การจัดสรรพื้นที่ภายในบ้านให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น อีกทั้งช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ด้วยไอเดียทำฉากกั้นห้องง่ายๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสไตล์และแบบที่เราต้องการ
ในปัจจุบันที่ตามเมืองใหญ่มีคนอาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่น ราคาที่อยู่อาศัยต่อตารางเมตรก็พุ่งทะยานสูงขึ้น ขนาดพื้นที่ของที่อยู่อาศัยจึงมีค่อนข้างจำกัด ทำให้เป็นประเด็นหลักในการออกแบบรวมถึงการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยในบ้านให้ตอบโจทย์การใช้งานของสมาชิกในบ้าน ทั้งกิจกรรมที่ต้องการพื้นที่โล่งกว้าง และเวลาที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หนึ่งในวิธีการกั้นสเปซหรือกั้นแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดเป็นส่วนในแบบที่เราต้องการคือ “การทำฉากกั้นห้อง” เพื่อให้เราใช้สอยพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่า อีกทั้งมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ง่าย ไม่ตายตัว
“ผ้าม่าน” กั้นง่าย ลงทุนน้อย ยืดหยุ่น
สำหรับการกั้นห้องอย่างง่ายๆ ลงทุนน้อย และมีความยืดหยุ่นสูงที่สุด คงหนีไม่พ้น “ผ้าม่าน” เมื่อก่อนการกั้นห้องแบบนี้ไม่เป็นที่นิยมนัก แต่ปัจจุบันสามารถพบเห็นได้ง่ายขึ้นแม้กระทั่งในพื้นที่สาธารณะ เช่น ในห้องแต่งตัว หรือห้องลองเสื้อในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ซึ่งการใช้ม่านกั้นพื้นที่นั้น เราสามารถเลือกเนื้อผ้าแบบทึบ แบบโปร่ง หรือกึ่งทึบกึ่งโปร่งก็ได้ แล้วแต่ความชอบความต้องการของผู้ใช้งาน นอกจากความยืดหยุ่นในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยแล้ว การใช้ผ้าม่านนั้นยังง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต หากมีการเปลี่ยนแปลงสไตล์ของห้อง ผู้อยู่อาศัยก็สามารถเปลี่ยนสไตล์ของผ้าให้เข้ากัน หรือจะถอดการติดตั้งออกก็ทำได้ไม่ยาก
ภาพ: ตัวอย่างการกั้นห้องด้วยผ้าม่าน
“บานเลื่อน” แบ่งขอบเขตพื้นที่ชัดเจน เป็นสัดส่วน
“บานเลื่อน” เป็นอีกวีธีที่นิยมใช้กั้นห้อง เห็นได้บ่อยในที่อยู่อาศัยแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เป็นประตูบานเลื่อนโชจิเพื่อกั้นพื้นที่ห้องให้เป็นสัดส่วน การทำบานเลื่อนกั้นห้องนั้นไม่ยืดหยุ่นเท่าการใช้ผ้าม่าน แต่มีความเป็นส่วนตัวและแบ่งขอบเขตของพื้นทีได้ชัดเจนกว่ามาก การเลือกใช้วัสดุสำหรับบานเลื่อนนั้น ควรดูจากลักษณะการใช้งานเป็นหลัก อย่างเช่น หากต้องการกั้นพื้นที่ให้ขาดจากกันแบบร้อยเปอร์เซนต์ก็ควรใช้เป็นบานทึบ ซึ่งอาจจะทำจากไม้ MDF หรือ Particle Board แต่ถ้าเพียงแค่ต้องการกันเสียงและกลิ่น