติเฉพาะที่เหนือกว่า
ในปัจจุบันเก้าอี้นวดไฟฟ้าแต่ละยี่ห้อมักจะเสริมฟังก์ชันพิเศษเข้ามาในเครื่องนวด เพื่ออำนวยความสะดวกครบครันที่นอกเหนือจากการนวด เช่น
- เก้าอี้นวดที่สามารถเชื่อมต่อกับลำโพงบลูทูธได้ เพื่อเพิ่มความบันเทิงขณะนวด
- เก้าอี้นวดไฟฟ้าที่ออกแบบช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จมือถือและช่องวางโทรศัพท์
- ออกแบบเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่มีขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ในบ้าน
- ออกแบบเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่ทันสมัย เช่น การสั่งการแบบจอสัมผัส
- เพิ่มเบาะเสริมรองนั่งเก้าอี้นวดไฟฟ้าเพื่อลดความแรงของการนวด
- เก้าอี้นวดไฟฟ้าที่มาพร้อมกับล้อเลื่อนเพื่อเคลื่อนย้ายได้สะดวกยิ่งขึ้น
ภาพ: เก้าอี้นวดไฟฟ้าที่ออกแบบการเชื่อมต่อกับลำโพงบลูทูธได้ เพื่อเพิ่มความบันเทิงขณะนวด
ภาพ: เก้าอี้นวดไฟฟ้าที่ออกแบบช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จมือถือและช่องวางโทรศัพท์
ภาพ: เก้าอี้นวดไฟฟ้าจากแบรนด์ TOKUYO ออกแบบล้อเลื่อน เบาะเสริม เหมือนรองคอ เพื่อความสะดวกสบายที่เหนือกว่า
3. เลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่รองรับน้ำหนักตัวได้ดี
ประเมินน้ำหนักตัวของผู้ใช้ก่อนว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เก้าอี้นวดไฟฟ้าสามารถรองรับได้ไหม เนื่องจากหากเรามีน้ำหนักที่เยอะเกินเก้าอี้นวดไฟฟ้าจะรับได้ อาจทำให้ประสิทธิภาพในการนวดเพื่อผ่อนคลายลดลง และเป็นอันตรายต่อตัวผู้ใช้เอง ทั้งนี้เก้าอี้นวดไฟฟ้าเองก็ต้องมีความแข็งแรงและทนทานพอที่จะรองรับการใช้งานหนัก นอกจากนี้หากผู้ใช้งานมีรูปร่างที่ค่อนข้างใหญ่ อาจจะเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่มีที่นั่งกว้างขึ้น เพื่อให้มีพื้นที่ในการยืดตัว
ภาพ: เลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่สามารถรองรับน้ำหนักตัวได้ดี ที่นั่งกว้าง นั่งสบาย
สนใจ เก้าอี้นวดและอุปกรณ์นวดไฟฟ้า คลิก
4. การรับประกันของเก้าอี้นวดไฟฟ้า
สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงในการเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้ามาใช้งานในบ้านคือการรับประกันสินค้าเพราะหากเก้าอี้นวดไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ ต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ทำงานได้ตามปกติ ในส่วนของการซ่อมแซมหากมีประกันที่ครอบคลุมก็จะทำให้ประหยัดค่าใช้ไปได้
การรับประกันที่ควรคำนึง
- การรับประกันด้านวัสดุสินค้า เช่น หากเบาะนั่งเป็นวัสดุหนังที่กรอบ แตก ย้วยหรือลอกก็สามารถเปลี่ยนหรือส่งซ่อมได้ แต่ก็ใช่ว่าจะมีทุกยี่ห้อ ดังนั้นควรอ่านรายละเอียดการรับประกันแต่ละยี่ห้อก่อนตัดสินใจซื้อ
- การรับประกันมอเตอร์ โดยทั่วไปแล้วระยะเวลาในการรับประกันจะเริ่มต้นที่ 1 ปี จนถึง 5 ปี
