เราสามารถทำบ้านให้เย็นได้ ด้วยการติดตั้งแผงบังแดดจากต้นไม้ หรือสวนแนวตั้ง ซึ่งนอกจากจะทำเองง่าย ใช้งบไม่มากแล้ว ยังช่วยให้บ้านดูร่มรื่นสดชื่นแบบเป็นธรรมชาติอีกด้วย
อากาศเมืองไทยบ้านเรา ขึ้นชื่อว่าแดดค่อนข้างจะแรงและจัดมาก หลายบ้านจึงพยายามหาวิธีป้องกันไม่ให้แดดเข้าสู่ตัวบ้านหรือผ่านเข้ามาได้น้อยที่สุด เช่น การติดฟิล์ม ติดม่านกันแดด การติดระแนงบังแดด สำหรับบทความนี้เรามีวิธีการทำแผงบังแดดจากต้นไม้และสวนแนวตั้ง ซึ่งเป็นวิธีที่ง่าย และใช้งบประมาณไม่มาก
ภาพ: การปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อช่วยลดแสงที่จะส่องผ่านเข้ามาในบ้าน เราอาจต้องมีเวลาในการดูแล ตัดแต่งทรง พุ่ม กิ่ง ใบ ให้สวยงามอยู่เสมอ
แผงบังแดดจากต้นไม้และสวนแนวตั้ง จะช่วยป้องกันแสงแดดที่จะเข้าสู่อาคารได้ดีกว่าการติดม่านภายใน เพราะเป็นด่านแรกที่จะช่วยป้องกันความร้อนไม่ให้ผ่านเข้าทางหน้าต่าง ซึ่งนอกจากการเลือกใช้ต้นไม้สูงใหญ่มาช่วยกรองแสงที่อาจต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะเติบโตตามต้องการ และต้องแต่งทรงพุ่มกิ่งใบแล้ว ไม้เลื้อยก็สามารถนำมาใช้กันแดดได้เช่นกัน นอกจากจะมีข้อดีเรื่องใช้งบไม่มากแล้ว ยังทำให้บ้านดูสดชื่นร่มรื่น ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยกรองฝุ่นควันและอากาศเสีย ทั้งยังช่วยลดเสียงที่จะผ่านเข้าไปรบกวนอีกด้วย ไม้เลื้อยในท้องถิ่นบ้านเราที่สามารถนำมาทำเป็นแผงกันแดดได้ เช่น สร้อยอินทนิล พลูด่าง ตีนตุ๊กแก พวงชมพู พวงหยก พวงโกเมน พวงแสด กระเทียมเถา ตำลึง เล็บมือนาง ชำมะนาด และจันทร์กระจ่างฟ้า เป็นต้น ซึ่งไม้เลื้อยแต่ละชนิดมีลักษณะใบ ดอก และการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน บางชนิดโตเร็ว บางชนิดไม่ชอบแดดจัด (แนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติม หรือสอบถามข้อมูลจากผู้ขายต้นไม้) สำหรับการทำให้ต้นไม้เลื้อยไปตามผนังอาคารแบบง่ายๆ แบ่งได้เป็น 3 วิธีหลักๆ คือ ปลูกไม้เลื้อยให้เกาะไปตามผนังอาคารโดยตรง ปลูกไม้เลื้อยให้เลื้อยพันไปตามตาข่าย และปล่อยให้ไม้เลื้อยทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วงโลก
1. การปลูกไม้เลื้อยประเภทที่เกาะไปตามผนังอาคารโดยตรง
เช่น ต้นตีนตุ๊กแก โดยรากของต้นไม้ชนิดนี้จะยึดเกาะกับปูนฉาบผนังอาคาร ซึ่งการปลูกต้นไม้ชนิดนี้ผนังจะต้องมีความชื้นพอสมควร
ภาพ: การปลูกไม้เลื้อยประเภทที่เกาะไปตามผนังอาคารโดยตรง สามารถช่วยกันแดดที่จะผ่านเข้าสู่ตัวบ้านได้
ภาพ: ลักษณะไม้เลื้อยที่เกาะไปตามผนังอาคารโดยตรง
2. การปลูกไม้เลื้อยให้เลื้อยพันไปตามเส้นเชือก เส้นลวด ตะแกรง หรือตาข่ายต่างๆ