อาจจะทำเป็นบานโปร่งเพื่อเปิดมุมมองให้โล่งสบายตา วัสดุอาจใช้เป็นกระจก ส่วนจะเป็นแบบใสหรือขุ่นนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการความเป็นส่วนตัวของพื้นที่ นอกจากนี้ ถ้าเป็นการแบ่งพื้นที่ที่ต้องการกั้นสายตาแค่บางส่วนแต่ยังต้องการให้อากาศในพื้นที่เชื่อมต่อถึงกัน ก็อาจเลือกใช้ระแนงไม้ ที่ให้ลุคเป็นธรรมชาติและอบอุ่น หรืออาจใช้วัสดุสไตล์ลอฟท์ (Loft) เช่น ตะแกรงหรือเหล็กฉีกได้ด้วย
ภาพ: บานเลื่อนไม้สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมแบบโชจิ
ภาพ: บานเลื่อนแบบกึ่งทึบกึ่งโปร่ง
ภาพ: บานเลื่อนแบบบานทึบ
ภาพ: ตัวอย่างบานเลื่อนกระจกขุ่น
ภาพ: ฉากกั้นห้องแบบบานเลื่อนที่เลือกใช้กระจกสี ที่มีเอกลักษณ์เมื่อแสงตกกระทบ
“บานเฟี้ยม” กั้นแบ่งแบบมีขอบเขต เปิดแล้วดูโปร่งโล่ง
การกั้นห้องด้วย “บานเฟี้ยม” จะยืดหยุ่นน้อยกว่าผ้าม่าน แต่ยืดหยุ่นมากกว่าบานเลื่อน เนื่องจากสามารถเปิดให้ได้พื้นที่โล่งกว้างมากกว่า สำหรับการทำตัวบานและวิธีเลือกใช้วัสดุนั้นจะคล้ายคลึงกับบานเลื่อน ต่างกันแค่วิธีติดตั้ง ซึ่งควรพิจารณาเรื่องน้ำหนักร่วมด้วย เพราะหากเป็นพื้นที่ที่ต้องเปิดปิดวันละหลายครั้ง ถ้าตัวบานมีน้ำหนักมาก จะไม่ค่อยสะดวกในการใช้งานนัก
ภาพ: การกั้นห้องด้วยบานเฟี้ยมแบบโปร่งโล่งกว้าง
ภาพ: การกั้นห้องด้วยบานเฟี้ยมแบบทึบ
กั้นแบ่งด้วย “เฟอร์นิเจอร์” ใช้งานได้สองด้าน ปรับเปลี่ยนง่าย ตกแต่งในตัว
นอกจากการกั้นพื้นที่ด้วยผ้าม่านและบานประตูแล้ว เรายังสามารถใช้ “เฟอร์นิเจอร์” ในการกั้นห้องได้ด้วย เช่น ตู้หนังสือ ตู้โชว์ ที่สามารถหยิบใช้งานได้ทั้งสองด้าน แน่นอนว่าการกั้นห้องแบบนี้สามารถทำได้ง่าย แต่จะไม่มีความยืดหยุ่นเรื่องพื้นที่ในระยะสั้นเหมือนกับวิธีอื่นๆ ที่กล่าวมา อย่างไรก็ตาม การใช้เฟอร์นิเจอร์ในการกั้นห้องก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายในอนาคต หากเบื่อสีสันหรือรูปแบบของเฟอร์นิเจอร์เดิมก็สามารถเปลี่ยนใหม่ หรือถ้าต้องการพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นก็เพียงแค่ย้ายออก
ภาพ: การกั้นพื้นที่ด้วยเฟอร์นิเจอร์
“ฉากกั้นห้อง” ถอดออกได้ ปรับเปลี่ยนง่าย
การใช้ “ฉากกั้นห้อง” เป็นวิธีดั้งเดิมในการแบ่งพื้นที่อย่างง่ายๆ เราอาจเลือกใช้ฉากแบบลอยตัวมาตั้งวางตามความเหมาะสม อาจเป็นแบบที่ออกแบบเอง หรือหาซื้อมาวางเลยก็ได้ ปัจจุบันมีหลากหลายสไตล์ให้เลือกสรร ซึ่งบางรูปแบบอาจมีความจำเป็นต้องยึดติดกับพื้นหรือฝ้า แต่สามารถถอดออกได้ง่ายถ้าต้องการปรับเปลี่ยน
ภาพ: ฉากกั้นแบบลอยตัวที่สามารถซื้อมาวางตั้งได้เลย
ภาพ: ฉากกั้นแบบที่มีล้อเลื่อน สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ง่าย
ภาพ: ฉากกั้นพื้นที่ที่ต้องมีการยึดติดกับพื้นหรือฝ้าเพดาน