เก้าอี้นวดไฟฟ้าที่มีการรับประกันสินค้าอายุยาวนานเท่าไรก็จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น เพราะหากใช้งานไป 1 ปี แล้วเกิดปัญหาสามารถส่งซ่อมได้โดยไม่เสียเงินเพิ่มหรือบานปลาย
ภาพ: การรับประกันสินค้าของเก้าอี้นวดไฟฟ้าจากแบรนด์ TOKUYO ยาวนานสูงถึง 5 ปี
5. ความปลอดภัยและได้รับมาตรฐาน
เก้าอี้นวดไฟฟ้าแน่นอนว่ามาพร้อมระบบการนวดด้วยไฟฟ้า ดังนั้นควรให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยจากยี่ห้อที่ได้มาตรฐานหรือเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฏหมายชัดเจน
6. บริการหลังการขายและความน่าเชื่อถือของแบรนด์
การบริการหลังการขายของเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่ควรจะต้องมีได้แก่ 1) พนักงานที่มีความรู้และความพร้อมในให้บริการลูกค้า 2) มีการตรวจสอบสภาพเก้าอี้นวดได้ถึงบ้านและเร็วทันใจ 3) มีอะไหล่ที่พร้อมรองรับกับสินค้าทุกรุ่น ซึ่งที่ทั้งหมดกล่าวมานี้ต้องมีศูนย์บริการที่เพียงพอด้วย นั่นหมายความว่าแบรนด์เก้าอี้นวดไฟฟ้าที่เราเลือกซื้อจะต้องเป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือได้
7. เก้าอี้นวดไฟฟ้าราคาย่อมเยา
หากจะพูดถึงเรื่องราคาของเก้าอี้นวดไฟฟ้า นับว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง ตั้งแต่หลักหมื่นกลาง ๆ ไปจนถึงหลักแสน (5x,xxx - 3xx,xxx.-) ราคาดังกล่าวก็มาพร้อมคุณสมบัติหรือฟังก์ชันที่เหนือกว่าไปตามลำดับ ซึ่งเราสามารถนำมาเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อเมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่ให้มาได้ ส่วนเก้าอี้นวดไฟฟ้าบางรุ่นที่ราคาหลักแสนจะเรียกว่าแพงก็คงจะไม่ถูกซะทีเดียว เพราะหากคำนึงถึงความคุ้มค่าในระยะยาวและการซื้อมาเพื่อใช้งานได้ทั้งบ้านก็นับว่าเป็นราคาที่น่าลงทุนไม่น้อย
ภาพ: การนวดผ่อนคลายด้วยเก้าอี้นวดไฟฟ้า
ภาพ: ใช้เก้าอี้นวดไฟฟ้านวดผ่อนคลายในบ้านได้ทุกเวลาที่ต้องการ
แนวทางการเลือกเก้าอี้นวดไฟฟ้าทั้ง 7 ข้อ ที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงคำแนะนำเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อเก้าอี้นวดไฟฟ้าเพื่อให้คุ้มค่า คุ้มราคาที่เสียไปเท่านั้น หากโดยปกติแล้วไม่ค่อยได้นวดหรือไม่ค่อยมีอาการปวดเมื่อย ก็อาจจะไม่คุ้มค่าหากซื้อมาแล้วไม่ค่อยได้ใช้งานก็ไม่แนะนำ… แต่ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนชอบไปนวดหรือมีกิจกรรมที่ทำให้เราต้องเมื่อยอยู่บ่อยครั้งก็นับว่าเป็นไอเทมที่น่าลงทุนไม่น้อย จ่ายครั้งเดียวแต่ใช้กันได้ยาว ๆ ได้ความเป็นส่วนตัว ทั้งยังไม่ต้องเสียเวลาไปร้านนวดประหยัดค่าหมอนวด ค่าน้ำมัน และประหยัดเวลาในการเดินทางอีกด้วย
TOKUYO
เก้าอี้นวดไฟฟ้า รุ่น Royal TC-760 TOKUYO
259,000.00 บาท / ชิ้น
TOYOKI
เก้าอี้นวดไฟฟ้า รุ่น Ravana R8311 สีแดง TOYOKI
39,900.00 บาท / ชิ้น