เช่น ต้นสร้อยอินทนิล ต้นพลูด่าง ต้นตำลึง เป็นต้น โดยสามารถปลูกให้เลื้อยขึ้นบน หรือลงล่างก็ได้ โดยจะต้องทำการขึงลวด หรือติดตั้งตาข่าย สำหรับให้ต้นไม้ยึดเกาะได้ จากนั้นจึงปลูกต้นไม้ซึ่งอาจจะปลูกจากชั้นล่าง หรือชั้นบนเพียงชั้นเดียว หรือจะปลูกในกระถางเป็นระยะตามชั้นต่างๆ ก็ได้
ภาพ: ตัวอย่างการปลูกต้นสร้อยอินทนิลให้เกาะไปตามตะแกรงเหล็กฉีกของคอนโด The MET
3. การปล่อยให้ไม้เลื้อยทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก
เช่น ต้นพลูด่างที่ปลูกไว้บนชั้นบน จะห้อยยาวลงมาเรื่อยๆ การปลูกแบบนี้อาจปลูกตามระเบียงชั้นต่างๆ ของบ้านโดยปล่อยให้ต้นไม้ยาวลงมา ซึ่งกว่าจะได้แผงกันแดดที่สมบูรณ์อาจใช้เวลานาน แต่ใช้เงินลงทุนน้อยมาก
ภาพ: ตัวอย่างการปลูกต้นพลูด่างให้ห้อยลงมาของตึกแถวหลังหนึ่งใกล้ตลาดยอดพิมาน
ภาพ: ลักษณะการปล่อยให้ต้นไม้ทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วงโลก
นอกจากนี้ การทำสวนแนวตั้งก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดบ้านร้อนได้เช่นกัน สวนแนวตั้งนี้จะอาศัยโครงยึดเพื่อติดตั้งกระถางต้นไม้ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบระบบสำเร็จรูปที่เป็นชุดแผ่นเหล็กสำเร็จรูปเพื่อยึดติดกับผนังโดยตรง มาพร้อมอุปกรณ์กระถาง ทำให้สะดวกและง่ายต่อการติดตั้งด้วยตัวเอง และแบบที่ออกแบบเองติดตั้งเองโดยอาศัยโครงเหล็กที่จะยึดติดกับผนังหรือทำโครงติดตั้งบนพื้นแยกออกมาจากผนังบ้าน หรือโครงตาข่ายติดกับผนัง รวมถึงการนำวัสดุอื่นมาประยุกต์ใช้เพื่อติดตั้งกระถางก็ได้ เช่น นำลำต้นไผ่มาทำเป็นแนวผนังแล้วเดินท่อพีวีซีเพื่อปลูกต้นไม้ เป็นต้น ซึ่งจะต้องมีการออกแบบคำนวณปริมาณการใช้ การตัดโครงขนาดต่างๆ รวมถึงจำนวนอุปกรณ์และกระถางให้พอดีกับแต่ละหน้างาน โดยสวนแนวตั้งลักษณะนี้มีข้อดีคือเลือกผสมต้นไม้ได้หลากหลายพันธุ์และสีสัน จึงช่วยสร้างบรรยากาศได้หลากหลายตามพันธุ์ไม้ที่เราเลือก
ภาพ: ตัวอย่างระบบสวนแนวตั้งสำเร็จรูป Modular Green Hive ที่สามารถช่วยป้องกันความร้อนที่จะเข้าสู่ภายในบ้าน
ภาพ: ตัวอย่างสวนแนวตั้งที่ประกอบด้วยตะแกรงพลาสติกที่ยึดกับผนังบ้านเพื่อใช้แขวนกระถางพลาสติก
ภาพ: ตัวอย่างการทำสวนแนวตั้ง ที่เว้นเพียงส่วนช่องประตูไว้ เพื่อลดความร้อนที่จะผ่านผนังเข้าไปภายในบ้าน
ภาพ: ตัวอย่างการประยุกต์แผงไม้ไผ่กับการปลูกต้นผักไฮโดรโปนิกส์ ที่นอกจากจะช่วยลดความร้อนแล้ว ยังนำมาทำเป็นอาหารได้อีกด้วย
สิ่งสำคัญคือควรเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับแต่ละบ้านและเวลาที่เรามี เพื่อการเอาใจใส่ดูแลอย่างเหมาะสม และได้แผงบังแดดที่เป็นธรรมชาติ สวยงามในแบบที่เราต้องการด้วย